คุณแม่ชาวไทยอาจจะไม่คุ้นกับการใช้ลูกบอลออกกำลังกายเพื่อช่วยในการ คลอด นะคะ แต่คุณแม่ต่างชาติใช้ลูกบอลเหล่านี้ในการทำให้คลอดง่ายขึ้น เปิดกระดูกเชิงกรานเพื่อเร่งกระบวนการคลอด
ล่าสุดเจ้าลูกบอลอัดลมที่มีหน้าตาคล้ายถั่วลิสง ได้รับความนิยมในโรงพยาบาลและศูนย์ผดุงครรภ์มากมาย เพราะเป็นตัวช่วยในการคลอดลูกให้ง่ายขึ้นยังไงละค่ะ
เทรนด์ใหม่ ?
เปล่าเลยค่ะ ลูกบอลที่มีรูปร่างลักษณะเป็นถั่วลิสงนี้ถูกใข้ในการทำกายภาพบำบัด เพื่อช่วยเพิ่มในเรื่องของความแข็งแรง ความสมดุล และความมั่นคงของร่างกายค่ะ แต่ก็มีเหตุการณ์ที่ทำให้เจ้าลูกบอลถั่วนี้เข้ามาในกระบวนการทำ คลอด เนื่องจากพยาบาลที่มีชื่อว่า Emily Botsios และ Christina Tussey มีไอเดียที่จะนำลูกบอลนี้มาทดลองทำการวิจัยว่าจะสามารถช่วยผู้หญิงทุกคนคลอดลูกได้ง่ายขึ้น เร็วขึ้น และสบายขึ้นไหมนั่นเอง เพราะเดิมทีก็ใช้ในการบรรเทาอาการปวดท้องคลอดของคุณแม่อยู่แล้ว
หลักการทำงานของลูกบอลนี้ก็คือ ขยายพื้นที่ของกระดูกเชิงกราน เพื่อให้ทารกในครรภ์มีพื้นที่มากขึ้นในกระบวนการคลอดลูกค่ะ ซึ่งช่วงแรกจะให้คุณแม่ใช้เป็นเวลา 90 นาที และ 22 นาทีต่อมา การใช้ลูกบอลช่วยคลอดนี้ยังลดการใช้เครื่องมือช่วยคลอด อย่างคีมและเครื่องดูดสูญญากาศด้วยนะคะ
ผ่าคลอดน้อยลง คลอดเองได้มากขึ้น
นอกจากนี้ยังช่วยให้เด็กทารกท่าก้น ได้กลับตัวในครรภ์ และยังเป็นการเร่งคลอดตามธรรมชาติ โดยช่วยลดอัตราการผ่าคลอดลงถึง 32.2% ค่ะ
ในปี 2015 ที่ผ่านมา มีการทดลองเปรียบเทียบระหว่างคุณแม่ตั้งครรภ์ที่ใช้ลูกบอลถั่ว และคุณแม่ตั้งครรภ์ที่ไม่ได้ใช้ลูกบอลถั่ว พบว่า 21% ของคุณแม่ที่ไม่ได้ใช้จำเป็นต้องผ่าคลอด และคุณแม่ที่ใช้ลูกบอลมีเพียง 10% เท่านั้นที่ต้องผ่าคลอด
เนื่องจากหากคุณแม่ผ่าคลอดในครั้งท้องแรกแล้ว ท้องสองก็จำเป็นที่จะต้องผ่าคลอด การเอาลูกบอลนี่เข้ามาใช้งาน จะทำให้อัตราการผ่าคลอดลดลงได้อย่างมากค่ะ ส่วนของขนาดลูกบอลนั้นมีหลายขนาดตามน้ำหนักและส่วนสูงของคุณแม่เลยค่ะ
วิธีให้คลอดลูกง่าย
อยากคลอดง่าย ทำไงดี วิธีให้คลอดลูกง่าย เบ่งปุ๊บ ออกปั๊บ ไม่ปวดยาวเป็นวัน ๆ ก่อนคลอดเตรียมตัวยังไงดี
วิธีให้คลอดลูกง่าย 7 เคล็ดลับช่วยคุณแม่คลอดง่ายขึ้น
