อยากให้ลูกเรียนเก่ง พ่อแม่ต้องทำอย่างไร?
พ่อแม่หลายคน อยากให้ลูกเรียนเก่ง แต่ก็ไปกดดันที่ลูก ทำให้ลูกเกิดความเครียด ซึ่งความเครียดในเด็กสงผลร้ายต่อพัฒนาการด้านการเรียนรู้และคุณภาพชีวิตในระยะยาวอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ทำให้ผลการเรียนของลูกไม่ดี เรียนไม่ทันเพื่อน ไม่ตั้งใจเรียน ไม่อยากไปโรงเรียน เพราะทุกเรื่องที่เกิดในโรงเรียนไม่ได้จบแค่ในโรงเรียน พ่อแม่จึงมีส่วนสำคัญอย่างมากในการช่วยผลักดันให้ลูกเอาชนะความเครียด ก้าวข้ามอุปสรรค์และความยากลำบากที่เกิดขึ้นไม่แต่เฉพาะในโรงเรียน แต่ยังรวมไปถึงอุปสรรค์ต่างๆในชีวิตได้ด้วย
วิจัยชี้ พ่อแม่มีส่วนช่วยลูกได้
ผลงานวิจัยที่เผยแพร่ในวารสารกุมารแพทย์ The Medical Journal Pediatrics พบว่าพฤติกรรมพื้นๆของพ่อแม่ สามารถส่งผลกระทบอย่างมหาศาลทั้งดีและร้ายต่อลูกในระยาวได้ ผู้นำการวิจัย พญ.แองเจลิก้า โรเบลส์ (Angeliga Robels.M.D.) กุมารแพทย์ จากศูนย์สุขภาพพัฒนาการด้านพฤติกรรมกุมารเวชโนวาล (Novant Health Developmental-Behavioral Pediatrics) เมืองชาร์ลอตต์ รัฐนอร์ท แคโรไลนา ได้ทำการสำรวจ เด็กในประเทศสหรัฐอเมริกา จำนวน 65,000 คน ช่วงอายุ 6-17 ปี ตั้งแต่ปี 2011-2012 พบว่าเด็กที่ใช้ชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีความรุนแรง สภาพเศรษฐกิจไม่ค่อยดี ติดยา สมาชิิกในครอบครัวอาการป่วยทางจิต สูญเสียสมาชิกในครอบครัว ถูกพ่อแม่กักขัง พ่อแม่หย่าร้าง ส่งผลกระทบต่อการแสดงออกที่โรงเรียนอย่างมาก ทำให้เด็กไม่ตั้งใจเรียน ไม่ทำการบ้านที่ยากเกินไป ผลการเรียนตกต่ำ และมีโอกาสเรียนซ้ำชั้นถึง 3 เท่า
ผลการวิจัยยังพบอีกว่า การที่พ่อแม่ใส่ใจรับฟังลูกให้มากขึ้นจะช่วยให้ลูกเอาชนะความเครียดและอุปสรรคต่างๆที่โรงเรียนได้ง่ายขึ้น งานวิจัยยังยืนยันอีกว่า พ่อแม่ที่ให้ความเอาใจใส่ ใจดีไม่เข้มงวดเกินไป ให้ความสำคัญกับการรับฟังและมีความเห็นอกเห็นใจลููก เป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้เด็กๆรับมือและจัดการกับปัญหาต่างๆได้ดีขึ้น ผลการเรียนดีขึ้น ใส่ใจกับการเรียน ยอมทำการบ้าน มีความสุขในโรงเรียนมากขึ้นถึง 6 เท่า แม้จะเคยเป็นเด็กมีปัญหาที่โรงเรียนหรือที่บ้านมาก่อนก็ตาม
ข้อแนะนำจากคุณหมอ
แต่นอกจากการรับฟังจากพ่อแม่แล้วพญ.แองเจลิก้ายังกล่าวแนะนำไว้ในบทบรรณาธิการของงานวิจัยว่า การรับประทานอาหารพร้อมหน้ากันทั้งครอบครัวอย่างน้อย 5 มื้อต่อสัปดาห์ หรือมากเท่าที่ทำได้ และมีที่อยู่อาศัยอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่มีบรรยากาศร่มรื่น จะช่วยส่งเสริมให้เด็กมีสุขภาพจิตที่ดี มีความสุขและสามารถเรียนรู้ทักษะทางวิชาการได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นก็ รวมไปถึงการมีความสัมพันธ์ที่ดีกับคุณครูที่โรงเรียนก็ช่วยได้มาก
พญ.แองเจลิก้า ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “เด็กจะมองดูตัวอย่างจากผู้ใหญ่ที่แวดล้อมอยู่ใกล้ตัว แม้แต่วัยรุ่นที่ดูเหมือนไม่ยอมฟังคำแนะนำจากใครก็ตาม แต่หากจะคอยจับตาดูตัวอย่างจากผู้ใหญ่ทุกฝีก้าวและต้องการการยอมรับในตัวตนที่เขาเป็นจริงๆมากกว่า”
งานวิจัยนี้แสดงให้เห็นว่าหน้าที่การเป็นพ่อแม่นั้นสำคัญขนาดไหน และไม่ใช่งานง่ายๆ แต่ถ้าการใส่ใจรับฟัง เปิดโอกาสให้ลูกได้พูดคุยมากขึ้นเพื่อให้พ่อแม่ได้เข้าใจและยอมรับตัวตนที่แท้จริงของลูก สามารถช่วยสร้างเกราะ และติดอาวุธทางความคิดให้ลูกได้ ทำให้สามารถรับมือและจัดการกับปัญหาได้ดีขึ้นในอนาคตก็คุ้มที่จะพยายามนะคะ อนาคตที่ดีของลูกอยู่ในมือคุณนั่นเองค่ะ
ขอบคุณข้อมูล romper
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ:
70 ประโยคภาษาอังกฤษคุยกับลูก จำง่ายๆ ใช้ในชีวิตประจำวัน ให้ลูกเก่งภาษาได้ไม่ยาก
ลูกวัยอนุบาล จำเป็นต้องเรียนพิเศษไหม ลูกวัยนี้พ่อแม่ควรให้ลูกเรียนเสริมอะไรดี?
เอาวัยเด็กของหนูมา!! หมอบอก ลูกเข้าเรียนเร็ว ให้ลูกเรียนมาก อาจทำให้ลูกสมาธิสั้น?