แม้ว่าจะรักลูกขนาดไหน แต่ก็เผลอไม่ได้ที่จะมีอารมณ์โมโหเมื่อเจ้าตัวเล็กเริ่มซน สร้างความวุ่นวาย และความเป็นห่วงให้กับคุณแม่ยกใหญ่ แต่เชื่อเถอะว่าความซนของลูกในวัยนี้จะช่วยเสริมสร้างการเรียนรู้และ มีพัฒนาการที่ดีขึ้น
ซนนิดซนหน่อยปล่อยลูกไปบ้าง ทำให้เจ้าหนู มีพัฒนาการที่ดีขึ้น
#ปล่อยให้ได้เลอะเทอะบ้าง
ยอมปล่อยให้ลูกได้เล่นดินเล่นทรายเลอะ ๆ เทอะ ๆ หรือใช้มือกินอาหารด้วยตัวเองที่ทำให้หน้าเปรอะ ๆ ไปกับซอสต่าง ๆ โยเกิร์ตจะติดอยู่บนผม ปล่อยลูกไปก่อนแล้วค่อยพาไปอาบน้ำล้างมือ ผลของการละเลยที่จะไม่ทำความสะอาดให้กับลูกในตอนนี้จะช่วยให้ลูกได้เรียนรู้กับบางสิ่ง เช่น การช่วยเหลือตัวเอง ได้ใช้อวัยวะในส่วนต่าง ๆ สัมผัสกับพื้นผิวที่แปลกใหม่ ได้มีความสุขอารมณ์ดี นอกจากนี้นักวิจัยได้ทำการสังเกตการณ์เด็กน้อยวัยเตาะแตะกว่า 70 คน และได้พบว่าในขณะที่หนู ๆ นั้นเล่นสกปรกเลอะเทอะกับอาหาร พวกเขาสามารถที่จะเรียนรู้คำศัพท์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับอาหารเหล่านั้นได้เร็วขึ้นและถูกต้องมากขึ้น
อ่านเพิ่มเติม : เหยียบดิน เหยียบทราย ใกล้ชิดธรรมชาติ ให้พัฒนาการเด็กตรงไหน
#ยืนยันที่จะอ่านหนังสือเล่มเดิมซ้ำแล้วซ้ำอีก
ไม่ว่าจะเป็นการเรียกร้องให้คุณแม่อ่านหนังสือเล่มเดิม ๆ ร้องเพลงเดิมๆ หรือเล่นเกมเดิม ๆ อยู่ทุกวัน ๆ จนคุณแม่อาจเบื่อ แต่นี่คือสิ่งที่เป็นประโยชน์สำหรับเด็กเล็กก่อนวัย 3 ขวบเลยนะคะ เพราะการทำซ้ำแล้วซ้ำอีกจะช่วยพัฒนาภาษาพูดของเด็กวัยเตาะแตะได้ เนื่องจากการได้ยินคำและวลีเดียวกันซ้ำแล้วซ้ำอีกจะช่วยให้คำศัพท์เหล่านี้เข้ามาอยู่ในความจำของลูกได้ดี
#ยอมให้ลูกพูดคำว่า “ไม่” กวนประสาท
เจ้าตัวเล็กในวัยเตาะแตะนี้จะยังพูดได้ไม่กี่คำ หนึ่งในคำสั้น ๆ ที่ลูกจะพูดได้ก็คือคำว่า “ไม่” ที่คุณแม่อาจจะเจอเจ้าตัวเล็ก “ไม่” ใส่อยู่บ่อย ๆ ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องที่น่าหงุดหงิดได้สำหรับพ่อแม่ แต่ถ้าเราพยายามเข้าใจว่าสิ่งที่ลูกพูดนั้นดูเหมือนจะเป็นการขัดขืนแบบไม่มีเหตุผล ที่แท้จริงคือลูกกำลังเริ่มพัฒนาตัวตนของตัวเองอยู่ เริ่มที่จะมีพัฒนาการด้านความคิด และความเป็นอิสระของตัวเองมากขึ้น
#คอยเกาะติดแม่แจ
เด็กน้อยวัยเตาะแตะที่ชอบเกาะแข้งเกาะขายังไม่ยอมให้แม่ละสายตาไปไหน เป็นธรรมดาที่ลูกวัยนี้จะติดแม่ กระวนกระวายเมื่อแม่เดินไปทางอื่น แม้อาจจะทำให้คุณแม่หงุดหงิดใจบ้างยามที่อยากจะไปทำธุระส่วนตัว หรือขอเวลาคุยโทรศัพท์นิดหน่อย แต่ถ้ามองเจ้าตัวเล็กที่กำลังเกาะคุณแม่แจตอนนี้จะเห็นได้ว่า เด็กเล็ก ๆ ที่คอยเกาะติดแม่หรือพ่อนั้น คือการที่ทำให้ลูกมีพื้นที่ที่ทำให้เขารู้สึกปลอดภัยและมั่นคง ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ดีมาก ๆ ยิ่งกว่านั้นคุณแม่จะได้รู้ว่าการที่ลูกมาเกาะติดอยู่ใกล้ชิดนั้นอาจเป็นสัญญานบ่งบอกว่าลูกกำลังรู้สึกไม่ปลอดภัยในสถานการณ์นั้น ๆ เป็นโอกาสที่แม่จะคอยหยิบยื่นความมั่นใจ สอนลูกให้เรียนรู้ในสถานการณ์ต่าง ๆ และลูกก็เริ่มเกาะติดน้อยลงในครั้งต่อ ๆ ไปได้เอง
