เริ่มแรกเลยคือน้องเป็นโรคมือเท้าปากก่อน หลังจากหายจากมือเท้าปากประมาณสองอาทิตย์ แม่นิคก็นึกว่าลูกชายดีขึ้นแล้ว เลยพาไปเรียนว่ายน้ำที่โรงเรียนตามปกติ
แต่หลังจากเรียนว่ายน้ำตอนเช้า ช่วงเย็นน้องก็มีไข้สูงแบบเฉียบพลัน
มีอาการอาเจียน กินอะไรก็ออกหมด กินยาลดไข้ไข้ลด หมดฤทธิ์ยาตัวร้อน
เลยพาน้องไปหาคุณหมอที่โรงพยาบาล คุณหมอบอกน้องน่าจะติดเชื้อไวรัส คุณหมอก็ให้ยามาทานแต่คุณหมอไม่ได้บอกว่าน้องติดเชื้อไวรัสอะไร แม่นิคก็ให้ลูกชายกินยาตามที่หมอสั่ง
ครบทุกตัวจนอาการน้องดีขึ้น แต่ก็มีอาเจียนบ้างเป็นระยะ
แต่หลังจากนั้นก็เริ่มสังเกตุน้อง
น้องกินข้าวน้อยลง
เบื่ออาหาร
แต่ก็ยังไม่สงสัยอะไรมาก
แต่น้องเปลี่ยนไปเยอะ เริ่มผอม ผิวคล้ำลง กินข้าวน้อย จากเด็กที่กินข้าวเยอะ ผิวขาวเหลือง
กลายเป็นดำ คล้ำ
แบบมีแต่คนทักว่าทำไมน้องคล้ำขนาดนี้ แต่แม่นิดก็คิกว่าลูกคงไม่ได้เป็นอะไรมาก
ก็ให้น้องไปโรงเรียนตามปกติ
ไปโรงเรียนประมาณ 2 วัน พอวันที่ 3 แม่นิคไปรับลูกชายที่โรงเรียน
สังเกตุว่าน้องเดินกระเพลกนิดหน่อย แต่ยังกิน ยังเล่น ได้เป็นปกติ
วันต่อมา การเดินของน้องเริ่มกระเพลกมากขึ้น ที่หัวเข่าเริ่มมีรอยเขียวช้ำเหมือนล้มหรือกระแทกอะไรอย่างแรง
ตอนแรกแม่นิคเข้าใจว่าเล่นกับเพื่อนแล้วล้มทำให้ขาพลิก หรือกระแทกพื้นจนช้ำเลยเดินกระเพลก ตกกลางคืนก้อให้น้องทานยาลดไข้ แก้ปวดแล้วนอน
แต่เช้าวันรุ่งขึ้น น้องมีอาการหนักกว่าวันก่อนคือการเดินของน้องกระเพลกมาก
นั่งแล้วลุกขึ้นไม่ได้
เวลาลุกขึ้นขาจะสั่น
ตกเย็นเลยแม่นิคเลยตัดสินใจพาน้องไปโรงพยาบาล
คุณหมอตรวจอาการน้อง บอกว่าคอน้องแดง น่าจะเกิดจากเชื้อไวรัสและให้ยามาตามอาการ แล้วส่งน้องไปแผนกกระดูกเพื่อให้หมอกระดูกตรวจและ X-ray
ผล X-ray น้องปกติทุกอย่าง กระดูกแข็งแรงดี หมอกระดูกเลยวินิจฉัยว่าน้องน่าจะเอ็นพลิก หรือกล้ามเนื้อข้อเข้าอักเสบ
แม่นิคก็พาน้องกลับมาบ้าน และให้นอนพักช่วงบ่าย
แต่พอนอนตื่นนอนตอนเย็น น้องมีผื่นขึ้นที่หน้า ต้นแขนสองข้าง ตอนแรกเป็นผื่นแดงๆ
แต่สักพักก้อเป็นผื่นจ้ำเขียวๆ เหมือนอาการคนเกล็ดเลือดต่ำ
แม่นิคร้อนใจมากเลยพาน้องกลับไปที่โรงพยาบาลเดิมอีกครั้ง
ไปพบคุณหมอกุมารเวชอีกรอบ แต่รอบนี้ไปด้วยอาการผื่น
คุณหมอขอเจาะเลือดเพราะกลัวว่าน้องเกล็ดเลือดจะต่ำ อาจจะเป็นไข้เลือดออกได้
