เด็กทารกควรถ่ายวันละกี่ครั้ง สีอุจจาระของทารกบ่งบอกอะไร

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

เด็กทารกควรถ่ายวันละกี่ครั้ง ถ่ายแบบไหนผิดปกติ สีอุจจาระบ่งบอกอะไร เรามาดูกันค่ะ ว่า เด็กทารกควรถ่ายวันละกี่ครั้ง และสีอุจจาระแบบไหนบ่งบอกว่าลูกสุขภาพดี

 

การขับถ่ายทารกตั้งแต่แรกเกิด-12เดือน

อายุ อุจจาระ/วัน
1-30 วัน 10 ครั้ง
1-4 เดือน 8-10ครั้ง
5-6 เดือน 2-5 ครั้ง
6-8 เดือน 2-5 ครั้ง
9-11 เดือน 2-5 ครั้ง
12 เดือน

ขึ้นไป

1-3 ครั้ง

 

ลูกน้อยถ่ายบ่อย ปริมาณความถี่แบบไหน ถือว่าไม่ปกติ?

ในความเป็นจริงแล้ว ความถี่ในการขับถ่ายของเด็กทารก ไม่สามารถเป็นตัวชี้วัดของความผิดปกติได้เสมอไปค่ะ สิ่งที่จะบ่งชี้ได้ว่าการขับถ่ายของลูกน้อยผิดปกติไป จะต้องมีปัจจัยเหล่านี้ร่วมด้วยค่ะ อาทิ

  • อุจจาระของลูกน้อยที่กินนมแม่ไม่ใช่สีเหลือง แต่เป็นสีน้ำตาล สีเหลืองซีด สีเขียว หรือสีดำ
  • อุจจาระมีมูกเลือดปน
  • ลูกน้อยมีอาการถ่ายเหลวเป็นน้ำมากกว่า 1 วัน

กรณีเหล่านี้ ถือว่าเป็นความผิดปกติของการขับถ่าย แม่ ๆ จำเป็นจะต้องสังเกตให้ดี หากลูกมีอาการเหล่านี้ควรพาลูกไปพบคุณหมอเพื่อเข้ารับการวินิจฉัยและรักษาค่ะ

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

สีอุจจาระของทารกบ่งบอกอะไร

เด็กทารกควรถ่ายวันละกี่ครั้ง

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา
  • สีเทา หรือขี้เทา

จะเกิดกับทารกที่เพิ่งเกิดได้เพียงไม่กี่วัน เกิดจากเมือก น้ำคร่ำ เซลล์ผิวหนังและสิ่งอื่น ๆ ที่ทารกบริโภคขณะอยู่ในครรภ์ ลักษณะหนืดและเหนียวคล้ายน้ำมันเครื่องรถยนต์และไม่ค่อยมีกลิ่น ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นปกติ และเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าลำไส้ของทารกทำงานได้ดี

  • สีดำ

หากทารกอุจจาระสีดำติดต่อกันหลังจาก 3 วันแรก ควรไปปรึกษากุมารแพทย์

  • สีเหลืองทอง

เป็นสีอุจจาระของทารกที่ดื่มนมแม่ เมื่อทารกดื่มนมแม่อุจจาระของทารกจะมีสีเหลืองทอง ลักษณะจะเหมือนครีมเหลว ๆ เละ ๆ แต่กลิ่นจะไม่รุนแรง

  • สีเขียว

อุจจาระเป็นน้ำที่มีสีเขียวกว่าปกติและถ่ายหลายครั้งต่อวัน อาจบ่งบอกได้ว่าลูกน้อยกำลังท้องเสีย มักเกิดขึ้นเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงอาหารหรือนมของลูกน้อย หรือบ่งบอกถึงอาการแพ้อาหารที่ทานเข้าไป และอาการท้องเสียอย่างรุนแรงอาจเป็นสัญญาณของปัญหาที่ร้ายแรงได้ เช่น ไวรัสหรือการติดเชื้อ หากทารกอุจจาระแล้วมีสีเขียวลักษณะเป็นฟอง อาจหมายความว่าแม่ให้นมแต่ละข้างกับทารกไม่นานพอ ทำให้ทารกกินน้ำนมส่วนหน้า (Foremilk) เยอะเกินไป

