วิธีออมเงินให้ลูก เพื่อการศึกษา 100 เรื่องพ่อแม่ต้องรู้ก่อนลูก 1 ขวบ

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

วิธีออมเงินให้ลูก พร้อมรับมือทางการเงินให้กับลูก เพื่อให้ลูกได้มีเงินในการศึกษาในอนาคต พ่อแม่ควรเลือก วิธีออมเงินให้ลูก แบบไหนดี  เราไปดูกันเลยค่ะ

 

วิธีออมเงินเพื่อส่งลูกเรียน 

วิธีออมเงินให้ลูก

วางแผนและตั้งเป้าหมายก่อนออมเงินให้ลูก

การเริ่มต้นออมเงินให้ลูก พ่อแม่จะต้องตั้งเป้าหมายก่อนว่า ภายในกี่ปีจะต้องมีเงินเก็บเท่าไหร่ และเงินก้อนนี้เอาไว้ใช้จ่ายสำหรับเรื่องอะไร เช่น ตั้งเป้าเอาไว้ว่าภายใน 5 ปี จะออมเงินให้ลูกไว้สำหรับใช้จ่ายยามฉุกเฉินในหลักแสนบาท นั่นแปลว่า เราจะต้องออมเงินให้ได้อย่างน้อยเดือนละ 2,000 บาท พอครบ 1 ปี ก็จะมีเงินเก็บ 24,000 บาท และภายใน 5 ปี จะมีเงินเก็บ 120,000 บาท ตามที่ได้ตั้งเป้าเอาไว้ ถึงแม้จะเป็นเพียงหลักแสนต้น ๆ ถ้าบ้านไหนมีกำลังมากกว่านี้จะขยับให้สูงขึ้นแล้วแบ่งไว้ใช้จ่ายในเรื่องอื่นก็ได้ค่ะ

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

การออมโดยฝากออมทรัพย์

เป็นการออมเพื่อรักษาสภาพคล่องไว้ใช้จ่ายจิปาถะต่าง ๆ เช่น ค่าขนม ค่าอุปกรณ์การเรียน ค่าเรียนพิเศษ เป็นต้น ถ้าเราไม่อยากให้รายจ่ายตรงนี้เป็นภาระมากเกินไป ควรสร้างวินัยให้ลูกรู้จักการประหยัดเงินเริ่มตั้งแต่ลูกเข้าโรงเรียนประถม รู้คุณค่าของเงินและจัดสรรเงินเองได้ ถ้าจะขอเพิ่มมากกว่านี้ก็ต้องมีเหตุผลที่เพียงพอ จากปกติที่ให้ค่าขนมรายวัน เปลี่ยนมาให้รายสัปดาห์ หรือ จากปกติที่ให้ค่าขนมรายสัปดาห์ เปลี่ยนมาให้รายเดือน

 

  • จดบัญชีว่าใช้ไปกับอะไร 

ถ้าใช้เงินหมดก่อนครบกำหนด 1 สัปดาห์ หรือ 1 เดือน ก็ต้องมาคุยกันว่าใช้ไปกับอะไร ทำไมเงินถึงไม่พอใช้ แล้วตรวจสอบจากบัญชีที่จดว่าจ่ายไปกับอะไรบ้าง

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

  • ใจแข็งเพื่อฝึกลูก 

การที่ใจแข็งจะทำให้ลูกมีระเบียบวินัยในการออมมากขึ้น ฝึกให้รู้จักเผชิญกับความผิดหวัง เพราะขอเงินแล้วไม่ได้ จะได้รู้วิธีแก้ปัญหาในอนาคต

 

  • อย่าบ่นหรือต่อว่า ว่าลูกใช้เงินไม่เป็น

อย่าบ่นหรือต่อว่า เพราะผู้ปกครองต้องเป็นตัวอย่างให้แก่ลูกเอง หัดให้เขาเจอกับปัญหาในขณะที่เราช่วยบอกวิธีที่ถูกต้องให้น่าจะดีกว่า

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

  • เมื่อลูกโตขึ้น ลองหัดให้ทำงานหาเงินเอง 

เพราะจะทำให้เด็กรู้จักการใช้เงินมากขึ้น รู้ว่ากว่าที่พ่อแม่จะได้เงินมาแต่ละบาทนั้นแลกมาด้วยความยากลำบาก

เมื่อให้ลูกรู้จักจัดการค่าใช้จ่ายด้วยตัวเองแล้ว ค่าใช้จ่ายของลูกจะนับเป็นค่าใช้จ่ายประจำและชัดเจนของพ่อแม่ พ่อแม่เองจึงสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายรายเดือนและสามารถแบ่งไปเพื่อเก็บออมได้อย่างสม่ำเสมอ

 