พอผลเลือดออกมา ผลเลือดน้องเป็นปกติ เกร็ดเลือดไม่ได้ต่ำ เม็ดเลือดสมบูรณ์ดี
คุณหมอให้ยากลับมากินอีกครั้ง
น้องกลับมาบ้าน กิน เล่น ปกติ กินนมได้ แต่ไม่ยอมกินข้าว
แม่นิคเฝ้าคอยดูอาการลูกทั้งคืน กลัวน้องมีไข้ แต่ก็ไม่มี
พอตื่นนอนตอนเช้า ปรากฏว่าน้องลุกจากเตียงไม่ได้ เดินไม่ได้ ขยับไม่ได้ ยืนไม่ได้
คราวนี้เลยตัดสินใจพาน้องไปหาอาจารย์หมอที่โรงพยาบาลเสรีรักษ์
อาจารย์หมอเป็นหมอแผนกอายุรกรรม
ตอนแรกพยาบาลตรงเคาน์เตอร์ถามว่าพบหมอกุมารเวชดีไหมคะ แม่นิคเลยบอกว่าไม่ค่ะ พอดีรักษากับหมอประจำ อยากให้ลูกตรวจกับอาจารย์หมอมากกว่า
พอเข้าพบอาจารย์หมอ
แม่นิคก็เล่าให้อาจารย์หมอฟังทุกอย่าง
อาจารย์หมอฟัง เริ่มตรวจเชคร่างกายน้อง เริ่มดูตามร่างกาย
ปรากฏว่าน้องมีรอยเขียว ตามข้อต่างๆ หัวเข่าข้างซ้ายบวมเขียวช้ำ
คุณหมอวินิจฉัยว่าน้องติดเชื้อไวรัส MSP
เชื้อไวรัสตัวนี้อาการจะคล้ายๆ ไข้หวัดใหญ่
อาจารย์หมอบอกว่าคนที่ได้รับเชื้อนี้จะมีอาการปวดตามข้อต่างๆ
แต่จะหนักตรงที่จะทำให้เดินไม่ได้เฉียบพลัน
ตอนแรกที่ฟังคือตกใจมาก
คือไม่คิดว่าจะมีเชื้อไวรัสอะไรแบบนี้ในโลกนี้ด้วย
แม่นิดถามอาจารย์หมอว่าแล้วมันเกิดได้ยังไง? อันตรายหรือไม่?
แล้วลูกจะกลับมาเดินได้หรือเปล่า?
คือวินาทีนั้นกลัวมาก
อาจารย์หมอบอกว่าเชื้อไวรัสตัวนี้มันมีมานานมากแล้ว
เรียกว่าเป็นเชื้อไวรัสที่ในสมัยก่อนมีคนเป็นเยอะ
แต่มาสมัยปัจจุบันไม่ค่อยพบ
เชื่อไวรัสตัวนี่มากับหน้าฝนหรือหน้ามรสุม
หากคนที่มีภูมิต้านทานต่ำมากๆ
ก็มีโอกาสติดเชื้อไวรัสนี้ได้
แต่อาการมากน้อยขึ้นอยู่ที่ร่างกาย
กรณีที่น้องเป็นเนื่องจากเป็นช่วงที่น้องภูมิต้านทานต่ำมาตั้งแต่ตอนเป็นมือเท้าปาก เลยรับเชื้อได้ง่าย
เชื้อไวรัสตัวนี้เลยเข้ามาโจมตีตามข้อต่างๆ โดยเฉพาะข้อเข่าเลยทำให้น้องเดินไม่ได้
แต่ถ้าปล่อยให้หายเองอาจารย์หมอบอกใช้เวลาประมาณ 1 เดือนหรือ 4 อาทิตย์
แต่หากรักษาโดยการทานยาประมาณ 1-2 อาทิตย์ ก็จะหายเป็นปกติ
เชื้อไวรัสตัวนี้ไม่อันตราย ไม่ใช่โรคติดต่อ
น้องก็ได้ยามาทาน รักษาตามอาการ
ทั้งหมดทั้งมวลอาการที่เป็นหลังจากน้องหายจากมือเท้าปาก อาจารย์หมอบอกเชื่อมโยงกันทั้งหมด
หลังจากทานยาอาจารย์หมอ
น้องก็เริ่มเดินได้ จนตอนนี้หายเป็นปกติแล้วค่ะ
ขอบคุณ: Nooknik Kamonthip
10 อาการป่วยของลูก ที่ไม่ควรมองข้าม