  • สีเหลืองน้ำตาล

เป็นสีอุจจาระของทารกที่ดื่มนมผงสำหรับทารก เมื่อทารกกินนมผงจะทำให้อุจจาระออกมามีสีเหลืองปนน้ำตาล ลักษณะคล้ายเนยถั่วหรือแป้งเปียก และมีกลิ่นรุนแรงกว่าอุจจาระของทารกที่ดื่มนมแม่

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา
  • สีน้ำตาลหรือน้ำตาลเข้ม

เป็นสีอุจจาระของทารกที่กินอาหารแข็ง เมื่อผู้ปกครองเปลี่ยนอาหารของทารกเป็นอาหารแข็ง เช่น ข้าวหรือกล้วยบด จะทำให้อุจจาระเปลี่ยนสีเป็นสีน้ำตาล หรือสีน้ำตาลเข้ม ลักษณะเหนียว ๆ เละ ๆ และกลิ่นแรงขึ้น

 

รู้ได้อย่างไรว่าทารกท้องผูก

  • ไม่ค่อยถ่าย ความถี่ในการขับถ่ายแต่ละวันของทารกนั้นไม่แน่นอน โดยเฉพาะในช่วงที่เพิ่งเริ่มหัดกินอาหารใหม่ ๆ อย่างไรก็ตาม หากสังเกตว่าทารกไม่ได้ขับถ่ายติดต่อกันนานกว่า 2-3 วัน อาจเป็นสัญญาณของอาการท้องผูกได้
  • ต้องออกแรงเบ่งอุจจาระ พ่อแม่ควรสังเกตว่าเด็กต้องออกแรงเบ่งอุจจาระมากกว่าปกติ หรือรู้สึกหงุดหงิดและร้องไห้เวลาขับถ่ายหรือไม่ หากมีอาการเหล่านี้ เด็กอาจประสบภาวะท้องผูกอยู่
  • มีเลือดปนอุจจาระ ทารกที่ท้องผูกอาจมีเลือดปนมากับอุจจาระได้ เนื่องจากผนังทวารหนักฉีกขาดจากการออกแรงเบ่งอุจจาระ
  • ไม่กินอาหาร ทารกจะไม่กินอาหารและมักรู้สึกอิ่มเร็ว เนื่องจากอึดอัดและไม่สบายท้องจากการไม่ได้ขับถ่ายของเสีย
  • ท้องแข็ง ลักษณะท้องของทารกจะตึง แน่น หรือแข็ง ซึ่งเป็นอาการท้องอืดที่เกิดขึ้นร่วมกับการมีท้องผูก

 

สาเหตุอาการท้องผูกของทารก

เด็กทารกควรถ่ายวันละกี่ครั้ง

ทารกอายุน้อยกว่า 6 เดือน

  • ปัญหาสุขภาพ
    หากทารกอายุน้อยกว่า 1 เดือนที่มีอาการท้องผูกควรได้รับการดูแลจากกุมารแพทย์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากอาจเป็นอาการของภาวะลำไส้ใหญ่โป่งพองแต่กำเนิด (Hirschsprung’s Disease: HD) มีโอกาสเกิดขึ้นประมาณ 1 ใน 5,000 คน และจำเป็นต้องรักษาด้วยการผ่าตัด
  • น้ำนม
    ส่วนใหญ่ทารกที่ดื่มนมแม่มักไม่เกิดปัญหาท้องผูก เนื่องจากน้ำนมแม่มีไขมันและโปรตีนที่ช่วยให้อุจจาระไม่แข็งตัว ส่งผลให้ขับถ่ายง่าย อย่างไรก็ตาม เด็กอาจถ่ายไม่ออก เนื่องจากแพ้โปรตีนในน้ำนมหรืออาหารบางอย่างที่คุณแม่รับประทานเข้าไปและไหลผ่านน้ำนมไปสู่ลูก
  • ลอดก่อนกำหนด
    ทารกคลอดก่อนกำหนดที่ท้องผูกจะมีอาการแย่กว่าเด็กทั่วไป เนื่องจากระบบย่อยอาหารยังเจริญไม่เต็มที่ ส่งผลให้อาหารที่รับประทานเข้าไปเคลื่อนผ่านทางเดินอาหารช้าและย่อยได้ไม่สมบูรณ์ อุจจาระจึงมีลักษณะแห้งและแข็ง