การออมโดยฝากประจำ 

วิธีออมเงินให้ลูก

เงินฝากประจำเป็นทางเลือกที่พ่อแม่มือใหม่หลายคนเลือกที่จะออมเงินให้ลูก เพราะเป็นวิธีที่ง่ายและมีความเสี่ยงต่ำ แถมยังช่วยบังคับให้เรามีวินัย เนื่องจากต้องฝากเงินในจำนวนที่เท่ากันเป็นประจำทุกเดือน แนะนำให้ฝากเงินประจำแบบปลอดภาษีดีกว่า เพราะนอกจากจะปลอดภาษีดอกเบี้ยแล้ว ยังให้ดอกเบี้ยที่สูงกว่าฝากประจำอีกด้วย

 

3 ข้อควรรู้ก่อนฝากประจำแบบปลอดภาษี 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา
  • เราสามารถมีบัญชีฝากประจำแบบปลอดภาษีได้แค่คนละ 1 บัญชีต่อทุกธนาคาร

หมายความว่า ถ้าเราเปิดบัญชีฝากประจำ 24 เดือน กับธนาคาร A แล้ว จะไม่สามารถเปิดกับธนาคาร B ได้ จนกว่าจะครบกำหนดฝาก หรือทำการปิดบัญชีนั้นก่อนครบกำหนด

 

  • ควรเลือกสาขาหรือวิธีฝากเงินที่สะดวกต่อเรา อย่าเลือกเพียงแค่ดอกเบี้ยสูง

เพราะหลายธนาคารมีข้อกำหนดว่าต้องไปฝากเงินที่สาขาเท่านั้น หรือบางแห่งก็สามารถโอนได้ ข้อนี้ต้องศึกษาให้ดี ๆ ก่อน ถ้าเลือกเพียงเพราะดอกเบี้ยสูงแต่เราไม่สะดวกเดินทาง อยู่ไกลจากบ้านมาก ทั้งค่ารถ ค่าเสียเวลา ก็อาจจะได้ไม่คุ้ม

 

  • ฝากประจำแบบปลอดภาษีเป็นการฝากระยะยาว แนะนำต้องเป็นเงินเย็น

เราอยากให้มั่นใจว่าเงินที่ฝากเข้าบัญชีนี้เป็นเงินเย็นที่ไม่มีความจำเป็นต้องใช้ตลอดจนกว่าจะครบกำหนดระยะเวลาฝาก เพราะถ้าถอนเงินออกมาก่อน เราเองนี่แหละที่จะไม่ได้รับดอกผลตามที่กำหนดไว้

 

การออมเงินโดยใช้ LTF

วิธีออมเงินให้ลูก

เราใช้ประโยชน์จากข้อกำหนดของ LTF ที่ขายได้เมื่อครบ 5 ปี ทำให้สร้างวินัยการออมเพื่อเป้าหมายระยะปานกลางได้เป็นอย่างดี ตัวอย่างภาพข้างล่างนี้จะเป็นการจัดระบบการออมเงินเพื่อเป้าหมายทุนการศึกษาของลูก แต่อย่าซื้อเกินสิทธิ์ประโยชน์ทางภาษี คือ 15% ของรายได้พึ่งประเมินแต่ไม่เกิน 500,000 บาท

 

  • วิธีนี้เราจะได้รับประโยชน์จากกการออม 2 ต่อ คือ
    • ต่อที่ 1 ได้ลดหย่อนภาษี ตามฐานภาษีของเรา
    • ต่อที่ 2 มีเงินเพื่อการศึกษาลูก ในปีที่ครบกำหนดขาย

 

  • ซื้อ LTF ครั้งที่ 1

ขณะที่ลูกอายุ 1 ขวบ เมื่อครบ 5 ปีจึงขายกองทุนเพื่อเป็นทุนการศึกษาขณะที่ลูกอายุ 5 ขวบ

 

  • ซื้อ LTF ครั้งที่ 2

ขณะที่ลูกอายุ 2 ขวบ เมื่อครบ 5 ปีจึงขายกองทุนเพื่อเป็นทุนการศึกษาขณะที่ลูกอายุ 6 ขวบ

 

  • ซื้อและขาย LTF ลักษณะแบบนี้ไปเรื่อย ๆ

 

การออมโดยใช้ประกันชีวิตสะสมทรัพย์

วิธีออมเงินให้ลูก

การใช้วิธีสะสมเงินโดยใช้ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ ที่เป็นการออมภาคบังคับเข้ามาช่วยน่าจะเป็นประโยชน์อย่างมาก โดยระหว่างการทำประกันถ้าเราจำเป็นต้องการใช้เงินจริง ๆ ก็สามารถกู้ประกันชีวิตของตนเองได้

 

