ลูกป่วยติดเชื้อบ่อย อย่ามองข้ามโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง

หากลูกป่วยติดเชื้อบ่อยๆ หลังจากไปโรงเรียน เราเข้าใจกันว่า เป็นเพราะลูกอาจไปรับเชื้อจากที่โรงเรียนซึ่งมีเด็กอยู่รวมกันมาก แต่ถ้าลูกของเราป่วยบ่อยผิดปกติ ควรนึกถึงโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องด้วยนะคะ แล้วจะมีวิธีสังเกตอย่างไร ติดตามอ่านค่ะ

คุณแม่พาน้องกบ อายุ 5 ปีมาที่ห้องฉุกเฉินด้วยอาการ ไข้สูง ไอ หอบเหนื่อย มา 2 วัน คุณหมอวินิจฉัยว่าเป็นปอดอักเสบติดเชื้อ เป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 1 ปีนี้ ถามประวัติในอดีตเพิ่มเติมก็พบว่า น้องกบมีประวัติติดเชื้อในทางเดินหายใจบ่อย เป็นไซนัสอักเสบ อาการรุนแรงจนต้องฉีดยาปฏิชีวนะมาหลายครั้ง เป็นหูอักเสบมามากกว่า 10 ครั้ง จนมีแก้วหูทะลุ ต้องผ่าตัด เมื่อส่งตรวจเลือดก็พบว่าน้องกบมีค่าภูมิคุ้มกัน ชนิดอิมมูโนโกลบูลินต่ำกว่าปกติ

น้องกบเป็นตัวอย่างของผู้ป่วยโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องชนิดปฐมภูมิ ซึ่งเป็นมาแต่กำเนิด ที่ในบางครั้งได้รับการวินิจฉัยช้าเกินไป ทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตจากการติดเชื้อที่รุนแรงได้

ในปัจจุบันคุณพ่อคุณแม่อาจพบว่าลูกเจ็บป่วยจากการติดเชื้อบ่อย ๆ หลังจากไปโรงเรียน ซึ่งอาจเป็นเรื่องปกติถ้าอาการป่วยนั้นไม่บ่อยมากเกินไป และอาการไม่ได้รุนแรง เพราะอาจไปรับเชื้อจากที่โรงเรียนซึ่งมีเด็กอยู่รวมกันมาก เรามาทำความเข้าใจกันนะคะว่าเมื่อใดที่ควรสงสัยว่าการติดเชื้อของลูกนั้นบ่อยผิดปกติ และจำเป็นต้องทำการตรวจเพิ่มเติมเพื่อหาสาเหตุของการติดเชื้อบ่อย ๆ เนื่องจากเป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง

โรคภูมิคุ้มกันบกพร่องคืออะไร?

โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง เป็นกลุ่มโรคที่เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายผิดปกติ เป็นผลให้เกิดโรคติดเชื้อได้ง่ายและบ่อย รักษาให้หายได้ยาก แบ่งออกได้เป็น โรคภูมิคุ้มกันบกพร่องชนิดปฐมภูมิ มักเป็นแต่กำเนิด และ โรคภูมิคุ้มกันบกพร่องชนิดทุติยภูมิซึ่งมีสาเหตุเกิดขึ้นในภายหลังได้จากหลายสาเหตุ เช่น ภาวะทุพโภชนาการ และ การติดเชื้อ HIV

เมื่อไรที่ควรสงสัยโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง?

เด็กที่มีอาการอย่างน้อย 2 อาการขึ้นไป ใน 3 กลุ่มความผิดปกติใหญ่ๆดังต่อไปนี้ควรไปพบคุณหมอเพื่อหาสาเหตุความผิดปกติจากโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องนะคะ ได้แก่

1. มีการติดเชื้อบ่อยๆ ได้แก่ เป็นหูอักเสบติดเชื้อมากกว่า 4 ครั้งขึ้นไป หรือไซนัสอักเสบที่มีอาการรุนแรงมากกว่า 2 ครั้งขึ้นไป หรือปอดอักเสบติดเชื้อมากกว่า 2 ครั้งขึ้นไปใน 1 ปี หรือมีการติดเชื้อที่ผิวหนังแบบเป็นฝี หรือเป็นฝีที่อวัยวะภายในหลายครั้ง

2. มีการติดเชื้อรุนแรง รักษาหายยาก ได้แก่ เคยมีการติดเชื้อในกระแสเลือดหรือติดเชื้ออย่างรุนแรงตั้งแต่ 2 ครั้งขึ้นไป หรือจำเป็นต้องได้ยาปฏิชีวนะฉีดเข้าทางเส้นเลือดในการรักษาโรคติดเชื้อทั่วๆไปที่ควรรักษาหายได้ด้วยการทานยา หรือได้รับการรักษาโรคติดเชื้อด้วยยาปฏิชีวนะติดต่อกันมา 2 เดือนขึ้นไปแล้วอาการไม่ดีขึ้น

3. มีประวัติอาการผิดปกติอื่นๆ ที่เป็นความเสี่ยงและบ่งถึงการติดเชื้อเรื้อรัง ได้แก่ มีการเจริญเติบโตที่ผิดปกติ น้ำหนักส่วนสูงต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานมาก หรือติดเชื้อราในช่องปากหรือติดเชื้อราที่ผิวหนังยืดเยื้อเรื้อรัง หรือมีประวัติครอบครัวเป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องแต่กำเนิด

หากสงสัยว่าลูกป่วยบ่อยจากโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องควรทำอย่างไร?

หากคุณพ่อคุณแม่สงสัยว่าลูกมีอาการป่วยบ่อยๆ หรือมีอาการป่วยรุนแรงหลายครั้ง จากโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องควรรีบไปพบคุณหมอ เพื่อจะได้ซักถามถึงประวัติความถี่ ความรุนแรงในการติดเชื้อโรคและการรักษาในแต่ละครั้ง รวมทั้งตรวจร่างกายดูการเจริญเติบโต และความผิดปกติต่างๆ เพื่อพิจารณาเจาะเลือด ส่งตรวจคัดกรองโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องอย่างเหมาะสม จะทำให้ได้การวินิจฉัยที่ถูกต้อง และรีบทำการรักษาอย่างทันท่วงทีในกรณีที่สามารถรักษาได้ เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นภายหลัง และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้ ไม่ต้องเจ็บป่วยหนักบ่อยๆ ค่ะ

บทความที่น่าสนใจอื่นๆ

ลูกป่วยบ่อยมาก ทำไงดี?

10 อาหารต้านหวัดให้ลูกน้อยไม่ป่วยบ่อย