 

ทารกอายุ 6 เดือนขึ้นไป

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา
  • นมชง
    เด็กที่ดื่มนมชงเพียงอย่างเดียวเสี่ยงเกิดท้องผูกได้มาก เนื่องจากนมชงมีส่วนผสมที่อาจทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานมากขึ้น ส่งผลให้อุจจาระเป็นก้อน นอกจากนี้ หากทารกแพ้โปรตีนในน้ำนมก็อาจเกิดอาการท้องผูกได้
  • อาหารต่าง ๆ
    ทารกอาจท้องผูกหลังเปลี่ยนจากการดื่มนมแม่มาเป็นการรับประทานอาหารอื่น ๆ เนื่องจากร่างกายไม่ได้รับของเหลวในปริมาณเท่าเดิม อีกทั้งอาหารบางอย่างมีเส้นใยต่ำ ทำให้เกิดอาการท้องผูกได้ง่าย
  • ภาวะขาดน้ำ
    หากทารกประสบภาวะขาดน้ำหรือได้รับน้ำไม่เพียงพอ ร่างกายจะดูดซึมน้ำจากอาหารที่กินเข้าไป รวมถึงน้ำจากกากของเสียในร่างกาย ส่งผลให้อุจจาระแห้งและแข็งจนขับถ่ายลำบาก
  • อาการป่วยและยา
    อาการท้องผูกในทารกอาจเกิดจากปัญหาสุขภาพต่าง ๆ เช่น ไฮโปไทรอยด์ โบทูลิซึม (Botulism) อาการแพ้อาหารบางชนิด โรคเกี่ยวกับระบบการเผาผลาญอาหาร เป็นต้น รวมถึงอาการป่วยอื่น ๆ ที่อาจส่งผลให้เด็กกินอาหารหรือดื่มน้ำน้อยลง ทำให้ระบบการทำงานของร่างกายผิดปกติและนำไปสู่ปัญหาท้องผูก นอกจากนี้ การใช้ยาระงับปวดชนิดเสพติดหรือธาตุเหล็กในปริมาณสูงก็ทำให้เกิดท้องผูกได้

 

สังเกตอาการท้องผูกลูกน้อยอย่างไร?

สิ่งที่สามารถสังเกตได้ง่ายๆ เลยคือ เมื่อลูกน้อยขับถ่ายอุจจาระน้อยกว่า 2 ครั้ง ต่อ สัปดาห์ ซึ่งเป็นเวลามากกว่า 2 สัปดาห์ขึ้นไป ที่สำคัญในขณะถ่าย เด็กจะเบ่งนาน และอาจมีอาการท้องอืด แน่นท้อง ในบางครั้ง ซึ่งถ้าหากปล่อยไว้นาน ลูกจะเริ่มมีอาการปวดบริเวณรูทวารหนัก ส่งผลให้อาจมีแผลปริแตกหรือบวม อุจจาระมีเลือด ในบางกรณีถ้าหากลูกต้องเบ่งอุจจาระที่มีขนาดใหญ่และแข็ง อาจทำให้ติ่งเนื้อที่ก้นฉีกขาดได้ ส่งผลให้เกิดอาการเรื้อรังตามมาค่ะ