#ได้ความแสดงอาการเหวี่ยงวีน
การเหวี่ยงวีนอาจเป็นพฤติกรรมของเด็กวัยเตาะแตะที่เกิดขึ้นได้ตามช่วงวัย ที่มีแนวโน้มว่าจะเกิดในที่สาธารณะ ห้างสรรพสินค้า ที่บ้านของเพื่อน หรือสามารถเกิดขึ้นได้ทุกและทุกเวลาได้อย่างง่ายดาย ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าการเก็บกดอารมณ์โกรธและหงุดหงิดนั้นไม่ใช่สิ่งที่ง่ายเลยไม่ว่าสำหรับใครก็ตาม โดยเฉพาะกับเด็กตัวเล็ก ๆ ไม่กี่ขวบ ซึ่งพ่อแม่ต้องเข้าใจว่าลูกกำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการเติบโต และกำลังเรียนรู้ทักษะต่าง ๆ และวิธีปรับตัวในการเผชิญหน้ากับอารมณ์ของตัวเองอยู่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าให้บรรดาพ่อแม่ปล่อยให้ลูกได้หวีดร้อง ลงไปนอนกับพื้น เตะโน่นเตะนี่ หรือทุบตีสิ่งต่าง ๆ เราสามารถใจเย็น ๆ และหาสาเหตุว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูก และนี่คือโอกาสที่จะสอนลูกให้รับมือกับความโกรธหรือแนะนำวิธีระบายอารมณ์ออกมาด้วยวิธีสร้างสรรค์
#เจ้าจอนซนไม่ยอมที่จะนั่งนิ่ง ๆ
เด็กตัวเล็ก ๆ นี่พลังเยอะจริงว่ามั้ยค่ะ อยากเอาพลังนี้มาใส่ตัวเองเพิ่มพลังการเลี้ยงลูกให้มากขึ้นแทน ถึงแม้คุณแม่จะอยากจับลูกมานั่งนิ่ง ๆ แค่เพียง 5 นาทีก็ตาม แต่ธรรมชาติของเด็ก ๆ นั้นการเคลื่อนไหวจะทำให้พวกเขามีสุขภาพที่ดีไปตลอดชีวิต ในปี 2005 มีผลการศึกษาที่ได้ตีพิมพ์ในวารสารทางวิทยาศาสตร์ โดยนักวิจัยได้ชี้ให้เห็นถึงความสัมพันธ์ตัวเลขบนที่ชั่งน้ำหนักกับการขยับตัวเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่น่าแปลกใจเลยว่า คนที่ชอบขยับตัวเคลื่อนไหวมีแนวโน้มที่จะมีน้ำหนักตัวน้อยกว่าคนที่ชอบที่ยืนเฉย ๆ ซึ่งเป็นข้อดีต่อพัฒนาร่างกายของหนูน้อยวัยเตาะแตะในการปล่อยให้ได้วิ่งเล่น ออกกำลังกาย หรือวิ่งไปรอบ ๆ บ้านก่อนเวลาอาบน้ำเข้านอน
#ทำอะไรอืดอาดไปบ้าง
ลูกน้อยวัยเตาะแตะของคุณแม่ แม้ว่าเขาจะมีร่างกายที่เติบโตสมบูรณ์ขึ้นแล้ว แต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าลูกจะทำอะไรได้เร็วปรู้ดปร้าดได้เสมอ บ่อยครั้งที่ลูกยังคงต้องทำอะไรที่อืดอาดเชื่องช้า แต่นี่คือเรื่องดีต่อทุกคนในครอบครัว เพราะในโลกที่ดูเหมือนทุกวันนี้อะไรก็เร่งรีบไปหมด อย่างการปล่อยให้ลูกได้ใส่รองเท้าด้วยตัวเองถึงแม้ว่ามันจะช้าไปบ้าง แต่มันก็ทำให้คุณแม่ได้สำรวจว่ายังมีสิ่งอื่นที่เรายังไม่ได้ตระเตรียมก่อนที่จะออกข้างนอกหรือเปล่า การปล่อยลูกให้ลองทำอะไรด้วยตัวเอง เป็นการเสริมพัฒนาการที่สำคัญรวมทั้งพัฒนาด้านอารมณ์และจิตใจของลูกด้วย.
ที่มา : pickanytwo.net
บทความอื่นที่น่าสนใจ :
ปล่อยให้ลูกร้องไห้นาน บริหารปอดหรือส่งผลร้ายต่อสมองและจิตใจกันแน่!
หวงลูกไม่ใช่เรื่องน่าอาย ดีกว่าปล่อยให้ใครมาจับ ดม หอมแก้มลูก ติดเชื้อ เสี่ยงถึงตายอันตรายมากกว่า!!