วัคซีน ไข้เลือดออก ถึงเมืองไทยแล้ว!
หลังจากที่มีการค้นคว้า และ วิจัยเรื่อง วัคซีน ไข้เลือดออก มา มากกว่า 20 ปี นับว่าเป็นข่าวดี ที่คนไทยจะสามารถลด “ความสูญเสีย” จากโรค “ไข้เลือดออก” ที่คร่าชีวิตบุคคลอันเป็นที่รักไปอย่างไม่มีวันกลับปีแล้วปีเล่า และ ข่าวดีล่าสุดในปี 2017 นี้ คนไทยมีโอกาสได้ใช้ “ วัคซีน ไข้เลือดออก ” กันแล้ว
“วัคซีนไข้เลือดออก” นี้ ถือเป็นความภาคภูมิใจ ของประเทศไทย ซึ่งเป็นประเทศแรก ที่เริ่มต้นในการพัฒนาวัคซีนไข้เลือดออก พญ.อรอุมา บรรพมัย อายุรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ด้านโรคติดเชื้อ รพ.สมิติเวชสุขุมวิท ให้ความรู้ ว่า เชื้อไวรัส ที่ทำให้เกิดโรคไข้เลือดออก มีอยู่ 4 สายพันธุ์ ประกอบด้วย สายพันธุ์ DENV-1 , DENV-2 , DENV-3 และ DENV-4 ซึ่งการกระจายของเชื้อไวรัสทั้ง 4 สายพันธุ์ มีการเปลี่ยนแปลงไปในช่วงเวลาต่าง ๆ อย่างไม่สามารถทำนายได้ จึงเป็นการยากลำบากในการป้องกันได้ครบ
แต่ “ วัคซีนไข้เลือดออก ” นี้ประกอบด้วย DENV 1 ,2 ,3 ,4 มารวมกัน ให้อยู่ในเข็มเดียวกัน ถือเป็นนวัตกรรมที่ถูกคิดค้น จากความร่วมมือของหลายประเทศ และ มีประสิทธิภาพ ในการป้องกันโรค 65.6% , มีประสิทธิภาพลดความรุนแรงของโรคได้ 93.2% และ ลดอัตราการนอนโรงพยาบาลได้ 80.8 % สามารถฉีดได้ในกลุ่มอายุ 9-45 ปี
ใครควรได้รับการฉีดวัคซีน หรือ ใครไม่ควรฉีด อย่างที่บอกว่าทุกคน ที่มีอายุ 9-45 ปี และ อยู่ในพื้นที่ ที่มีการระบาดของโรคไข้เลือดออก และ ไม่มีข้อห้ามใช้ก็สามารถฉีดได้ทุกคน
สำหรับข้อห้ามในผู้ที่ไม่ควรฉีด ได้แก่ มีประวัติแพ้รุนแรง ในส่วนประกอบของวัคซีน มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องแต่กำเนิด หรือ ภายหลัง เช่น การผิดปกติทางพันธุกรรม การติดเชื้อ HIV หรือ ได้รับยากดภูมิคุ้มกัน เช่น สเตียรอยด์ในขนาดสูง หรือ เคมีบำบัด รวมไปถึงสตรีตั้งครรภ์ หรือ อยู่ในระหว่างให้นมบุตร ผู้ที่มีไข้ระดับกลาง จนถึงไข้สูง หรือ กำลังเจ็บป่วยแบบเฉียบพลัน ควรเลื่อนการฉีดวัคซีนไปก่อน จนกว่าจะหายดี
ส่วนผู้ที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มอายุ 9-45 ปี ก็สามารถฉีดได้ เพราะ “วัคซีนไข้เลือดออก” เป็นวัคซีนทางเลือก หากไม่ได้อยู่ในกลุ่มที่ควรฉีดประสิทธิภาพของวัคซีนก็จะแตกต่างกันออกไป
อย่างไรก็ตาม การฉีดวัคซีนไข้เลือดออก จะฉีดเข้าไปที่ผิวหนัง 3 ครั้งๆ 0.5 มล. โดยฉีดห่างกัน ครั้งละ 6 เดือน ซึ่งอาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ หลังฉีดแล้ว เช่น ปวดบริเวณที่ฉีด ปวดกล้ามเนื้อ ปวดหัว มีไข้ต่ำๆ ผิวหนังแดง ห้อเลือด บวม และ คัน แต่อาการดังกล่าวเป็นชนิดไม่ร้ายแรง ส่วนใหญ่เกิดขึ้นภายใน 3 วันหลัง จากฉีดวัคซีน หากฉีดครบ 3 ครั้งแล้วภูมิคุ้มกันจะขึ้นเต็มที่
สุดท้ายเมื่อเราฉีดครบ 3 เข็มแล้ว จะสามารถป้องกันไข้เลือดออกได้ ตลอดชีวิต หรือไม่นั้น ต้องมีการติดตามผลกันต่อไป เพราะ “วัคซีนไข้เลือดออก” เพิ่งจะผลิตมาทดลองใช้ในมนุษย์ได้ประมาณ 4-5 ปี ในประเทศ ที่มีความชุกของโรค ซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วย แต่เชื่อว่าน่าจะอยู่ในนาน และช่วยลดความสูญเสียได้มากขึ้น
ที่มา: เดลินิวส์ และ Healthy Clean
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
ไข้เลือดออก โรคร้ายที่ไม่ควรมองข้าม
อุทาหรณ์สอนใจแม่ เด็กวัยรุ่นจีนฆ่าตัวตาย หลังแม่ตบเขาต่อหน้าเพื่อน ที่โรงเรียน (จิตวิทยาวัยรุ่น)
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โรค HIV ความรู้เกี่ยวกับเอชไอวี