ลูกแรกเกิด สะดือจุ่น สะดือโป่ง คนโบราณให้ใช้เหรียญปิดเพื่อรักษา หรือหาหมอดี?

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

อีกหนึ่งภาวะเด็กแรกเกิดที่มักพบได้บ่อยก็คือ สะดือจุ่น นับเป็นอาการที่พ่อแม่หลายคนกังวล และยังไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แล้วเกิดขึ้นได้อย่างไร เป็นอันตรายต่อลูกเราหรือเปล่านะ ควรพาไปหาหมอดีไหม หรือจริง ๆ แล้วมันหายไปเองได้ วันนี้เรามีคำตอบเกี่ยวกับสะดือจุ่นของทารกแรกเกิดมาฝากเรียบร้อยแล้วค่ะ

 

สะดือจุ่น สะดือโป่ง คืออะไร ?

สะดือจุ่น สะดือโป่ง เป็นภาวะที่เกิดขึ้นเมื่อลำไส้บางส่วนของทารกเคลื่อนตัวออกมาอยู่ที่สะดือ จึงทำให้สะดือยื่นหรือบวมออกมา หรือจะเรียกง่าย ๆ ว่า ไส้เลื่อนที่สะดือก็ได้ และอาการสะดือจุ่นสามารถพบได้ตั้งแต่เด็กแรกเกิด และอาจมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ อย่างเห็นได้ชัดเมื่อเด็กร้องไห้ หัวเราะ ไอ หรือขับถ่าย และมันสามารถหดตัวลงได้เมื่อลูกรู้สึกผ่อนคลาย เช่น การนอน เป็นต้น

 

 

ลูกสะดือจุ่นเป็นอันตรายไหม ?

เมื่อเห็นลูกน้อยมีภาวะสะดือจุ่น คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องตกใจไปนะคะ เพราะว่าเด็ก ๆ ในวัยแรกเกิด สามารถหายเองได้ตามปกติค่ะ แต่ถ้าหากมีอาการแทรกซ้อนมาด้วย ควรพาลูกน้อยไปพบคุณหมอทันที ซึ่งอาการที่แทรกซ้อนมีดังนี้

  • สะดือของทารกมีอาการบวม
  • ปวดท้อง
  • มีน้ำสีเหลืองหรือเขียวหยดออกจากสะดือของลูก
  • มีเลือดออกซิบ ๆ บริเวณสะดือ
  • คลื่นไส้อาเจียน
  • กดเจ็บบริเวณสะดือจุ่น

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ถ้าสะดือจุ่นไม่หายเอง ควรพาลูกไปหาหมอไหม ?

หลาย ๆ คนน่าจะเคยได้ยินความเชื่อโบราณที่ว่า หากสะดือลูกน้อยจุ่นให้ใช้เหรียญปิดสะดือไว้เพราะมันรักษาสะดือจุ่นได้ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว การทำแบบนี้ไม่ได้ทำให้มันหายไปได้นะคะ แต่เป็นเพราะว่าอาการมันค่อย ๆ ดีขึ้นแล้วต่างหาก โดยส่วนใหญ่จะหายเองตามธรรมชาติก่อนอายุประมาณ 2 – 3 ปี แต่ถ้าหากคุณแม่สังเกตเห็นว่า ลูกยังมีอาการสะดือจุ่นอยู่หลังจากอายุได้ 2 ปีแล้ว และก้อนที่สะดือทำให้ลูกมีอาการเจ็บ ตึง บวมหรือแดง รวมถึงอาเจียนร่วมด้วย แบบนี้อย่ามองข้ามเชียวนะคะ ควรพาไปหาคุณหมอทันทีค่ะ

 

การรักษาเมื่อลูกสะดือจุ่น หรือภาวะไส้เลื่อน

ภาวะไส้เลื่อนที่สะดือไม่ต้องทำการรักษาอะไร แค่รอเวลาให้หายได้เองภายในอายุ 2-3 ปี อาจทำการรักษาโดยการผ่าตัดเพื่อความสวยงาม ถ้าอายุ 3-5 ปีแล้วยังไม่หาย หรือขนาดรูของไส้เลื่อนใหญ่กว่า 1.5 เซนติเมตร หรือมีภาวะแทรกซ้อนจากลำไส้เข้าไปติดในช่องท้องแล้วไม่ยุบกลับเป็นปกติ หรือ มีการบิดขั้วของลำไส้ซึ่งทำให้เกิดการอุดตันของลำไส้ค่ะ

บทความที่เกี่ยวข้อง : ความเชื่อที่อาจไม่เคยรู้ ทำไมโบราณถึงต้องเก็บสายสะดือลูก

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

สะดือจุ่นจำเป็นต้องรักษาหรือไม่ ?

หากสะดือจุ่นหากเป็นผู้ใหญ่ บางครั้งก็จำเป็นต้องผ่าตัดเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ ส่วนในเด็กยังไม่ต้องถึงขั้นผ่าตัดก็ได้ เพราะส่วนใหญ่จะหายได้เอง อย่างไรก็ตาม แพทย์จะรอดูอาการก่อน เพื่อตัดสินใจว่าควรผ่าตัดหรือไม่ ดังนี้

  • มีอาการเจ็บตรงสะดือ
  • มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางใหญ่กว่าครึ่งนิ้วหรือประมาณ 1.5 เซนติเมตร
  • ขนาดยังไม่เล็กลง
  • ไม่หายไปเองตามปกติ ซึ่งปกติเด็กจะเริ่มหายเมื่ออายุได้ 2-3 ปี
  • มีภาวะไส้เลื่อนติดค้าง หรือภาวะลำไส้อุดกั้นค่ะ

