พัฒนาการด้านร่างกาย
เมื่อลูกน้อยลืมตาดูโลก คุณแม่ทราบไหมคะว่า เขามีความสามารถสุดอะเมซิ่งที่ทำได้ตั้งแต่ในครรภ์ติดตัวออกมาด้วย เช่น สัญชาตญาณในการหายใจ กำมือแน่น จำกลิ่นของแม่ได้ และแยกแยะระหว่างแม่กับคนอื่นๆ ได้แล้ว เด็กบางคนดูดนิ้วหัวแม่มือตั้งแต่ยังอยู่ในท้องแม่เลยก็มีค่ะ
บทความแนแม้ว่าทารกจะเกิดมาพร้อมทักษะที่น่าทึ่งเหล่านี้ แต่สำหรับเดือนแรกของชีวิตลูกน้อย ดูเหมือนเขาจะใช้เวลาไปกับการนอน การร้องไห้ และการเปลี่ยนผ้าอ้อมเสียมากกว่า
บทความแนะนำ คัมภีร์การนอนของทารกแรกเกิดถึง 1 เดือน
ในวัยนี้ ลูกน้อยมีความสามารถในการควบคุมกล้ามเนื้อได้น้อยมาก การกระทำส่วนใหญ่จึงเป็นปฏิกิริยาสะท้อนกลับที่เกิดจากประสาทอัตโนมัติ เช่น การดูด การหาว การจาม และการร้องไห้ แต่ในขณะเดียวกันเขาก็จะค่อยๆ ค้นพบว่า เขาสามารถควบคุมร่างกายตัวเองได้
ลูกน้อยจะตื่นเต้นกับการค้นพบว่าเขาสามารถใช้มือในการบีบสิ่งต่างๆ ได้เช่น มือของแม่ รวมไปถึงการค้นพบความสามารถในการดูดเมื่อรู้สึกหิว เป็นต้น
พัฒนาการด้านประสาทสัมผัส
การคลาน การเดิน การวิ่ง หรือแม้แต่การเต้น จะเกิดขึ้นเร็วกว่าที่คุณคิด
แต่ก่อนจะไปถึงทักษะเหล่านั้น ลูกน้อยจะต้องเริ่มจากการค้นพบตัวเอง และเรียนรู้ที่จะเริ่มมีปฏิสัมพันธ์กับโลกรอบตัวเสียก่อน
- การมองเห็น
ลูกน้อยแรกเกิดสามารถเปิดตาและมองเห็นเกือบจะทันทีหลังจากที่ออกมาจากท้องแม่ แม้ว่าสายตาของเขายังไม่สามารถที่จะโฟกัสไปไกลเกินกว่าหนึ่งเมตรได้ แต่ก็สามารถโฟกัสใบหน้าของคุณ เมื่อถูกอุ้มอยู่ในอ้อมแขน ซึ่งเป็นระยะห่างระหว่างใบหน้าของคุณแม่กับใบหน้าลูกน้อยขณะให้นมลูกนั่นเอง
การมองเข้าไปในดวงตาของลูกน้อยแรกเกิด เป็นวิธีสร้างความผูกพันกับลูกได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่ต้องอะไรมาก เพียงแค่ใช้เวลาในการมองเขา ทำความรู้จักกับร่างเล็กๆ มองหน้าของลูกน้อย และยิ้มให้เขา ลูกน้อยของคุณก็จะทำความรู้จักคุณโดยการมองหน้าคุณ เพื่อสร้างความผูกพันที่แน่นแฟ้นกับคุณยิ่งขึ้นเช่นเดียวกัน
- การได้ยิน
ลูกน้อยแรกเกิดสามารถได้ยินเสียงราวๆ สัปดาห์ที่ 28 ของการตั้งครรภ์ โดยลูกน้อยสามารถที่จะรับฟังและได้ยิน ทั้งเสียงจากภายในท้องของแม่และเสียงจากโลกภายนอก
การศึกษาพบว่าทารกแรกเกิดมีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างมากต่อเสียงสูงของผู้หญิงมากกว่าเสียงทุ้มของผู้ชาย
ลูกน้อยจะผ่อนคลายเมื่อได้ยินเสียงแม่พูดคุยและร้องเพลงให้เขาฟัง ในทางตรงกันข้ามลูกน้อยจะอารมณ์เสียเมื่อเสียงของแม่แสดงความเศร้าหรือโกรธ
