เมื่อจบการศึกษาขั้นพื้นฐานหลายคนอาจจะมีความคิดที่แตกต่างกันออกไป บางคนอยากทำงานเลย บางคนอยากแต่งงาน บางคนก็อยากเรียนต่อ และไม่น้อย ที่เลือกจะ เรียนต่อต่างประเทศ และวันนี้เราจะมาพูดถึงการ เรียนต่อต่างประเทศ ประเทศไหนที่คนไทยเลือกที่จะไปเรียนต่อมากที่สุด และมีเหตุผลอะไรในการเลือก
จากการเปิดเผยข้อมูลของ บริติช เคานซิล ซึ่งร่วมกับสถานเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย พบว่ากว่า 45% ของคนไทยที่เรียนต่อในางประเทศ เลือกที่จะเรียนที่ สหราชอาณาจักร จากข้อมูลที่สหราชอาณาจักร มีคนไทยที่ศึกษาอยู่ที่นั่นถึง 6,880 คน และ ประเทศอื่นๆ ที่ใช้ภาษาอังกฤษ 15, 457 คน
ด้านสาขาที่เป็นที่นิยม ที่คนไทยมักเลือกเรียนคือ การจัดการด้านธุรกิจ ทั้งในระดับปริญญาตรี และปริญญาโท เฉพาะในระดับปริญญาโทนั้นคิดเป็นจำนวนสูงถึง 60% ตามด้วยสาขากฎหมาย 10% สาขาวิศวกรรมและเทคโนโลยี 6% สาขาสังคมศึกษา 5% และสาขาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์และการออกแบบ 3%
ทั้งนี้ สหราชอาณาจักรยังคงต้อนรับนักศึกษานานาชาติ อีกทั้งยังมีการเตรียมพร้อม 6 มาตรการรองรับนักศึกษาที่จะเดินทางเพื่อศึกษาต่อ ได้แก่
- การดูแลด้านอาหารและเครื่องใช้ที่จำเป็นสำหรับนักศึกษาที่ต้องกักตัว
- การดูแลพิเศษสำหรับนักเรียนที่ได้รับผลกระทบ
- การดูแลด้านสุขภาพจิตและความเป็นอยู่ที่ดี
- การเข้าถึงบริการด้านสุขภาพ
- การตรวจเชื้อโควิด-19
- การเข้าถึงวัคซีนป้องกันโควิด-19 แบบเทียบเท่าพลเมืองสหราชอาณาจักร
ผู้อำนวยการ บริติช เคานซิล ประเทศไทย กล่าวว่า องค์กรนานาชาติเพื่อความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมและโอกาสทางการศึกษาจากสหราชอาณาจักร ที่ทำงานร่วมกับประเทศต่าง ๆ รวมถึงประเทศไทย ในการสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับผู้คนในทางที่ดีขึ้นผ่านงานด้านภาษาอังกฤษ อุดมศึกษา และศิลปวัฒนธรรม สหราชอาณาจักรมีชื่อเสียงด้านคุณภาพการเรียนการสอน และการวิจัยจนติดอันดับโลก
อ้างอิงจากการจัดอันดับของ Times Higher Education ในปี 2564 ยกย่องให้สหราชอาณาจักรมีมหาวิทยาลัยถึง 2 แห่งที่ติดอันดับมหาวิทยาลัยชั้นนำ 10 แห่งของโลก ซึ่งรวมไปถึงมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของโลกอย่าง มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด และมหาวิทยาลัยอื่น ๆ ที่มีคุณภาพอยู่ทั่วประเทศ
โดยมีมหาวิทยาลัย 7 แห่ง ที่ติดอันดับท็อป 50 ของโลก 26 แห่ง ติดอันดับมหาวิทยาลัยชั้นนำ 200 แห่งของโลก ตลอดจน มหาวิทยาลัย 162 แห่งในสหราชอาณาจักรล้วนจัดการเรียนการสอนอย่างเข้มงวดภายใต้มาตรฐานกำกับดูแลของรัฐบาล
นางสาวอเล็กซานดรา เเมคเคนซี อัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย กล่าวว่า แม้ว่า ณ ตอนนี้ ทั่วโลกต้องเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทางสหราชอาณาจักรก็ยังคงมุ่งมั่น และให้ความสำคัญกับด้านการศึกษา และยินดีต้อนรับนักเรียนนักศึกษาต่างชาติ ซึ่งทางสหราชอาณาจักรได้คอยเฝ้าดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเตรียมพร้อมสำหรับมาตรการรองรับที่เป็นประโยชน์ต่อนักศึกษาต่างชาติในการเดินทางมาศึกษาที่สหราชอาณาจักร ดังนี้
