หลายครั้งต่อหลายคราที่เรามักจะได้ยินได้ฟังข่าวคราวของแม่คลอดลูกเองที่บ้าน ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุการคลอดก่อนกำหนด การไม่รู้สัญญาณใกล้คลอด หรืออะไรก็แล้วแต่ การที่แม่ท้องและคนในครอบครัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสามี ก็ควรที่จะเรียนรู้และทำความเข้าใจกับท่าต่าง ๆ ที่ภรรยาสามารถใช้คลอดเองที่บ้านได้ และนี่คือท่าที่เรานำมาฝากค่ะ
ท่าที่ 1 ท่ายืน
เริ่มต้นด้วยการยืนแยกขาเล็กน้อย จับพนักเก้าอี้ไว้ หลังจากนั้นให้งอเข่าเล็กน้อย และหมุนสะโพกไปมาเป็นวงกลมหรือส่ายสะโพกไปมาทางซ้ายขวาก็ได้ ในขณะที่ทำอยู่นั้นก็ให้คุณแม่หายใจออกตามไปด้วยนะคะ เป็นจังหวะตามแบบการหายใจเบ่งคลอดค่ะ
ท่าที่ 2 ท่าคุกเข่า
ให้คุณแม่คุกเข่าลงกับพื้น มือทั้งสองข้างเท้าเอวไว้ แล้วจึงโยกสะโพกเป็นวงกลมหรือโยกสะโพกไทางซ้ายหรือขวาก็ได้ ท่านี้สามารถใช้ในเวลาที่คลอดในน้ำได้
ท่าที่ 3 ท่าคลาน
ท่านี้เป็นท่าที่ปลอดภัยที่สุด เพราะทั้งหัวเข่าและมือจะพยุงตัวคุณแม่ไว้เต็มที่ ในขณะที่มดลูกทำงานบีบตัวมากขึ้นและถี่ขึ้น ท่านี้จะช่วยให้คุณแม่สามารถควบคุมความเจ็บปวดได้ดี และยังลดอาการปวดหลังอีกด้วย
อย่างไรก็ตามเมื่อเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น สิ่งที่ควรมาเป็นอย่างแรกก็คือ “สติ” รีบให้คนใกล้ตัวโทรหาศูนย์กู้ภัย หรือกู้ชีพไม่ว่าจะเป็น ศูนย์นเรนทร (เบอร์ 1669) สำหรับคุณแม่ที่อยู่ต่างจังหวัด และศูนย์เอราวัณ (เบอร์ 1646) สำหรับคุณแม่ที่อยู่ในกรุงเทพ
แต่ถ้าหากในระหว่างที่รอนั้น ไม่ทันจริง ๆ เพราะลูกน้อยอยากออกมาลืมตาดูโลกแล้วละก็ ปล่อยให้เขาออกมาเลยค่ะ ไม่ต้องไปอั้นไว้นะคะ เบ่งออกมา ถ้ารู้สึกว่าหัวศีรษะโผล่แล้ว ก็อย่าเบ่งเด็ดขาด เอามือประคองศีรษะของลูกไว้ แล้วก็เบ่งต่อ แต่ต้องอย่าลืมสังเกตให้ดีว่า รกไม่ได้พันอยู่ที่คอของลูกนะคะ ถ้าหากมีละก็ให้คุณแม่ค่อย ๆ เอานิ้วสอดเข้าไปแล้วแกะออกมาเบา ๆ ไม่ต้องตกใจค่ะ
หลังจากนั้นให้เอาลูกมาแนบอก ไม่ต้องไปสนใจว่าจะเลอะเทอะหรือไม่อย่างไร ถ้าหากลูกไม่ร้องให้คุณแม่สัมผัสตัวเขาเบา ๆ นะคะ พยายามให้ศีรษะของลูกนั้นอยู่ต่ำกว่าเท้า จากนั้นลูบหลังให้ลูกหายใจเอาน้ำคร่ำออกมา หากไม่ได้ผลก็ให้เป่าปากลูกต่อไปค่ะ เพื่อเป็นการให้ออกซิเจนกับลูก จากนั้นก็พยายามให้ลูกดูดนมนะคะ
ทั้งนี้ทั้งนั้น อย่าเพิ่งตัดสายสะดือโดยเด็ดขาด! เพราะการตัดสายสะดือนั้นจะต้องมั่นใจว่าสะอาดและปลอดเชื้อจริง ๆ
ที่มา: หนังสือคู่มือ ตั้งครรภ์คุณภาพ
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!