อายแชโดว์ ผู้หญิงกับเรื่องความสวยเป็นของคู่กัน แล้วแบบนี้คุณแม่สามารถใช้ อายแชโดว์ ได้หรือไม่ หากทาแล้วจะส่งผลอะไรกับลูกหรือเปล่า เราไปดูกันเลยค่ะ
คนท้อง สามารถใช้ อายแชโดว์ ได้หรือไม่
คุณแม่ตั้งครรภ์ สามารถแต่งหน้าได้ตามปกติ แต่ควรระวังเรื่องสิวอุดตัน เพราะอาจมีการขับของซีบัมหรือไขมันบนใบหน้ามากขึ้นกว่าช่วงปกติ ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ ระบุว่า “non-comedogenic” และทำความสะอาดผิวให้หมดจด (double cleansing) และทุกครั้งที่จะซื้อผลิตภัณฑ์กลุ่มเมคอัพ ตรวจดูให้แน่ใจก่อนว่าไม่มีส่วนผสมของสารกลุ่ม retinoids สารนี้มักผสมในอัพสำหรับผิวที่ต้องการควบคุมความมัน เป็นสิวง่าย
สิวอุดตันขึ้นเต็ม หลังแต่งหน้า ผิดปกติหรือไม่
คุณแม่ ต้องทำความสะอาดผิวหน้าให้ดี ทุกครั้งหลังใช้ เพื่อป้องกันการเกิดสิวอุดตัน เนื่องจากฮอร์โมน ที่เปลี่ยนไป ทำให้คุณแม่บางท่านมีสิวเห่อขึ้นได้ง่าย เราขอแนะนำ ให้คุณแม่ทำจิตใจให้สบาย นอนหลับ พักผ่อนให้เพียงพอ รวมถึงทานอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำมาก ๆ ออกกำลังกายบ้าง งดของมึนเมา ก็จะช่วยให้ผิวพรรณมีสุขภาพดีขึ้น ผ่องใส แม้ไม่ต้องใช้เครื่องสำอาง
การเลือกเครื่องสำอางสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ มีวิธีการเลือกอย่างไร
- เลือกผลิตภัณฑ์ออแกนิก
ผลิตภัณฑ์ที่เป็นธรรมชาติปราศจากสารเคมี อย่างที่บอกไปนั่นแหละค่ะ คนท้องผิวพรรณและฮอร์โมนเกิดการเปลี่ยนแปลง ดังนั้น หากเลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่อ่อนโยน อาจเป็นการทำร้ายผิวได้ เพราะผิวของคุณแม่ในช่วงตั้งครรภ์อ่อนแอเป็นอย่างมาก ระคายเคืองได้ง่าย จึงควรดูแลอย่างพิถีพิถัน
- สำหรับคุณแม่ที่หาหมอผิวหนัง
เช่น หมอสิวอยู่เป็นประจำ ควรบอกคุณหมอด้วยว่ากำลังตั้งครรภ์อยู่ เพื่อให้คุณหมอเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่ไม่เป็นอันตรายต่อคุณแม่นะคะ สวยได้แต่ต้องสวยอย่างถูกวิธี ถูกสถานการณ์ด้วยนะ
- หากใช้เครื่องสำอางตัวไหนแล้วแพ้ ให้หยุดใช้ทันที
แต่หากหยุดใช้แล้วยังไม่หาย ให้รีบไปปรึกษาแพทย์เลย อย่าฝืนใช้ต่อหรือทดลองใช้ต่อนะคะ ผิวคุณแม่อ่อนแอมาก
- ล้างหน้าวันละ 2 ครั้ง
เช้าและเย็นให้สะอาดหมดจด และบำรุงด้วยโลชั่นที่เหมาะสมกับสภาพผิวเดิมเพื่อรักษาความชุ่มชื้นให้ผิวสุขภาพดีอยู่สม่ำเสมอ
- เลือกเครื่องสำอางที่น่าเชื่อถือ
มีเลขที่จดแจ้งชัดเจน ตรงตามชื่อแบรนด์ และหลีกเลี่ยงเครื่องสำอางยี่ห้อแปลก ๆ
เครื่องสำอางประเภทไหนที่ผู้หญิงตั้งครรภ์ควรหลีกเลี่ยง
- ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัฑณ์ที่มีส่วนผสมของสารที่ทำให้ขาว (Whitening)
การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ขาว หรือผลัดผิว ที่เราคุ้นหูได้ยินกันบ่อย ๆ ได้แก่ กรดผลไม้หรือ AHA เพราะอาจเกิดการระคายเคืองได้ ถ้าต้องการใช้ ควรเริ่มจากความเข้มข้นต่ำก่อน นอกจากนี้การขัดถู หรือสครับบ่อยเกินความจำเป็น ก็อาจทำร้ายผิวมากขึ้นไปอีก
- ครีมแก้ฝ้า
เนื่องจาก ระหว่างตั้งครรภ์ จะมีฮอร์โมนออกมา ค่อนข้างมาก ทำให้สีผิวเข้มขึ้นในหลาย ๆ ตำแหน่ง เช่น บริเวณรักแร้ ขาหนีบ หน้าท้อง และรอบหัวนม โดยเฉพาะบริเวณใบหน้าที่คุณผู้หญิงกลัวกันมากที่สุด คือ ฝ้า ดังนั้นจึงสรรหาครีมต่าง ๆ มาทาเพื่อให้รอยดำต่าง ๆ เหล่านี้จางลง ต้องระวังครีมที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจมีส่วนผสมของโลหะหนักเช่น ปรอท ซึ่งนอกจากใช้ติดต่อกันจะทำให้เกิดฝ้าถาวรแล้ว ปรอท ยังมีผลต่อระบบประสาท ทำให้ทารกในครรภ์พิการได้
- ยากลุ่มรักษาสิว
กลุ่มยารักษาสิว เนื่องจาก อาจมีส่วนผสมของกรดวิตามินเอ ซึ่งจากรายงานพบว่า ถ้าได้รับโดยการรับประทาน ขณะตั้งครรภ์สามารถทำให้เด็กเกิดความผิดปกติหรือแท้งได้ โดยปกติแพทย์ จะหลีกเลี่ยงการให้ยากลุ่มนี้ ทั้งในรูปของยารับประทาน และชนิดทาที่ผิวหนัง
บทความอื่นที่เกี่ยวข้อง : ทำไม ยารักษาสิว จึงอันตรายกับลูกในท้อง 100 สิ่งแม่ท้องต้องรู้ ตอนที่ 75
แพ้เครื่องสำอาง มีอาการอย่างไร
- แพ้ทางผิวหนังที่พบได้บ่อยคือเกิดจากการระคายเคืองหรือการสัมผัส โดยอาจเกิดเป็นตุ่มหรือผื่นแดง
- อาจเป็นตุ่มพอง ตุ่มใสหรือมีน้ำเหลืองซึมได้ อาจมีอาการแสบหรือคันร่วมด้วย
- ให้หยุดใช้ สักพักอาการจะทุเลาลง แต่ถ้าไม่หาย หรือกลับเป็นมากขึ้น แนะนำให้พบแพทย์ผิวหนัง เพื่อพิจารณาการรักษาที่เหมาะสมต่อไป
- ควรแจ้งแพทย์ด้วยทุกครั้ง ว่ากำลังตั้งครรภ์อยู่ เพื่อเลือกยาที่ไม่มีอันตรายต่อทารกในครรภ์ โดยทั่วไปแล้ว การแพ้แบบนี้ ไม่มีผลกระทบต่อเด็ก จึงไม่ต้องกังวลมากนัก
บทความอื่นที่เกี่ยวข้อง : เคสสุดแปลก แม่เป็นโรคผื่นแพ้ แพ้ลูกตัวเอง เป็นผื่นแดงทั่วท้อง ขณะตั้งครรภ์
วิธีสังเกตเครื่องสำอางต้องห้าม สำหรับแม่ท้อง
แม่ ๆ สามารถสังเกต ส่วนผสม ที่อยู่ข้างขวด หรือฉลากบนขวด ของผลิตภัณฑ์ ที่คุณแม่ใช้อยู่ เพื่อความปลอดภัยของคุณแม่ และลูกน้อย
- ผลิตภัณฑ์ระงับเหงื่อ (Antiperspirant)
ให้คุณแม่สังเกตตรงส่วนประกอบค่ะ ถ้าไม่มี อะลูมิเนียม คลอไรด์ (Aluminum chloride hexahydrate) เป็นใช้ได้ เนื่องจากอะลูมิเนียม คลอไรด์ ซึมเข้าผิวหนังและผ่านไปถึงรกหรือน้ำนม ทำให้ลูกในครรภ์ได้รับไปด้วย และอาจจะก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้
- สารเคมีในกลุ่มของ BHA (Beta hydroxy acids)