- การดูแลด้านอาหาร และเครื่องใช้ที่จำเป็นสำหรับนักศึกษาที่ต้องกักตัว รัฐบาลสหราชอาณาจักร ได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัย ดูแลเรื่องอาหาร ยารักษาโรค รวมไปถึงสิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ ที่จำเป็นสำหรับนักศึกษาที่ต้องทำการกักตัว รวมถึงทำหน้าที่เป็นผู้ให้ข้อมูล และคำปรึกษาในเรื่องคำถามต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19
- การดูแลพิเศษสำหรับนักเรียนที่ได้รับผลกระทบ ฝ่ายกิจการนักศึกษาและสนับสนุนนักศึกษานานาชาติ พร้อมที่จะให้คำแนะนำและการดูแลเป็นพิเศษสำหรับนักศึกษาที่มีความเสี่ยงเข้าข่ายกลุ่มบุคคลเปราะบาง (vulnerable persons) รวมไปถึงมีการจัดเตรียมกองทุนพิเศษ เพื่อสนับสนุนกลุ่มนักเรียนที่ได้รับผลกระทบ และต้องการความช่วยเหลือเป็นกรณีพิเศษ ซึ่งรวมไปถึงค่าที่อยู่อาศัยและอุปกรณ์การเข้าถึงการเรียนการสอนในรูปแบบออนไลน์
- การดูแลด้านสุขภาพจิตและความเป็นอยู่ที่ดี ทางมหาวิทยาลัยจะมีการจัดกิจกรรมในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อต้อนรับนักศึกษาทุกคน และสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนนักศึกษาภายใต้มาตรการความปลอดภัยด้านสาธารณะสุข ซึ่งในหลายมหาวิทยาลัยได้จัดให้มีการจับคู่บัดดี้ระหว่างนักศึกษานานาชาติเพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดี และกระตุ้นให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และข้อแนะนำต่าง ๆ ระหว่างเพื่อนนักศึกษาด้วยกัน
- การเข้าถึงบริการต่าง ๆ เกี่ยวกับสุขภาพอนามัย นักศึกษาต่างชาติทุกคน สามารถติดต่อรับบริการทางด้านสาธารณสุข โดยระบบการดูแลสุขภาพ (NHS) ของสหราชอาณาจักร ซึ่งรวมถึงบริการออนไลน์ และบริการสำหรับกรณีฉุกเฉินด้วย
- การตรวจเชื้อโควิด-19 หลังจากที่นักศึกษาต่างชาติผ่านมาตรการเข้าเมืองแล้ว จะต้องผ่านกระบวนการตรวจหาเชื้อในกลุ่มผู้ป่วยไม่แสดงอาการเพื่อป้องกันการติดต่อ ตามข้อปฏิบัติของมหาวิทยาลัย โดยมีการตั้งเป้าไว้ว่าจะมีการจัดจุดตรวจในพื้นที่ของแต่ละมหาวิทยาลัยเพื่อความปลอดภัยสูงสุดของทุกคน
- การเข้าถึงวัคซีนป้องกันเชื้อโควิด-19 นักศึกษาต่างชาติที่อาศัยอยู่ในสหราชอาณาจักรและได้ทำการลงทะเบียนเข้าระบบการรักษาแบบแพทย์เวชปฏิบัติทั่วไป (GP) จะได้รับสิทธิ์การเข้าถึงวัคซีนป้องกันโควิด-19 โดยพิจารณาตามเกณฑ์เดียวกันกับพลเมืองของสหราชอาณาจักรเอง
ข้อเสนอใหม่ สมัครเพื่ออยู่ทำงานต่อได้ 2 ปี
นอกจากนี้ในปีที่ผ่านมา สหราชอาณาจักร ได้มีประกาศข้อเสนอใหม่ The Graduate Route ซึ่งเปิดโอกาสให้นักศึกษาต่างชาติ ที่ศึกษาจบระดับปริญญาตรี และปริญญาโทในสหราชอาณาจักร สามารถสมัครเพื่ออยู่ทำงานต่อได้เป็นเวลา 2 ปี (และ 3 ปี สำหรับนักศึกษาระดับปริญญาเอก) โดยแม้จะเป็นผู้ที่เรียนในรูปแบบผสมผสาน หรือเรียนผ่านระบบออนไลน์ ก็ยังคงสามารถสมัครได้เช่นเดิม เพียงแต่ต้องศึกษาอยู่ ณ สหราชอาณาจักรในเทอมสุดท้าย
ปรับปรุงวีซ่าสำหรับนักเรียนใหม่ภายใต้ชื่อ The Student Route
ล่าสุด ได้มีการปรับปรุงวีซ่าสำหรับนักเรียนใหม่ภายใต้ชื่อ The Student Route ที่ทำให้นักเรียน นักศึกษาต่างชาติสามารถสมัครวีซ่าได้ล่วงหน้าก่อนที่คอร์สเรียนจะเริ่มนานถึง 6 เดือน โดยที่เมื่อเรียนจบแล้วสามารถสมัคร The Graduate Route ต่อได้อีกด้วย โดยมาตรการทั้งหมดข้างต้น เป็นการสนับสนุนความหลากหลายทางวัฒนธรรม ของสหราชอาณาจักร ซึ่งนักเรียนต่างชาติมีส่วนสำคัญอย่างยิ่ง ในการส่งเสริมให้เกิดความหลากหลาย ในสังคมการเรียน และทำงานในสหราชอาณาจักร โดยทางสหราชอาณาจักร ได้ตั้งเป้าไว้ว่าจะมีจำนวนนักศึกษาต่างชาติมากถึง 600,000 คน ในปี 2573