จริง ๆ แล้วการคลอดไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่แม่ก็สามารถจะทำอะไรบางอย่างได้ เพื่อช่วยให้การคลอดเป็นไปได้อย่างราบรื่นขึ้น คลอดง่ายขึ้น
1. ใช้ประโยชน์จากแรงโน้มถ่วงช่วยคลอดง่าย
ถ้าคุณหมออนุญาต ในช่วงใกล้คลอดให้คุณพยายามขยับร่างกายในท่าหลังตรง เช่น การยืน เดิน โน้มตัวไปข้างหน้าและย่อตัวลงเล็กน้อยจะทำให้แรงโน้มถ่วงช่วยเคลื่อนตัวลูกน้อยลง ทั้งยังช่วยให้ตัวลูกอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมสำหรับการคลอด
นั่งท่าผีเสื้อแบบมณีเวช
เทคนิคดีๆ ระหว่างรอมดลูก แม่ต้องลอง นั่งท่าผีเสื้อแบบมณีเวช บรรเทาอาการเจ็บคลอด มดลูกเปิดเร็วมาก โดยคุณหมอแนะนำให้แม่นั่งฝ่าเท้าชิดกัน สองมือกดตรงเข่าไว้ แล้วโน้มตัวไปข้างหน้านับ 1-20 แล้วผ่อนคลาย
อ่านเพิ่มเติม นั่งท่าผีเสื้อแบบมณีเวช ลดอาการเจ็บคลอด มดลูกเปิดเร็วมาก
2. นอนให้มาก ๆ สุขภาพแม่ท้องดีก็คลอดไม่ยาก
คนท้องต้องพยายามนอนให้ได้อย่างน้อยวันละ 7 ชั่วโมง งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสารสูตินรีเวชอเมริกาชี้ให้เห็นว่า คุณแม่ใกล้คลอดโดยเฉพาะช่วงเดือนสุดท้ายที่นอนน้อยกว่า 6 ชม. ต่อวัน จะใช้เวลาในการคลอดนานกว่า 11 ชม. และมีแนวโน้มที่จะต้องผ่าคลอดมากกว่า 4 เท่าเมื่อเปรียบเทียบกับคุณแม่ที่นอนอย่างน้อยวันละ 7 ชม. นี่จึงเป็นเหตุผลที่สมควรอย่างยิ่ง ที่ควรนอนให้มากขึ้น
เพื่อให้แม่นอนได้สบายตัวขึ้น ก็ต้องหาตัวช่วย เช่น หมอนรองคนท้อง เลือกที่คุณภาพดีจะช่วยพยุงท้อง ทำให้แม่ท้องหลับสบายขึ้น แต่ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ ท่านอนคนท้อง ที่เหมาะสม
3. อินทผาลัม คนท้อง ต้องไม่พลาดของว่างมีประโยชน์
อยากคลอดง่าย คนท้องต้องกินอินทผลัมสักหน่อย เพราะงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสารสูตินรีเวชอเมริกาพบว่า คุณแม่ตั้งครรภ์ที่รับประทานอินทผลัมทุกวันในช่วงเดือนที่เก้า มีความต้องการใช้ยากระตุ้นการคลอดหรือยาในการช่วยคลอดน้อยกว่าคุณแม่ที่ไม่ได้รับประทานอินทผลัม นอกจากนี้ยังพบว่าปากมดลูกของคุณแม่ที่รับประทานอินทผลัมเปิดมากกว่า และการคลอดจะใช้เวลาต่ำกว่า 7 ชม.