 

วิธีทำความสะอาดสะดือทารก

แม้ว่าสะดือจะเป็นสายสัมพันธ์ระหว่างคุณแม่และลูกน้อย แต่เมื่อคลอดออกมาแล้วก็แทบจะไม่มีความหมายอะไรเลย และสิ่งที่ต้องดูแลต่อไปก็คือการทำความสะอาดสะดือของทารก เพื่อป้องกันไม่ให้บริเวณสะดือของลูกติดเชื้อ มาดูกันว่าวิธีดูแลสะดือของลูกน้อยต้องทำอะไรบ้าง

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

 

  1. เตรียมอุปกรณ์ที่ใช้ทำความสะอาดสะดือลูกให้พร้อม ได้แก่ คอตตอนบัดหรือสำลี น้ำยาสำหรับเช็ดสะดือที่ทางโรงพยาบาลเตรียมมาให้ หรือแอลกอฮอล์ 70% หรือน้ำสะอาด และล้างมือให้สะอาดก่อนทำความสะดือทารก
  2. เทน้ำยาสำหรับเช็ดสะดือลงบนปลายคอตตอนบัดพอชุ่ม
  3. จับที่ปลายสะดือลูก และใช้คอตตอนบัดรูดเช็ดบริเวณโคนสะดือ ถึงปลายทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ซึ่งอาจมีเศษเนื้อเยื่อรอบสะดือยังติดอยู่ให้สะอาด และเปลี่ยนคอตตอนบัดก้านใหม่มาเช็ดซ้ำ
  4. เวลาเช็ดให้ใช้สำลีเช็ดวนรอบ ๆ สะดือ เริ่มตั้งแต่บริเวณโคนสะดือ และบริเวณผิวหนังรอบ ๆ ของสะดือ โดยให้เช็ดจากด้านในออกมาด้านนอก และไม่เช็ดย้อนไปย้อนมาค่ะ เช็ดเที่ยวเดียวแล้วเปลี่ยนสำลีใหม่เช็ดทันที
  5. หลังเช็ดควรปล่อยสะดือแห้งทุกครั้ง ไม่ใช้แป้ง หรือยาโรยสะดือทุกชนิดกับทารก และไม่ควรให้เสื้อผ้า หรือผ้าอ้อมทับบริเวณสะดือ หากเป็นไปได้ พยายามใส่ผ้าอ้อมให้ต่ำกว่าสะดือของลูกน้อย เพราะหากสะดือไม่แห้งและอับชื้น จะทำให้เกิดกลิ่นเหม็นและติดเชื้อง่าย

 

การผ่าตัดมีความเสี่ยงอะไรหรือไม่ ?

แม้ว่าความเสี่ยง หรือภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากการผ่าตัดจะพบได้น้อย แต่มันก็สามารถเกิดขึ้นได้ เช่น

  • แผลผ่าตัดติดเชื้อ และอาจต้องรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ
  • เกิดการกลับมาเป็นซ้ำ ๆ
  • รู้สึกไม่สบาย และมีอาการปวดศีรษะ หรือมีอาการชาที่บริเวณขา หลังจากที่เข้ารับการผ่าตัดเสร็จแล้ว
  • เมื่อผ่าตัดแล้ว ส่วนใหญ่แผลจะหายจนดูเป็นปกติดี แต่ในบางรายอาจมีลักษณะที่เปลี่ยนแปลงไปได้ตามแต่ละบุคคลค่ะ

 

ทางการแพทย์วินิจฉัยสะดือจุ่นอย่างไร ?

ปกติแพทย์จะวินิจฉัยการตรวจดูที่สะดือ และอาจทดสอบดูว่าสามารถผลักกลับเข้าไปในโพรงช่องท้องได้ไหม หรือไม่ก็อาจตรวจสอบว่ามีภาวะไส้เลื่อนติดค้างหรือเปล่า เพราะเป็นภาวะแทรกซ้อนที่ค่อนข้างเป็นอันตราย และอาจทำให้ลำไส้ส่วนที่ติดค้างขาดเลือดได้ค่ะ นอกจากนี้ แพทย์อาจทำอัลตราซาวนด์หรือเอกซเรย์ที่ช่องท้องเพิ่มเติม เพื่อตรวจหาภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ หรือทำการตรวจเลือดเพื่อตรวจการติดเชื้อร่วมด้วย โดยเฉพาะกรณีภาวะไส้เลื่อนติดค้างค่ะ

 

คุณพ่อคุณแม่สบายใจได้แล้วนะคะว่า ภาวะสะดือจุ่นของลูกน้อยที่เราเห็นนั้น จริง ๆ แล้วมันสามารถหายเองได้ตามธรรมชาติค่ะ แค่ต้องรอเวลาและห้ามใช้เหรียญกดทับตามคำโบราณเด็ดขาด เพราะเสี่ยงต่อการติดเชื้อมาก ๆ และที่สำคัญอย่าลืมเฝ้าระวังและดูแลเช็ดทำความสะอาดสะดือลูกน้อยอยู่เสมอ แต่หากลูกน้อยมีอาการที่ดูไม่ปกติ หรืออาการแทรกซ้อน ให้พาไปหาคุณหมอดีที่สุดค่ะ

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :

เตือนใจพ่อแม่ ห้ามทำแบบนี้ กับสะดือทารก

อย่าเพิ่งคิดว่าทำได้ 5 สิ่งที่ห้ามทำกับ สะดือทารก เด็ดขาด!

สะดือลูกติดเชื้อ ระวังโรคสะพั้นโรคที่คนโบราณมักบอกว่าไม่รอด

ที่มา : cottonbaby, pobpad

บทความโดย

Tulya