สัญลักษณ์ ที่ลูกควรรู้ เพื่อความปลอดภัยของลูก และคุณพ่อคุณแม่ฝึกให้ลูกสังเกตได้ เราไปดูกันเลยค่ะ ว่ามี สัญลักษณ์อะไรบ้าง ที่ลูก ๆ ควรรู้
เครื่องหมายจราจรและความหมาย
เครื่องหมายจราจร เป็นเรื่องที่ถือว่าใกล้ตัวเรามากที่สุดเรื่องหนึ่งก็ว่าได้ เพราะทุกวันนี้ต้องใช้รถ ใช้ถนน ในการเดินทางไปไหนมาไหน ดังนั้นแล้ว การให้ลูกศึกษาเรื่อง เครื่องหมายจราจรทางบก จึงเป็นเรื่องที่ควรจะทำ เนื่องจากคุณพ่อคุณแม่และลูก ใช้ถนนร่วมกับผู้อื่น ก็ควรจะสอนให้ลูกเรียนรู้ เกี่ยวกับสัญญาณจราจรและเครื่องหมายจราจร
-
เครื่องหมายจราจร (Traffic Sign)
หมายถึง สัญลักษณ์ทางจราจรที่ใช้ในการควบคุมการจราจร มักเป็นสัญญาณแสงหรือป้าย มักมีจุดประสงค์เพื่อ กำหนดบังคับการเคลื่อนตัวของจราจร การจอด หรืออาจเป็นการเตือน หรือแนะนำทางจราจร ดังนี้
- สัญญาณไฟจราจร
สัญญาณไฟจราจร โดยทั่วไปประกอบด้วยสัญญาณไฟสามสี ติดตั้งตามทางแยกต่าง ๆ เพื่อควบคุมการจราจรตามทางแยก โดยทั้งสามสี ได้แก่ สีแดงให้รถหยุด สีเหลืองให้รถระวัง เตรียมหยุด และสีเขียวคือให้รถไปได้ สำหรับสัญญาณไฟจราจรพิเศษอาจมีสีเหลืองเพียงสีเดียวจะกะพริบอยู่ ใช้สำหรับทางแยกที่ไม่พลุกพล่าน หมายถึง ให้ระมัดระวังว่ามีทางแยก และดูความเหมาะสมในการออกรถได้เอง หรือ สัญญาณไฟจราจรสำหรับการข้ามถนน หรือ สัญญาณไฟจราจรไว้สำหรับเปลี่ยนเลน เป็นต้น
- ป้ายจราจร
ป้ายจราจร เป็นป้ายทางการควบคุมการจราจร แบ่งออกเป็นสามประเภท
-
- ป้ายบังคับ มักจะมีพื้นสีขาว ขอบสีแดง เป็นป้ายกำหนด ต้องทำตาม เช่น ห้ามเลี้ยวขวา
- ป้ายเตือน มักจะมีพื้นสีเหลือง ขอบสีดำ จะเป็นป้ายแจ้งเตือนว่ามีอะไรอยู่ข้างหน้า
- ป้ายแนะนำ เป็นป้ายที่แนะนำการเดินทางต่าง ๆ อาทิ ทางลัด ป้ายบอกระยะทาง เป็นต้น
สัญลักษณ์ ที่เด็ก ๆ ควรรู้
ป้ายบังคับ
- ป้ายหยุด
รถทุกชนิดต้องหยุด เมื่อเห็นว่าปลอดภัยแล้ว ให้เคลื่อนรถต่อไปด้วยความระมัดระวัง
- ห้ามเข้า
ห้ามไปในพื้นที่ ที่มีป้ายห้ามเข้า
- สัญลักษณ์ห้าม ห้ามแซง
ห้ามไม่ให้ขับรถแซงขึ้นหน้ารถคันอื่น ในเขตทางที่ติดตั้งป้าย
- ห้ามเลี้ยวซ้าย
ห้ามไม่ให้รถเลี้ยวไปทางซ้าย
- สัญลักษณ์ห้ามเลี้ยวขวา
ห้ามไม่ให้รถเลี้ยวไปทางขวา
- ห้ามคน
ห้ามคนผ่านเข้าไปในเขตทางที่ติดตั้งป้าย
- จำกัดความเร็ว
ห้ามไม่ให้ผู้ขับรถทุกชนิด ใช้ความเร็วเกินกว่าที่กำหนด เป็นกิโลเมตรต่อชั่วโมง ตามจำนวนตัวเลข ในแผ่นป้ายนั้น ๆ ในเขตทางที่ติดตั้งป้าย จนกว่าจะพ้นที่สุดระยะ ที่จำกัดความเร็วนั้น