และเมื่อเกิดอาการท้องผูกเรื้อรัง ลูกอาจจะมีพฤติกรรมแปลก ๆ อย่างเช่น พยายามกลั้นอุจจาระ ยืนเบ่ง ไม่กล้านั่งถ่าย เขย่งเท้า ขาเกร็ง หนีบก้นจนหน้าซีดเหงื่อออก หรือถ้าหากคุณแม่พยายามจับลูกให้นั่งถ่าย ลูกก็จะร้องไห้ต่อต้านไม่ยอมทำ ซึ่งหากปล่อยไว้นาน ๆ ปริมาณน้ำจะถูกดูดซึมออกจากอุจจาระมากขึ้น ทำให้อุจจาระมีลักษณะที่แข็งและเป็นก้อนใหญ่ ขับถ่ายลำบากกว่าเดิม ซึ่งอาจส่งผลให้ระบบประสาทรับรู้ความรู้สึกที่ผนังลำไส้ใหญ่ส่วนปลายเกิดการเสียหาย ทำให้ความรู้สึกอุจจาระก็จะลดลง ภาวะนี้จะต้องใช้เวลาค่อนข้างนานในการรักษาเพื่อทำให้กลับมาเป็นปกติค่ะ

 

ป้องกันไม่ให้ทารกท้องผูกได้อย่างไร

  • ปรับการกินอาหารของทารก

ทารกอายุน้อยกว่า 6 เดือน โดยทั่วไปแล้ว ทารกวัยนี้จะดื่มนมแม่เพียงอย่างเดียว ทำให้ไม่ค่อยมีอาการท้องผูก อย่างไรก็ตาม อาการท้องผูกอาจเกิดจากการแพ้อาหารที่แม่รับประทานเข้าไป คุณแม่ที่ให้นมบุตรจึงควรเลี่ยงอาหารที่ส่งผลต่อการขับถ่ายของลูก

ทารกอายุ 6 เดือนขึ้นไป ทารกวัยนี้เริ่มหัดกินอาหารอื่นร่วมกับนมแม่หรือนมชงได้แล้ว พ่อแม่จึงควรปรับการกินอาหารของทารกเพื่อป้องกันปัญหาท้องผูก ดังนี้

  • เปลี่ยนการให้นม ทารกที่ดื่มนมชงอาจแพ้ส่วนผสมบางอย่างของนมผง จึงควรปรึกษาแพทย์เพื่อเปลี่ยนยี่ห้อนมรวมทั้งสังเกตว่าเด็กแพ้ส่วนผสมใดในนมผง
  • เติมน้ำผลไม้ในนม น้ำผลไม้อาจบรรเทาอาการท้องผูกได้หากบริโภคในปริมาณเล็กน้อย โดยควรผสมน้ำแอปเปิ้ล น้ำลูกแพร์ หรือน้ำลูกพรุนลงไปในนมชงหรือน้ำนมแม่วันละประมาณ 30-60 มิลลิลิตร
  • เสริมใยอาหาร ทารกที่เพิ่งเริ่มกินอาหารอื่นควรเลี่ยงอาหารที่เสี่ยงทำให้ท้องผูก โดยควรลดข้าว กล้วย หรือเลี่ยงไม่ให้เด็กกินข้าวกับกล้วย เนื่องจากข้าวและกล้วยจับตัวเหนียวเป็นก้อนได้ง่าย ทำให้ร่างกายย่อยยาก อีกทั้งควรให้เด็กกินอาหารที่มีเส้นใยมากขึ้น เช่น บร็อคโคลี่ ลูกพรุน ลูกแพร์ แอปเปิ้ลแบบปอกเปลือก ธัญพืชที่ผ่านการปรุงสุก ขนมปังธัญพืชไม่ขัดสี เป็นต้น ทั้งนี้ หากทารกยังไม่ได้เปลี่ยนมากินอาหารอื่น อาจนำผักผลไม้มาบดละเอียดและให้เด็กกินแทนได้
  • ให้ดื่มน้ำเยอะขึ้น พ่อแม่ควรให้เด็กดื่มน้ำอย่างเพียงพอ เพราะน้ำเปล่าและนมจะช่วยให้ร่างกายของเด็กชุ่มชื้นและขับถ่ายอย่างสม่ำเสมอ และอาจให้เด็กดื่มน้ำลูกพรุนหรือน้ำลูกแพร์เพื่อกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ โดยควรผสมน้ำเปล่าเพื่อเจือจางความเข้มข้นของน้ำผลไม้ไม่ให้หวานจนเกินไป

