คนท้อง เลือดกําเดาไหล อันตรายไหมถ้าเลือดกำเดาไหลตอนท้อง

ไม่ต้องตกใจที่เจอเลือดกำเดาไหลตอนท้อง ถ้าไหลไม่มากก็ไม่อันตรายแค่ทำให้รำคาญเท่านั้นเอง ถึงไม่ท้องก็มีเลือดกำเดาไหลได้

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

คนท้อง เลือดกําเดาไหล เลือดออกทางจมูก

คนท้อง เลือดกําเดาไหล ทำไมท้องแล้วมีเลือดกำเดาไหลบ่อยจัง แม่ท้องจะเป็นอันตรายไหม ต้องไปหาหมอหรือเปล่า มีวิธีบรรเทาอาการเลือดกำเดาไหล ยังไงบ้าง

 

อันตรายไหมถ้าเลือดกำเดาไหลตอนท้อง

ทำอย่างไรเมื่อเลือดกำเดาไหลตอนท้อง

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

การท้องไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้เลือดกำเดาไหล แต่เกิดจากอากาศเย็นและแห้งที่กระทบกระเทือนเยื่อบุโพรงจมูกให้ฉีกขาดหรือบางลงจนเลือดซึมออกมา แต่สำหรับคนท้องเลือดกำเดาไหลเกิดได้ง่ายกว่าเพราะหลอดเลือดในร่างกายคนท้องขยายตัวกว้างขึ้น จนบางลงเพื่อรองรับปริมาณเลือดจำนวนมากที่ร่างกายผลิตขึ้นระหว่างท้อง บางครั้งก็มีเลือดคั่งในจมูกมาก ทำให้หายใจไม่สะดวกจนต้องจามออกมาอย่างแรง กระเทือนเยื่อบุโพรงจมูกที่บางและแห้งอยู่แล้วจนฉีกขาดเปิดทางให้เลือดไหลออกมาได้ แต่อย่างที่บอกไว้แล้วว่าถ้าไม่มากก็ไม่ต้องเป็นห่วง

 

วิธีบรรเทาอาการเลือดกำเดาไหล

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา
  1. อย่าตกใจถ้าเลือดกำเดาไหล ให้นั่งลงแล้วก้มหัวมาข้างหน้าเล็กน้อยไม่ต้องต่ำมาก (อย่าแหงนหน้าไปข้างหลัง) ที่แนะนำไม่ให้เงยหน้าไปข้างหลังเพื่อป้องกันไม่ให้เลือดไหลย้อนลงไปในโพรงจมูกทำให้สำลักเวียนหัวและอาเจียนได้ รักษาระดับศีรษะให้อยู่สูงกว่าระดับหัวใจ วิธีนี้จะช่วยให้เลือดกำเดาค่อย ๆ หยุดไหลในที่สุด
  2. บีบตรงเหนือปลายจมูกไม่ให้อากาศเข้าแล้วหายใจทางปากแทน
  3. ประคบจมูกด้วยถุงน้ำแข็ง หรือถ้าไม่มีก็ใช้อะไรที่เย็นจัด ๆ ห่อไว้ด้วยผ้าขนหนูประคบไว้ที่จมูกและแก้ม ความเย็นที่แผ่กระจายไปทั่วบริเวณใบหน้าจะทำให้เลือดที่หมุนเวียนไปอุดคั่งที่จมูกลดจำนวนลง จนเลือดกำเดาหยุดไหลไปเอง แต่ต้องประคบไว้สักพักอย่าใจร้อน

ถ้าเลือดกำเดายังไม่หยุดหลังจากที่ได้ลองทุกวิธีที่กล่าวมาแล้ว ให้รีบไปพบแพทย์ทันที

 

ตั้งครรภ์ เลือดกําเดาไหล เลือดออกทางจมูก ออกเยอะ

รศ.นพ. ปารยะ อาศนะเสน ภาควิชาโสต นาสิก ลาริงซ์วิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เขียนบทความเรื่อง โรคจมูกและไซนัสในหญิงตั้งครรภ์ ระบุว่า การเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาระหว่างตั้งครรภ์ ทำให้เกิดการอักเสบของเยื่อบุจมูกที่เกิดจากการตั้งครรภ์ (rhinitis of pregnancy) และยังเพิ่มอุบัติการณ์ของการเกิดภาวะเลือดกำเดาไหล และทำให้โรคจมูกและไซนัสแย่ลงได้ง่าย

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา
  • ระหว่างช่วง 6 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ (ไตรมาสที่ 1 และ 2) จะมีการเพิ่มปริมาณของเลือดในหลอดเลือดของแม่
  • ปริมาณของเลือดดังกล่าว จะมีการเคลื่อนตัวออกนอกหลอดเลือดใน 3 เดือนสุดท้ายของการตั้งครรภ์ (ไตรมาสที่ 3)

ทั้งนี้ เกิดจาก อิทธิพลของฮอร์โมนเอสโตรเจน (estrogen) ซึ่งมีผลในการกระตุ้นระบบประสาทที่มาเลี้ยงเยื่อบุจมูก ทำให้เส้นเลือดในเยื่อบุจมูก มีการขยายตัว และมีการกระตุ้นการทำงานของต่อมสร้างน้ำมูกในเยื่อจมูกมากขึ้น ทำให้เกิดอาการทางจมูก และ/หรือไซนัส หรืออาจทำให้โรคของจมูกและไซนัสที่มีอยู่แล้ว แย่ลงได้ ซึ่งส่วนใหญ่อาการต่างๆ ของจมูกและไซนัสจะดีขึ้นเอง 5 วันหลังคลอด

 

แม่ท้อง เลือดกำเดาไหล

ในกรณีที่เลือดออกปริมาณน้อย อาจใช้ยาหดหลอดเลือดเฉพาะที่ (topical decongestants) หยอด หรือพ่นจมูก ซึ่งออกฤทธิ์โดยทำให้เส้นเลือดในเยื่อบุจมูกหดตัว หรือแพทย์อาจใช้สำลีชุบยาหดหลอดเลือดดังกล่าวใส่เข้าไปในจมูกแล้วให้ผู้ป่วยบีบไว้ ตัวอย่างยาในกลุ่มนี้ ได้แก่ 1–3% ephedrine หรือ 0.025–0.05% oxymetazoline เป็นต้น ซึ่งสามารถใช้ในหญิงตั้งครรภ์ เพื่อลดภาวะเลือดกำเดาไหลได้ (ระดับ C) แต่ไม่ควรใช้ต่อเนื่องเกิน 3–5 วัน และไม่ควรใช้ในระยะใกล้คลอด

 

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

อาการที่พบบ่อยเมื่อท้องไตรมาสที่สอง

อาหารที่เสริมและวิตามินเหมาะสำหรับตอนท้อง

บทความโดย

theAsianparent Editorial Team