- ให้เดินรถทางเดียวไปข้างหน้า
ขับรถตรงไปตามทิศทางที่ป้ายกำหนด
- ทางเดินรถทางเดียวไปทางซ้าย
ให้ขับรถไปทางซ้ายแต่ทางเดียว
- ทางเดินรถทางเดียวไปทางขวา
ให้ขับรถไปทางขวาแต่ทางเดียว
ป้ายเตือน
- วงเวียนข้างหน้า
ทางข้างหน้าจะเป็นทางแยกมีวงเวียน ให้ขับรถให้ช้าลง และเดินรถด้วยความระมัดระวัง
- ทางข้ามทางรถไฟไม่มีเครื่องกั้นทาง
ทางข้างหน้ามีทางรถไฟตัดผ่าน และไม่มีเครื่องกั้นทาง ให้ขับรถให้ช้าลงให้มาก และสังเกตดูรถไฟทั้งทางขวาและทางซ้าย ถ้ามีรถไฟกำลังจะผ่านมาให้หยุดรถให้ห่างจากทางรถไฟอย่างน้อย 5 เมตร แล้วรอคอยจนกว่ารถไฟนั้นผ่านพ้นไปและปลอดภัยแล้ว จึงเคลื่อนรถต่อไปได้ ห้ามมิให้ขับรถตัดหน้ารถไฟในระยะที่อาจจะเกิดอันตรายได้เป็นอันขาด
- ทางข้ามทางรถไฟมีเครื่องกั้นทาง
ทางรถไฟที่หน้าที่ได้กั้นทาง หรือมีเครื่องกั้นทางปิดกั้น ถ้ามีรถข้างหน้าหยุดรออยู่ก่อน ก็ให้หยุดรถถัดต่อมาตามลำดับ เมื่อเปิดเครื่องกั้นทางแล้วให้รถที่หยุดรอเคลื่อนที่ตามกันได้
- สัญญาณจราจร
ทางข้างหน้ามีสัญญาณไฟจราจร ให้ขับรถช้าลง และพร้อมที่จะปฏิบัติตามสัญญาณไฟจราจร
- ระวังสัตว์
ทางข้างหน้า อาจมีสัตว์ข้ามทาง ให้ขับรถให้ช้าลง และระมัดระวังอันตรายเป็นพิเศษ
- ระวังอันตราย
ทางข้างหน้ามีอันตราย เช่น เกิดอุบัติเหตุ ทางทรุด เป็นต้น ให้ขับรถให้ช้าลงให้มาก และระมัดระวังอันตรายเป็นพิเศษ
- หยุดข้างหน้า
ทางข้างหน้ามีเครื่องหมายหยุดติดตั้งอยู่ ให้ผู้ขับรถเตรียมพร้อมที่จะหยุดรถได้ทันที เมื่อขับรถถึงป้ายหยุด
- ทางลื่น
ทางข้างหน้าลื่น เมื่อผิวทางเปียกอาจเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย ให้ขับรถให้ช้าลงให้มาก และระมัดระวังการลื่นไถล อย่าใช้ห้ามล้อโดยแรงและทันที การหยุดรถ การเบารถ หรือเลี้ยวรถในทางลื่นต้องกระทำด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ
- ผิวทางร่วน
ทางข้างหน้ามีวัสดุผิวทางหลุดกระเด็นเมื่อขับรถด้วยความเร็วสูงให้ขับรถให้ ช้าลง และระมัดระวังอันตราย อันอาจเกิดจากวัสดุผิวทาง
- ระวังคนข้ามถนน
ทางข้างหน้า มีทางสำหรับคนข้ามถนน หรือมีหมู่บ้านราษฎรอยู่ข้างทาง ซึ่งมีคนเดินข้ามไปมาอยู่เสมอ ให้ขับรถให้ช้าลงพอสมควรและ ระมัดระวังคนข้ามถนน ถ้ามีคนกำลังเดินข้ามถนน ให้หยุดรถให้คนเดินข้ามถนนไปได้โดยปลอดภัย
ป้ายแนะนำ
- ป้ายแสดงโรงพยาบาล
- ป้ายแสดงทางข้าม