ที่มี Salicylic acid, 3-hydroxypropionic acid, trethocanic acid และ tropic acid เนื่องจากเป็นสารที่ถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้ค่ะ
- ครีมกันแดด
ที่มีส่วนผสมดังต่อไปนี้ค่ะ Avobenzone, homosalate, octisalate, octocrylene, oxybenzone, oxtinoxate, menthyl anthranilate และ oxtocrylene เพราะสารเคมีจะไปรบกวนระบบฮอร์โมนในร่างกาย
- สบู่และแชมพู
ควรหลีกเลี่ยงสบู่และแชมพู ที่มีสารเหล่านี้เป็นส่วนประกอบค่ะ Diethanolamine (DEA), Oleamide DEA, Lauramide DEA และ Cocamide DEA เนื่องจากทำให้ผิวหนังเกิดอาการระคายเคืองได้ง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากในส่วนผสมมีเกลือ nitrates อยู่ด้วยจะเกิดเป็น Nitrosodiethanolamine (NDEA) ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งทันทีค่ะ
บทความอื่นที่เกี่ยวข้อง : สบู่อาบน้ำเด็ก แนะนำสบู่เหลวอาบน้ำ อ่อนโยน ไม่ระคายเคืองสำหรับลูกน้อย
- น้ำยายืดผม และกาวต่อขนตา
ที่มีสารฟอร์มาลดีไฮด์ (formaldehyde), quaternium-15, dimethyl-dimethyl (DMDM), hydantoin, imidazolidinyl urea, diazolidinyl urea, sodium hydroxymethylglycinate, และ 2-bromo-2-nitropropane-1, 3-diol (bromopol) เนื่องจากเป็นสารระเหยที่มีอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจและผิวหนัง
- พาราเบน
หรือหาส่วนผสมเหล่านี้ค่ะ propyl, butyl, isopropyl, isobutyl และ methyl parabens เนื่องจากเป็นสารกันเสียและสามารถดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด และมีการตกค้างของสารเคมีในร่างกายเมื่อใช้เป็นระยะเวลานาน อาจจะส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์ ดังนั้นทางที่ดีที่สุด คือหยุดผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีตัวนี้ก่อนจะวางแผนตั้งครรภ์
- น้ำหอม
ที่มี Phthalates, diethyl และ dibutyl เนื่องจาก ทำให้ระบบทางเดินหายใจ และระบบประสาท เกิดการระคายเคืองได้ ส่งผลทำให้ปวดและเวียนหัว คลื่นไส้อาเจียน และเลวร้ายที่สุด คือ สามารถทำลายอวัยวะภายในได้เลยทีเดียว
- ผลิตภัณฑ์ใส่ผม ครีมกำจัดขน และน้ำยาดัดผม
ที่มี Thioglycolic acid, labeled acetyl mercaptan, mercaptoacetate, mercaptoacetic acid และ thiovanic acid เนื่องจากทำให้ระบบทางเดินหายใจและผิวหนังระคายเคือง
- ยาทาเล็บ
ที่มีสาร Toluene, methylbenzene, toluol และ antisal 1a เนื่องจากดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดทำให้ทารกมีความพิการ และทำให้สมองเติบโตช้ากว่าที่ควรจะเป็น
ที่มา : (Lovellatrendy),(Thairath),(Cosmenet)