เนื่องจากในอินทผลัมมีสารที่ทำหน้าที่คล้ายฮอร์โมนอ๊อกซิโตซินซึ่งช่วยกระตุ้นการหดตัวของมดลูก คุณแม่ควรรับประทานวันละ 4-6 ผลต่อวัน โดยอาจใส่ในซีเรียล หรือรับประทานเป็นอาหารว่างระหว่างวัน หากแม่ท้องตั้งครรภ์ได้ 8 เดือน ให้กินเป็นของว่าง วันละไม่เกิน 7 เม็ด เพราะมีน้ำตาลสูง ไม่ควรทานมากไป
อ่านเพิ่มเติม คนท้องควรกินอินทผลัมวันละกี่เม็ด
4. คนท้องออกกําลังกาย ขยับแข้งขยับขา
การดูแลสุขภาพให้แข็งแรงและกระฉับกระเฉงเป็นสิ่งสำคัญมาก เนื่องจากจะช่วยลดความเจ็บปวดในการคลอดได้ พยายามเดินออกกำลังกายให้ได้ระยะทางสั้น ๆ ทุกวัน โดยอาจเดินแถว ๆ บ้านเพื่อให้ร่างกายมีแรง (การคลอดลูกเป็นกิจกรรมที่ต้องใช้เรี่ยวแรงมหาศาลและเหนื่อยนักเชียว ดังนั้น การออกกำลังกายจะช่วยเตรียมความพร้อมให้ร่างกายของแม่ได้) แม่อาจเข้าคอร์สโยคะสำหรับคนท้อง หรือเต้นแอโรบิคในน้ำ ก็ดีต่อคนท้องเช่นกัน
5. คนท้อง อาบน้ําอุ่น ดีไหม
แม่ท้องอาบน้ำอุ่น หรือนอนแช่น้ำอุ่น ก็จัดเป็นสุดยอดการผ่อนคลายสำหรับคุณแม่ เนื่องจากความอุ่นและคุณสมบัติในการพยุงตัวของน้ำ ช่วยปลอบประโลมและผ่อนคลายร่างกายที่ตกอยู่ในสภาพเครียดสุด ๆ ได้เป็นอย่างดี ลดความปวดเมื่อยร่างกายคนท้อง ทำให้เลือดลมหมุนเวียนได้สะดวก
สิ่งที่ต้องระวัง หากน้ำมีอุณหภูมิสูง หรือนอนแช่น้ำที่ร้อนเกินไป จะส่งต่ออาการความดันสูงขึ้นอย่างฉับพลันได้ แถมยังส่งผลต่อผิวหนัง ทำให้ผิวคุณแม่แห้ง และมีอาการคัน ถ้าเกามาก ๆ ก็จะเกิดปัญหาริ้วรอย หรือการแตกลายของผิว นอกจากนี้ หากลูกน้อยในครรภ์ได้รับความร้อนจากการอาบน้ำในอุณหภูมิที่สูงกว่า 39 องศาเซลเซียสนาน ๆ จะส่งผลกระทบต่อในเรื่องพัฒนาการทางสมองและการมองเห็นอีกด้วย
6. สัมผัสจากสามี
การสัมผัสที่ปลอบประโลมจากสามีช่วยได้มากในยามที่แม่รู้สึกปวดแทบขาดใจ ดังนั้น หัดให้สามีเรียนรู้เทคนิคการนวดตั้งแต่ที่คุณแม่เริ่มตั้งครรภ์ คุณสามีจะได้ช่วยนวดให้ได้ในช่วงใกล้คลอด
7. โค้งสุดท้ายใกล้คลอด แม่ต้องเตรียมตัวตลอดเวลา
แน่นอนว่า แม่วางแผนไว้ว่าอยากจะคลอดอย่างไร จะใช้ยาหรือไม่ใช้ยา คลอดที่โรงพยาบาลหรือที่บ้าน แต่บางทีลูกน้อยอาจไม่อยากทำตามแผนที่แม่คิดไว้เสียอย่างนั้น อย่าฝืนธรรมชาติและความรู้สึกต่าง ๆ และต้องหมั่นสังเกต อาการน้ำเดิน น้ำคร่ำแตก เจ็บท้องเตือน จะได้รู้ตัวว่า ใกล้ถึงเวลาคลอดแล้ว
ที่สำคัญ ไม่ว่าคุณแม่จะคลอดธรรมชาติ หรือจำเป็นต้องผ่าคลอด ก็ขอให้คุณแม่มั่นใจ และปล่อยให้มันเป็นไป เพื่อความปลอดภัยของตัวแม่และลูกในท้อง
ที่มา foxnews
บทความอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
ข้อดี ข้อเสียของการคลอดธรรมชาติ vs ผ่าคลอด
ข้อดีข้อเสียของการผ่าคลอดทีคุณอาจยังไม่รู้