อุบัติเหตุที่ใกล้ตัวแต่คาดไม่ถึง เมื่อ อาหารติดคอ ลูก คุณพ่อคุณแม่ควรทำอย่างไร สังเกตอาการเพื่อให้ช่วยลูกได้ทัน อย่าปล่อยให้สายเกินไป
เมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินนอกจากสติที่ต้องมีแล้ว ก็คงเป็นความรู้เบื้องต้นในการช่วยเหลือเนี่ยแหละที่สำคัญ โดยเฉพาะเด็กๆ ที่มักจะซุกซนบอกว่าอย่าทำอย่างโน่น อย่าทำแบบนี้ แต่ก็ดื้อทำมันซะทุกอย่าง บางคนก็ชอบเล่นอะไรแผลงๆ จนเกิดเป็นอุบัติเหตุได้ เวลากินอาหารก็เช่นกัน ถ้าไม่ระวังอาจทำให้อาหารติดคอ ได้ ดังนั้น พ่อแม่คสรที่จะรู้ วิธีช่วยลูกจากอาหารติดคอ เพื่อจะได้ช่วยเหลือได้ทันท่วงที
พ่อแม่ควรรู้ไว้ อาหารติดคอ อย่ารอให้สายเกินไป
อาหารติดคอ ก่อนหน้านี้ได้มีข่าวว่าลูกสาวของ เอ๊ะ จิรากร หรืออีกาเผือก จากเวที The Mask Singer ชื่อว่า น้องเอญ่า ได้กินเยลลี่เข้าไปแล้วเกิดอาการติดคอ เขาเล่าว่าตอนนั้นสติหลุดมาก ทำอะไรไม่ได้ ทำได้แต่เพียงตะโกนเรียกชื่อลูกอย่างเดียว ขณะนั้นภรรยา พี่ท้อฟฟี่ จูล เขามาช่วยทันที ภรรยาตั้งสติได้ก่อนจึงอุ้มลูกห้อยหัวลง จากนั้นทุกคนก็ช่วยกันตบหลังเพื่อให้เยลลี่ออกจากคอ แต่มันไม่หลุด
อาหารติดคอน้องเอญ่าตอนนั้นก็เริ่มตาเหลือก ตัวเริ่มแข็งมากขึ้น พี่เลี้ยงจึงตัดสินใจเอานิ้วไปทิ่มที่คอ เยลลี่ก็ถูกดันลึกเข้าไป ลูกสาวเริ่มไอ แล้วร้องบอกว่าหลุดแล้ว ซึ่งคุณเอ๊ะได้บอกว่าต้องขอบคุณโลกออนไล์ที่ได้ช่วยแชร์วิธีช่วยเหลือเมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ไว้ สำหรับวิธีการช่วยเหลือลูกจากอาหารติดคอนั้นมีหลายวิธี ซึ่งแบ่งตามอายุ และความรุนแรง ดังนี้
วิธีช่วยลูกจาก อาหารติดคอ พ่อแม่ควรรู้ไว้ อย่ารอให้สายเกินไป
สิ่งของติดคอไม่รุนแรง อาหารติดคอ
ลักษณะอาการ หนูน้อยยังสามารถหายใจ ไอ และพูดได้ ซึ่งวิธีการช่วยเหลือคือ ต้องให้น้องพยายามไอเอาสิ่งของที่อยู่ในคอออกมาด้วยตนเอง ถ้าทำแล้วไม่ดีขึ้นให้นำส่งโรงพยาบาลทันที
สิ่งของติดคอรุนแรง
หากคุณพ่อคุณแม่เห็นว่าลูกเริ่มหายใจลำบาก อาหารติดคอไม่ไอ พูดออกเสียงก็ไม่ได้ หน้าตาเริ่มซีดเขียว มีการเอามือมากุมที่ลำคอ แสดงว่าต้องมีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในคอและค่อนข้างรุนแรงด้วย สำหรับวิธีการช่วยเหลือเบื้องต้น สิ่งแรกที่ห้ามทำเลย คือ การล้วงเอาสิ่งแปลกปลอมที่ติดคออยู่ออกมา เพราะมันอาจทำให้หลุดลึกเข้าไปอีก สำหรับวิธีการช่วยเหลือนั่นแบ่งออกเป็น 3 วิธี ได้แก่
วิธีที่ 1 สำหับหนูน้อยอายุไม่เกิน 1 ปี
- หาที่นั่ง หรือจะนั่งคุกเข่าลงกับพื้น แล้วนำเด็กนอนคว่ำหน้าลงไว้บนขา กดศีรษะให้ต่ำกว่าลำตัว ใช้มือจับบริเวณขากรรไกร พร้อมกับประคองคอไปด้วย
- ใช้มืออีกข้างตบบริเวณหลังของเด็ก บริเวณสะบักด้วยสันมือประมาณ 5 ครั้ง ต้องตบแรงๆ นะคะ
- พลิกตัวเด็กให้นอนหงายขึ้น เอามือจับประคองลูกไว้ที่บริเวณท้ายทอย