สถิติน่าสนใจ ของนักเรียนไทย
นางสาวอุไรวรรณ สะโมลี หัวหน้าฝ่ายบริการการศึกษาต่อสหราชอาณาจักร บริติช เคานซิล ประเทศไทย กล่าวว่า สหราชอาณาจักรยังคงเป็นจุดหมายหลัก ในการศึกษาต่อด้านอุดมศึกษาของคนไทย โดยในปีการศึกษา 2561/62 มีนักศึกษาไทยเลือกศึกษาต่อ ณ สหราชอาณาจักรมากถึง 6,880 คน หรือคิดเป็น 45% จากจำนวนนักศึกษาไทยที่เลือกศึกษาต่อต่างประเทศ ในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษทั้งหมด 15,457 คน
โดยรองลงมาเป็น สหรัฐอเมริกาจำนวน 5,451 คน หรือคิดเป็น 35% ออสเตรเลียจำนวน 2,528 คน หรือคิดเป็น 16% และแคนาดาจำนวน 598 คน หรือคิดเป็น 4% ซึ่งสาขายอดนิยมของนักเรียนไทยที่เลือกไปเรียนต่อนั้นยังคงเป็นด้านการจัดการธุรกิจทั้งในระดับปริญญาตรี และปริญญาโท โดยสำหรับปริญญาโทนั้นคิดเป็นจำนวนสูงถึง 60% ตามด้วยสาขากฎหมาย 10% สาขาวิศวกรรมและเทคโนโลยี 6% สาขาสังคมศึกษา 5% และสาขาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์และการออกแบบ 3%
จากข้อมูลข้างต้น ในอนาคตสหราชอาณาจักรน่าจะยังคงเป็นเป้าหมายอันดับ 1 สำหรับคนไทย ที่เลือกไปศึกษาต่อ ถึงแม้ว่าในปัจจุบันจะมีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ก็ตาม ซึ่งจากการพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ ทั้งความโดดเด่นด้านวิชาการ และงานวิจัยต่าง ๆ มาตรการที่พร้อมรับมือกับเหตุไม่คาดฝัน การดูแลด้านสุขภาพอนามัยของนักศึกษาต่างชาติ รูปแบบวีซ่าที่รองรับการทำงานต่อหลังศึกษาจบ และทุนการศึกษาต่าง ๆ มากมาย
ในปีนี้ทางบริติช เคานซิล ได้มีการมอบทุน GREAT Scholarships สำหรับศึกษาต่อระดับปริญญาโทที่ต้องการ จะไปศึกษาต่อ ณ สหราชอาณาจักร จำนวนรวม 28 ทุน มูลค่าทุนละ 10,000 – 26,000 ปอนด์ (415,000 – 1,080,000 บาท) รวมเป็นจำนวนกว่า 11,500,000 บาท
และทุน Women in STEM ทุนการศึกษาแบบเต็มจำนวนสำหรับผู้หญิงในแวดวงด้าน STEM และต้องการศึกษาต่อในระดับปริญญาโทที่สหราชอาณาจักร โดยนอกจากทุนจะครอบคลุมค่าเทอม ค่าที่พักอาศัย และค่าใช้จ่ายส่วนบุคคลแล้ว จะยังครอบคลุมการสนับสนุนพิเศษสำหรับผู้ที่มีบุตร และค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับคอร์สปรับพื้นฐานภาษาของมหาวิทยาลัยอีกด้วย
สำหรับผู้ที่สนใจจะศึกษาต่อยังสหราชอาณาจักร สามารถศึกษารายละเอียดคอร์สเรียน และการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ของทางมหาวิทยาลัย รวมถึงเป็นช่วงที่ดีสำหรับการสมัครเข้าร่วมทุนการศึกษาต่าง ๆ ตลอดจนเข้าลองศึกษาคอร์สเรียนฟรีต่าง ๆ จากมหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักร และติดตามการอัพเดทข่าวสารอย่างใกล้ชิด จากทางมหาวิทยาลัย รัฐบาลอังกฤษ และข้อกำหนดในการเดินทางระหว่างประเทศ เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับปีการศึกษา 2564/65 ที่กำลังจะถึงในช่วงเดือนกันยายน – ตุลาคมนี้
ที่มา : campus.campus-star.com
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ :
เรียนต่อที่นิวซีแลนด์ : ไครสต์เชิร์ช เมืองการศึกษาแห่งใหม่สำหรับเด็กไทย
ประเภทของโรงเรียน และความแตกต่างที่พ่อแม่ควรรู้ ก่อนส่งลูกเข้าเรียน
Portfolio หรือ แฟ้มสะสมผลงาน ที่ดีควรประกอบด้วยอะไรบ้าง