เมื่อตั้งท้องคุณแม่อาจจะยังไม่ได้เตรียมตัวเองมากหนัก จากนี้ไปต้องเริ่มวางแผนดูแลตัวเองและต้องเริ่มหาโรงพยาบาลเพื่อไปฝากท้องแล้วคะ การฝากท้องมีความจำเป็นต่อคุณแม่ ยิ่งเร็วยิ่งดี และควรไปฝากท้องก่อน 12 สัปดาห์ เพื่อให้คุณหมอได้ตรวจครรภ์ และได้รับคำแนะนำในช่วงตั้งครรภ์ได้อย่างถูกต้อง
4 ข้อคิด ก่อนตัดสินใจเลือกฝากท้อง
#1 การเลือกโรงพยาบาล
โรงพยาบาลที่มีชื่อเสียงในทางที่ดีจะมีผลต่อความน่าเชื่อถือ บอกถึงเครื่องมือทางการแพทย์ การดูแลรักษา การให้บริการ และนโยบายของโรงพยาบาล ซึ่งทั้งโรงพยาบาลรัฐและเอกชนหลายแห่งก็จะมีคุณหมอที่เก่ง ๆ อยู่แล้ว แต่การเลือกโรงพยาบาลอาจจะมีข้อแตกต่างกัน เช่น โรงพยาบาลรัฐอาจจะต้องรอนาน แต่ค่าใช้จ่ายถูก โรงพยาบาลเอกชนให้บริการดี แต่ค่าใช้จ่ายสูง คุณแม่สามารถพิจารณาเลือกได้ตามความพอใจ หรืออีกหนึ่งวิธีในการตัดสินใจเลือกโรงพยาบาลคือ การสอบถามจากเพื่อนหรือครอบครัวที่มีประสบการณ์ใช้บริการโรงพยาบาลนั้น ๆ ว่า การให้บริการและสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เป็นอย่างไร ฯลฯ
#2 ความชำนาญของคุณหมอที่รับฝากครรภ์
โดยส่วนใหญ่คุณแม่อาจจะพิจารณาจากชื่อเสียงของคุณหมอ หรือสอบถามคุณแม่ที่เคยทำคลอดกับคุณหมอท่านนั้น ๆ มาแล้วว่าเป็นอย่างไร เพราะหากได้เจอคุณหมอที่เก่ง มีความเชี่ยวชาญ มีประสบการณ์ในการทำคลอด ก็น่าจะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่คุณแม่มือใหม่และทำให้สบายใจยิ่งขึ้น
Read : 10 รายชื่อหมอสูติ-นรีแพทย์ยอดนิยม
#3 ค่าใช้จ่ายในการฝากท้อง คลอดบุตร และรักษาพยาบาลหลังคลอด
โดยส่วนใหญ่หากเป็นโรงพยาบาลเอกชนจะมีการจัดทำแพคเกจคลอดแบบเหมาจ่าย ซึ่งทำให้การไปตรวจครรภ์ของคุณแม่แต่ละเดือนไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการตรวจ ยกเว้นแต่ตรวจพบความผิดปกติอยู่นอกเหนือราคาดังกล่าว หรือความต้องการดูอัลตร้าซาวด์ในแต่ละครั้ง ก็จำเป็นต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม (ขึ้นอยู่กับโรงพยาบาล) ในส่วนของโรงพยาบาลรัฐ จะมีค่าใช่จ่ายแต่ละครั้งที่ถูกกว่า หากคุณแม่ที่ไม่อยากเสียเวลารอตรวจนานอาจจะเลือกไปตรวจครรภ์ที่คลินิกหรือโรงพยาบาลเอกชน แล้วมาเลือกคลอดกับโรงพยาบาลที่ฝากครรภ์ไว้ได้เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของคุณพ่อคุณแม่เป็นหลัก และควรสอบถามเรื่องค่าใช้จ่ายเหล่านี้ก่อนตัดสินใจเพื่อเตรียมงบประมาณได้ถูกนะคะ
Read : ฝากท้องแบบไหนดี? ฝากธรรมดา vs พิเศษ
#4 การเดินทาง
ระยะทางจากบ้านไปถึงโรงพยาบาลเป็นอีกหนึ่งปัจจัยหลักในการตัดสินใจ ควรเลือกโรงพยาบาลที่สะดวกในการเดินทาง ไม่ควรห่างไกลบ้าน เพราะหากเกิดกรณีฉุกเฉินไม่ว่าจะเป็นเวลากลางวันหรือกลางคืนหรือชั่วโมงเร่งด่วน หรือมีความเสี่ยงที่ลูกจะคลอดก่อนกำหนด ไม่ตรงตามตารางนัด ก็จะทำให้ไปหาหมอได้ง่ายและได้รับการรักษาที่เร็วอย่างทันท่วงที
ขอบคุณที่มา : www.gotoknow.org
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
Q&A 7 คำถามแม่ท้อง ที่หมอสูติอยากบอก
10 สิ่งต้องทำเมื่อรู้ว่าตั้งครรภ์