- ใช้นิ้ว 2 นิ้ว ของมืออีกข้างกดลงบริเวณกึ่งกลางของหน้าอกลูกน้อย โดยอยู่ในระยะที่ห่างจากหัวนมเด็กเล็กน้อย กดแรงๆ 5 ครั้ง
- ให้ทำการตบหลัง 5 ครั้ง และกดหน้าอก 5 ครั้ง สลับกันไปมา จนกว่าลูกจะร้องหรือพูดออกมาได้
วิธีที่ 2 อาหารติดคอสำหรับหนูน้อยอายุตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป อาหารติดหลอดลม
- ให้เข้าไปที่ด้านหลัง โดยให้ลูกยืน หรือนั่งคุกเข่าก็ลง จากนั้นโอบรัดจากด้านหลังใต้รักแร้มาบริเวณด้านท้อง
- ใช้มือข้างหนึ่งกำไว้ แล้ววางไว้บริเวณเหนือสะดือใต้ลิ้นปี่ ส่วนมืออีกข้างกำกำปั้นไว้อีกทีหนึ่ง
- ดันนิ้วหัวแม่มือข้างที่กำไว้เข้าไปด้านในท้องของเด็ก รัดให้แน่นแล้วกะตุกขึ้น ให้ทำพร้อมกัน แรงๆ จนกว่าสิ่งที่ติดคอจะหลุดออกมา หรือจนกว่าจะมีเสียงเล็ดลอดออกมา
- ในกรณีที่หมดสติ ให้รีบทำการช่วยชีวิตทันที ในระหว่างที่พาไปโรงพยาบาล หรือรอการส่งตัว
- หากช่วยเหลือให้สิ่งของหลุดออกมาแล้ว ควรพาไปหาคุณหมอ เพื่อตรวจเช็คร่างกายอีกครั้งหนึ่ง
วิธีที่ 3 สำหรับหนูน้อยอายุตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป (กรณีหมดสติ)
- ให้รีบโทรแจ้งรถพยาบาลทันที
- จับลูกนอนลงกับพื้น ตรวจดูว่าเด็กยังหายใจหรือไม่ หากไม่หายใจ ให้ดันคางขึ้นให้ศีรษะแหงนไปข้างหลังให้มากที่สุด แล้วนำมือมาบีบจมูกไว้ จากนั้นเป่าลมเข้าไปในปาก 2 ครั้ง แลัวสังเกตดูว่าลมเข้าไปภายในปอดหรือยัง ดูจากการขยับขึ้นลงของหน้าอก เสร็จแล้วเป่าอีกครั้งหลังจากที่หน้าอกยุบลง
- ถ้าเด็กยิ่งคงนิ่ง ให้ดันค้างสูงกว่าเดิม จากนั้นเป่าลมทางปากอีกครั้ง ถ้าไม่สำเร็จให้นั่งคร่อมที่ตัวของเด็กในท่าคุกเข่า แล้วใช้สันมือวางลงที่ระหว่างสะดือกับลิ้นปี่ ใช่มืออีกข้างกดทับมือลงไป กระแทกให้เร็วในจังหวะขึ้นลง 6-10 ครั้ง
- เปิดปากลูกดูว่ามีสิ่งแปลกปลอมหลุดออกมาหรือยัง โดยการนำมือไปจับบริเวณขากรรไกรและลิ้น ใช้งอนิ้วชี้ของมืออีกข้างในลักษณะเหมือนตะขอ กวาดเข้าไปในปากตั้งแต่กระพุ้งแก้มไปจนถึงโคนลิ้น หากไม่พบให้ทำซ้ำตั้งแต่เป่าปากอีกรอบ
บทความที่เกี่ยวข้อง : ทารกสำลักนมจนเสียชีวิต เกิดขึ้นได้อย่างไร
เมื่อพ่อแม่เห็นว่าลูกมีเศษอาหารหรือสิ่งของแปลกปลอมติดคอ สิ่งแรกที่ควรทำคือต้องมีสติให้เร็วที่สุด จากนั้นรีบทำการเรียกรถพยาบาลและทำการช่วยเหลือให้เร็วที่สุด อย่ามัวแต่กลัวและโวยวาย เพราะถ้ายิ่งช้า ลูกของคุณยิ่งมีโอกาสเสี่ยงต่อการเสียชีวิตมากขึ้น โดยเฉพาะในกรณีที่เด็กหมดสติไปแล้ว
สำหรับวิธีป้องกันสิ่งของที่ดีที่สุด คือ พ่อแม่ควรเน้นให้ลูกเคี้ยวให้ละเอียด อย่าให้ลูกกินอาหารที่มีชิ้นใหญ่ ต้องเป็นอาหารที่กินง่าย และระวังลูกน้อยจะหยิบของเล่นชิ้นเล็กๆ เข้าปาก
ที่มา : med.mahidol , manager
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ:
ปฐมพยาบาลเบื้องต้น กับ 5 อาการที่เกิดบ่อยของลูกวัยซน
อุทาหรณ์ของมีคม! พร้อมวิธีปฐมพยาบาลเมื่อลูกเกิดอุบัติเหตุ