  • วิธีนี้เราจะได้รับประโยชน์จากการออม 3 ต่อ คือ
    • ได้ลดหย่อนภาษี ซึ่งลดหย่อนได้ต่อปีไม่เกิน 100,00 บาท
    • มีเงินเพื่อการศึกษาลูก ถ้าจ่ายครบตามที่กำหนด
    • ได้รับการคุ้มครองชีวิต ถ้าเกิดเหตุไม่คาดฝัน (อาจจะเสียชีวิตก่อนวันอันควร) จะมีเงินสดส่วนนี้เพื่อเป็นทุนการศึกษาให้ลูกใช้เป็นค่าเล่าเรียนจนจบการศึกษา

 

  • ตัวอย่าง การออมเงินโดยใช้ประกันชีวิตสะสมทรัพย์

สมมติตอนนี้เด็กหญิงอภินิหารเงินออมอายุ 3 ขวบซึ่งพ่อกับแม่ต้องการเก็บเงินเพื่อเป็นทุนการศึกษาในระดับมัธยมและอุดมศึกษาให้ลูก โดยมีเป้าหมายการออม ดังนี้

    • เงินออมเพื่อเป็นทุนการศึกษาให้ลูก
    • จำนวนเงินทุนการศึกษา 1 ล้านบาท
    • ต้องการใช้ระยะเวลาเก็บเงิน 10 ปี

จากเป้าหมายข้างต้นทำให้เลือกประกันชีวิตสะสมทรัพย์ที่มีระยะเวลาการเก็บเงิน 10 ปี  ซึ่งทำเฉพาะสัญญาหลัก (เน้นที่เป้าหมายเพื่อการศึกษาแต่ไม่เน้นผลตอบแทน) โดยมีรายละเอียด ดังนี้

  • บริษัทฯจ่ายเงินปันผล 9 ครั้ง (แล้วแต่บริษัทจะอนุมัติ)
  • เป้าหมายในการเก็บเงิน 1 ล้านบาท (ตามศัพท์ประกันจะเรียกว่า “ทุนประกัน”)
  • เก็บสะสมเงินปีละ 98,630 บาท (ตามศัพท์ประกันจะเรียกว่า “จ่ายเบี้ยประกัน” การคำนวณจะใช้อายุของผู้ปกครองที่จ่ายเงินประกันเข้าโปรแกรมคำนวณเบี้ยประกันจะได้ตัวเลขตามนี้ ถ้าผู้ปกครองอายุมากขึ้นก็จะจ่ายเบี้ยประกันมากขึ้นเช่นกัน)
  • ได้รับการคุ้มครองชีวิตในกรณีที่จากไปก่อนครบกำหนด (โดยได้รับเงินตามทุนประกันที่ทำไว้)

หมายเหตุ การทำประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์มีให้เลือกมากมาย ควรเลือกให้ตรงกับระยะเวลาที่ต้องการใช้เงินและความสามารถในการออมของเราให้มากที่สุด ซึ่งหัวข้อนี้เป็นเพียงตัวอย่างจริงเพื่อประกอบบทความเท่านั้น

 

ซื้อหุ้นกู้

การซื้อหุ้นกู้ในชื่อลูก โดยให้แม่เป็นตัวแทนในการทำนิติกรรม เป็นตัวเลือกการออมเงินให้ลูกที่มั่นคงและปลอดภัยอยู่พอสมควร เพราะเมื่อซื้อหุ้นกู้ เราจะมีฐานะเป็น ‘เจ้าหนี้’ หมายความว่า เราได้ให้เงินกู้กับบริษัทผู้ออกหุ้นกู้นั้น ๆ ไป โดยลูกหนี้อย่างบริษัทผู้ออกหุ้นจะต้องจ่ายดอกเบี้ยตามที่ได้ตกลงกันไว้ตลอดช่วงอายุของหุ้นกู้ (โดยทั่วไปแล้ว การจ่ายดอกเบี้ยจะจ่ายปีละ 2 ครั้ง หรือทุก ๆ 6 เดือน) และจะชำระเงินต้นคืนเมื่อถึงวันครบกำหนดอายุของหุ้นกู้ (อายุของหุ้นกู้ มักกำหนดเป็นจำนวนปี ตั้งแต่ 3 ปี, 5 ปี, 7 ปี, 10 ปี) ข้อดีก็คือ ทำให้เรามีแหล่งรายได้ประจำโดยที่เงินต้นของการลงทุนยังคงอยู่ครบ

 

ที่มา : (aommoney),(cottonbaby)

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง : 

เลือกโรงเรียนประถมให้ลูก หลักสูตรแบบไหนดี?

วิธีเก็บเงินแบบแม่ญี่ปุ่น เก็บเงินอย่างไรให้เหลือเยอะๆ เคล็ดลับแม่บ้านญี่ปุ่น

ซื้อประกันให้ลูก ที่ไหนดี? ตัวอย่างแผนประกันสุขภาพเด็กปี 2562

บทความโดย

Nanticha Phothatanapong