- การได้กลิ่น
จมูกของลูกน้อยมีความไว ทารกแรกเกิดสามารถบอกความแตกต่างระหว่างกลิ่นของแม่กับกลิ่นของบุคคลอื่นได้แล้ว
ความสามารถด้านประสาทสัมผัสนี้จะพัฒนาไปพร้อมๆ กับประสาทสัมผัสด้านการรับรส ซึ่งทารกใช้ในการรับรสหวานของนมแม่หรือนมผงนั่นเอง
- การสัมผัส
มนุษย์ทุกคนต้องการการสัมผัสเพื่อรับรู้ถึงความเป็นอยู่ที่ดีและมีความสุข การนวดทารกจึงเป็นวิธีที่ดีในการสร้างผูกพันกับลูกน้อย นอกจากนั้นลูกยังต้องการสัมผัสจากมือของแม่เพื่อการปลอบโยนและทำให้รู้สึกผ่อนคลายเช่นเดียวกับผู้ใหญ่ การนวดเบาๆ ยังช่วยในเรื่องพัฒนาการของทารกแรกเกิดโดยเฉพาะด้านกล้ามเนื้อของลูกน้อยอีกด้วย
- ปฏิกิริยาสะท้อนกลับ
ปฏิกิริยาสะท้อนกลับมีความสำคัญต่อความอยู่รอดของทารก ในที่นี้หมายรวมถึง ความสามารถในการหาเต้านม การดูด การกลืน และการสำลัก เพื่อเป็นการป้องกันลูกน้อยจากการดูดนมมากเกินไป
คลิกหน้าถัดไป เพื่อติดตามพัฒนาการลูกน้อยวัย 1 เดือนด้านอื่นๆ
พัฒนาการด้านสติปัญญา
พัฒนาการด้านสติปัญญาของลูกน้อย คือการสร้างกระบวนทางความคิด ความจำ การแก้ปัญหา และการตัดสินใจ โดยเริ่มจากการที่เขาฟังสิ่งที่คุณพูด และสังเกตสิ่งต่างๆ รอบตัว
อย่างไรก็ดี คุณแม่อาจยังไม่สามารประเมินพัฒนาการด้านสติปัญญาได้อย่างชัดเจน แต่สามารถโฟกัสที่พัฒนาการด้านการมองเห็นและการได้ยินของลูกในช่วงนี้ไปก่อน ในวัยนี้ ถ้าลูกน้อยไม่เคยมองตามคุณ หรือตอบสนองต่อเสียงดัง คุณแม่ควรรีบปรึกษากุมารแพทย์เพื่อขอคำแนะนำนะคะ
พัฒนาการด้านอารมณ์และสังคม
ลูกน้อยแรกเกิดไม่ได้ร้องไห้เพราะเบื่อ แต่ร้องเพราะเขาต้องการได้รับการเติมเต็ม เมื่อเขารู้สึกหิว แฉะ เหนื่อย ร้อนหรือเย็นเกินไป เป็นต้น ดังนั้นคุณแม่ไม่ควรเพิกเฉยต่อเสียงร้องของลูกน้อย หรือปล่อยให้ลูกร้องเป็นเวลานานนะคะ เพราะการร้องไห้เป็นวิธีที่ลูกน้อยใช้เพื่อสื่อสารและเขาต้องการความช่วยเหลือจากคุณ ทราบไหมคะว่า การเพิกเฉยของคุณสามารถส่งผลกระทบต่อพัฒนากการของลูกน้อยได้
บทความแนะนำ อย่ากลัวลูกติดอุ้ม! งานวิจัยฟันธง “รักลูกให้กอด ลูกร้องต้องรีบอุ้ม”
ในช่วงวัยนี้ ทารกจะได้รับอิทธิพลจากผู้เลี้ยงดูได้ง่าย อารมณ์ของคุณจึงส่งผลต่ออารมณ์ของลูกน้อย คุณอาจสังเกตได้ว่า ลูกน้อยอาจงอแงเมื่อคุณหงุดหงิด หรือตื่นตัว ตื่นเต้น เมื่อคุณมีความสุข ลูกน้อยยังชอบมองหน้าคุณ และฟังเสียงคุณพูดกับเขาช้าด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอีกด้วยค่ะ