 

อาการท้องเสียในเด็กทารก

เด็กทารกควรถ่ายวันละกี่ครั้ง

ลูกน้อยขับถ่ายมากกว่าปกติและอุจจาระมีลักษณะเหลวผิดปกติ อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าทารกมีอาการท้องเสีย นอกจากนั้นอาจพบว่าอุจจาระมีมูกหรือเลือดปนออกมา หรือมีกลิ่นเหม็นผิดปกติด้วย ซึ่งแม้อาการท้องเสียในทารกจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ไม่น่ากังวลเท่าไหร่ แต่หากทารกท้องเสียต่อเนื่องเป็นเวลา 1-2 วัน ก็อาจทำให้ร่างกายเด็กสูญเสียของเหลวและเกลือแร่จำนวนมากจนอาจเกิดภาวะขาดน้ำตามมาได้ ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของทารก

 

ทารกท้องเสียควรทำอย่างไร

อาการท้องเสียเป็นกลไกหนึ่งที่ช่วยขับเชื้อโรคออกจากร่างกาย จึงไม่ควรให้ทารกใช้ยาแก้ท้องเสีย อีกทั้งองค์การอาหารและยายังไม่มีการรับรองยาที่ใช้สำหรับทารกที่มีอาการท้องเสีย ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่อาจบรรเทาอาการและช่วยให้ลูกน้อยสบายตัวขึ้นได้โดยปฏิบัติตามแนวทางดังต่อไปนี้

  • ให้ดื่มผงเกลือแร่ เพราะอาการท้องเสียอย่างรุนแรงจะทำให้ทารกสูญเสียของเหลวและเกลือแร่ในร่างกายไปเป็นจำนวนมาก ซึ่งจะส่งผลให้เกิดภาวะขาดน้ำตามมา หากลูกน้อยไม่มีอาการอาเจียนร่วมด้วย คุณแม่จะยังสามารถให้ทารกดื่มนมแม่หรือนมผงได้ตามปกติ แต่หากทารกอาเจียนและไม่สามารถดื่มนมได้ แพทย์อาจให้เด็กดื่มสารละลายอิเล็กโทรไลต์สำหรับทารก
  • งดของหวาน เช่นน้ำอัดลม น้ำผลไม้ รวมถึงเยลลี่หรือขนมหวานต่าง ๆ เป็นต้น เพราะน้ำตาลอาจทำให้อาการท้องเสียของทารกแย่ลงกว่าเดิม
  • เปลี่ยนผ้าอ้อมเป็นประจำ เพื่อลดการอับชื้นที่อาจเป็นเหตุให้ก้นของลูกน้อยเป็นผื่นและเกิดการระคายเคือง ทั้งยังช่วยลดอาการก้นแดงจากการท้องเสียอยู่บ่อยครั้ง
  • โอบกอดเบา ๆ บางครั้งอาการท้องเสียอาจทำให้ทารกไม่สบายตัวและงอแง ดังนั้นการกอดอาจช่วยให้เจ้าตัวน้อยงอแงน้อยลงได้

 

ที่มา : Pobpad,Pobpad,Phyathai, Enfababy

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง :

ลูกมีปัญหาเกี่ยวกับการย่อยอาหารจากการ แพ้นมวัว ทำไงดี?

การขับถ่ายของทารกแรกเกิด – 1 ปีต้องมีฉี่มีอึกี่ครั้งถึงเรียกว่า “ปกติ”

สีอุจจาระของลูก สีไหนปกติ สีไหนอันตรายกันนะ

บทความโดย

nantichaphothatanapongbow