- ป้ายแสดงจุดกลับรถ
- ป้ายแนะนำชื่อทางแยก
- ป้ายทางตัน
- ป้ายแนะนำที่พักริมทาง
- ป้ายเดินรถทางเดียวไปทางซ้าย
- ป้ายเดินรถทางเดียวไปทางขวา
- ป้ายชี้ทางไปสถานีขนส่ง
- ป้ายชี้ทางไปสถานีรถไฟ
สอนลูกอย่างไร ให้ลูกเรียนรู้ง่ายและเข้าใจ
- สอนเนื้อหาที่สมวัย
ก่อนที่จะสอนเรื่องอะไร พ่อแม่ต้องทำความเข้าใจถึงช่วงวัย และพัฒนาการการเรียนรู้ของลูกเสียก่อน เพราะสมองของลูกจะจัดเก็บข้อมูล โดยเรียงจากง่ายไปหายาก เรียงจากสิ่งที่คุ้นเคยไปหาสิ่งที่มีความท้าทายมากขึ้น ดังนั้นหากพ่อแม่สอนในเรื่องที่ลูกยังไม่เกิดความเข้าใจ คงเป็นไปได้ยากที่ลูกจะเกิดกระบวนการเรียนรู้ และจดจำในเรื่องเรื่องนั้นได้ เช่น ถ้าจะสอนลูกนับเลข ควรต้องรู้ว่าลูกรู้จักตัวเลขต่าง ๆ ดีหรือยัง หรือถ้าจะสอนลูกแต่งประโยค ควรดูว่าลูกมีความพร้อมในการสะกดคำต่าง ๆ แล้วหรือไม่
บทความที่เกี่ยวข้อง : สอนลูกเขียนภาษาไทย คำไทยยาก ๆ ก-ฮ เขียนคำไทยให้ถูกต้อง
- สอนวันละเรื่อง
ในการสอนเรื่องต่าง ๆ พ่อแม่ควรให้เวลาลูกในการเรียนรู้ และทำความเข้าใจ ในบทเรียนให้เข้าใจดีเสียก่อน อาจจะแบ่งแยกเป็นเรื่อง ๆ เพื่อให้ง่ายต่อการจำ
บทความที่เกี่ยวข้อง : การเรียนรู้และการพัฒนาอย่างสร้างสรรค์ ของเด็กวัยหัดเดินมีความสำคัญอย่างไร
- ไล่เนื้อหาจากง่ายไปยาก
เพราะความเข้าใจคือสิ่งสำคัญที่ช่วยทำให้การเรียนรู้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ดังนั้น พ่อแม่จึงควรสังเกตว่าลูกมีความเข้าใจในบทเรียนเรื่องใดแล้ว และพยายามสอนต่อยอดจากเรื่องนั้นไปสู่บทเรียนที่ยากขึ้น การสอนเรื่องที่มีความยากเกินไป นอกจากไม่ทำให้ลูกเกิดความเข้าใจแล้ว ยังเป็นการบั่นทอนกำลังใจ และทำให้ลูกเบื่อหน่ายในการเรียนอีกด้วย
- สอนซ้ำ ย้ำ ทวน
พ่อแม่ควรให้ความสำคัญ โดยการทบทวนความจำของลูก ว่าลูกเข้าใจมากน้อยเพียงใด
- ยกตัวอย่างประกอบจากเรื่องใกล้ตัว
การที่จะให้ลูกเรียนรู้ในเรื่องใดเรื่องหนึ่งให้เข้าใจได้เป็นอย่างดีนั้น พ่อแม่อาจหากิจกรรมใกล้ตัว ที่ช่วยทำให้เกิดความเข้าใจในการเรียนได้ง่ายขึ้น เช่น พ่อแม่อาจสอนลูกนับเลขได้ จากการแบ่งเค้กในวันเกิด หรือสอนลูกสะกดคำผ่านการอาจป้ายต่าง ๆ เวลานั่งรถ ซึ่งการเรียนรู้แบบนี้จะช่วยให้ลูกเกิดความสนุก และซึมซับทำความเข้าใจได้อย่างรวดเร็ว
บทความที่เกี่ยวข้อง : สัญลักษณ์ที่เด็กควรรู้ ความหมายของสัญลักษณ์ต่าง ๆ ที่พบเห็นในชีวิตประจำวัน
ที่มา : (1),trueplookpanya