โปรดจำไว้ว่า ลูกน้อยเริ่มที่จะเรียนรู้วิธีการแสดงอารมณ์ จากการดูพฤติกรรมของคุณแล้วนะคะ ดังนั้น ยิ่งคุณสงบจิตสงบใจได้มากเท่าไหร่ ลูกน้อยก็จะมีแนวโน้มที่จะสงบ และเป็นคนมีมั่นคงทางจิตใจมากเท่านั้น
พัฒนาการด้านภาษา
พื้นฐานสำคัญในการพัฒนาภาษาและการพูดของทารกเริ่มเมื่อลูกน้อยเริ่มพัฒนาด้านการได้ยิน คุณแม่จึงควรให้ความสำคัญกับการตรวจสอบความสามารถในการได้ยินของลูก ใส่ใจกับปัญหาเกี่ยวกับหู โดยเฉพาะเมื่อลูกมีปัญหาหูติดเชื้อ
เมื่อไหร่ที่ควรกังวลเกี่ยวกับพัฒนาการของลูกน้อย
พัฒนาการของลูกน้อยขึ้นอยู่กับปัจจัยมากมาย ทั้งก่อนคลอดและหลังคลอด เช่น สุขภาพของแม่ท้อง อายุครรภ์เมื่อแรกคลอด (เช่น ทารกที่คลอดในสัปดาห์ที่ 38 อาจมีพัฒนาการที่ช้ากว่า ทารกคลอดในสัปดาห์ที่ 40 ) ภาวะแทรกซ้อนในขณะคลอด ความเจ็บป่วยในช่วงปีแรก รวมทั้งปัจจัยด้านพันธุกรรมและสิ่งแวดล้อม บุคลิกภาพของพ่อแม่ การศึกษา และทัศนคติที่มีต่อทารก ก็มีผลต่อพัฒนาการของทารกไม่แพ้กัน เด็กที่เติบโตในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความรัก การเลี้ยงดูที่อบอุ่น สะอาด จะมีพัฒนาการที่ดีกว่าเด็กที่เติบโตในสภาพแวดล้อมที่มีความสบายใจน้อยกว่า
ขอความช่วยเหลือเกี่ยวกับพัฒนาการของลูกได้ที่ไหน
หากลูกน้อยของคุณดูเหมือนว่าจะมีพัฒนาการที่ล่าช้ากว่าอายุ หรือคุณแม่มีความกังวลในเรื่องพัฒนาการของลูก ควรปรึกษากุมารแพทย์เพื่อขอคำแนะนำ
แม้ว่าลูกน้อยจะมีการเติบโตและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แต่แม่มือใหม่ก็มักจะรู้สึกกดดันกับการเลี้ยงลูกในช่วงแรก คุณแม่ต้องยอมรับก่อนนะคะว่าเมื่อกลายเป็นแม่ คุณย่อมจะพบกับความเปลี่ยนแปลงทั้งทางร่างกาย อารมณ์ และหลักสูตรพ่อแม่นี้ต้องใช้เวลาในการเรียนรู้ค่ะ
หากคุณรู้สึกทุกข์ใจหรือมีปัญหาที่เกี่ยวข้องกับลูกน้อยหรือสามีของคุณ คุณอาจกำลังประสบกับภาวะซึมเศร้าหลังคลอด อย่าลังเลใจที่จะไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อขอคำปรึกษานะคะ
สุดท้าย โปรดจำไว้ว่า เด็กแต่ละคนมีพัฒนาการที่แตกต่างกัน เด็กทุกคนมีความเป็นเอกลักษณ์และพัฒนาการที่ช้าหรือเร็วกว่าค่าเฉลี่ย ไม่ได้เป็นการรับประกันว่าเขาจะเป็นอย่างไรในอนาคต เด็กที่ทำทุกอย่างตามวัยได้ช้าที่สุด ก็สามารถโตขึ้นไปเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตได้เช่นกันค่ะ
ที่มา sg.theasianparent.com
บทความที่น่าสนใจอื่นๆ
พัฒนาการเด็กวัย 1 เดือนและเทคนิคส่งเสริมพัฒนาการตามวัย
เช็คพัฒนาการลูกน้อยวัย 2 เดือนอย่างละเอียด