หากคุณแม่ เป็นคนหนึ่งที่ให้กำเนิดลูกด้วยการผ่าท้องคลอดแล้วล่ะก็ เหล่านี้คือ สิ่งที่คุณแม่ผ่าคลอดต้องเจอ
ผ่าท้องคลอด 7 สิ่งที่คุณแม่ผ่าคลอดต้องเจอ
1. ความเจ็บปวด ผ่าท้อง
ก็ผ่าท้องคลอดที่นา จะไม่ให้เจ็บปวดได้ยังไง หลังจากที่คุณแม่ฟื้นจากการผ่าท้องคลอดแล้ว คุณแม่อาจจะยังไม่รู้สึกปวดอะไรมาก เนื่องจากฤทธิ์ยาชาที่ยังมีหลงเหลืออยู่ แต่ภายหลังจากที่ยาเริ่มหมดฤทธิ์ นั่นแหละ คือความเจ็บปวดที่ยากเกินจะบรรยาย ซึ่งทั้งคุณหมอ และพยาบาลจะแนะนำเลยว่า ถ้าหากปวดขึ้นมา อย่าได้ทน และให้รีบขอยาแก้ปวดทันทีนะคะ แต่ยาแก้ปวดไหนละจะดีเท่าการได้เจอหน้าลูก
2. เคลื่อนไหวไม่ค่อยได้
ผ่าท้อง เนื่องจากแผลที่มีขนาดใหญ่ ทำให้การเคลื่อนไหวตัวเป็นไปได้อย่างยากลำบาก และคุณหมอก็ยังไม่แน่นำให้ขยับหลังผ่าทันที ผนวกกับอาการมึน และเพลียที่ยังหลงเหลืออยู่ แต่การไม่ขยับตัวเลยนั้น ก็ไม่ใช่สิ่งที่ดีนะคะ เพราะอาจจะทำให้เกิดพังผืดขึ้นได้ เพื่อให้ร่างกายเกิดการเคลื่อนไหว ดังนั้นคุณแม่ควรที่จะฝืนเจ็บพลิกตะแคงข้างสลับข้างขวาบ้าง ซึ่งวันถัดมาก็จะมีคุณหมอกายภาพมาแนะนำวิธีการบำบัดอีกครั้งนึง
3. น้ำคาวปลา
คือน้ำที่ออกมาจากโพรงมดลูกในช่วงหลังคลอด และจะเกิดขึ้นในช่วง 2-3 วันแรก โดยจะมีลักษณะเหมือนประจำเดือน และจะหมดไว และน้อยกว่าคุณแม่ที่คลอดเองด้วยวิธีการทางธรรมชาติ เนื่องจากคุณหมอได้ทำความสะอาดภายในโพรงมดลูกขณะผ่าคลอดไปแล้ว
4. เจ็บแผลหรือเสียวแผลผ่าคลอด
ใช่ค่ะ แม้ว่าเราจะผ่าท้องคลอดมาสักพักใหญ่ ๆ แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเดือนหรือว่าเป็นปี อาการเจ็บแผลหรือเสียวแผลก็ยังคงเกิดขึ้นได้อยู่ ซึ่งอาการดังกล่าว อาจเกิดขึ้นถ้าหากคุณแม่ยกของหนัก หรืออากาศที่เปลี่ยนแปลงไป ถ้าหากรู้สึกปวดมากผิดปกติ ก็อย่ารอช้า รีบไปปรึกษาสูตินารีแพทย์จะดีที่สุด
5. ผลข้างเคียงจากการบล็อคหลัง
เมื่อวันเวลาผ่านไป ไม่ว่าลูกจะอายุเท่าไหร่ ผลข้างเคียงอย่างหนึ่งที่มักเกิดขึ้นกับคุณแม่ที่เคยผ่าท้องคลอดมาแล้วทุกคนนั่นก็คือ อาการปวดหลัง และแม้ว่าแพทย์จะบอกว่า การบล็อคหลังไม่ได้มีส่วนก็ตาม แต่เชื่อเถอะว่ามันเกิดขึ้นแน่ ๆ ดังนั้น วิธีแก้ที่ดีที่สุดก็คือ หมั่นออกกำลังกาย ยืดเส้นยืดสายกันนะคะ
6. รอยแผลเป็น
ปัญหาส่วนใหญ่ที่พบกับคุณแม่หลังผ่าท้องคลอดก็คือ แผลผ่านั้นมีรอยนูนบวมแดงหรือแผลดีลอยด์ วิธีการรักษาก็สามารถทำได้หลายวิธี ยกตัวอย่างเช่น การผ่าตัด เลเซอร์ การฉีดเสตอรอยด์ (ซึ่งคุณหมอจะอนุญาตให้ทำ ก็ต่อเมื่อเลิกให้นมลูกแล้ว) รวมถึงการทาครีมที่มีส่วนผสมของเสตอรอยด์อย่างอ่อนก็สามารถช่วยได้
7. ความกลัว
แน่นอนว่า การผ่าตัดไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนฝันถึง แต่ในเมื่อมันกำลังจะเกิดขึ้นกับตัวเราเอง ก็จงอย่าได้เป็นกังวลไป เพราะการผ่าท้องคลอดนั้น ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เราคิดเลย ดังนั้น เปลี่ยนจากความกลัวมาเป็นความภูมิใจกันเถอะค่ะ เพราะการผ่าตัดครั้งนี้นี่แหละ คือการผ่าตัด เพื่อให้คนที่เรารักมากที่สุดได้ลืมตาดูโลก
การดูแลหลังผ่าคลอด
หลังผ่าคลอด คุณแม่ควรจะได้รับสารอาหารที่เหมาะสม จะทำให้ฟื้นตัวเร็วขึ้น โดยอาหารที่คุณแม่ผ่าคลอด ควรรับประทานมีดังนี้
อาหารแม่หลังผ่าคลอด สารอาหารแบบไหนที่แม่หลังผ่าคลอดควรได้รับ?
1. โปรตีน (Protein)
โดยสารอาหารสำคัญของแม่หลังผ่าคลอดคือ โปรตีน นั้นก็เพราะ โปรตีน มีส่วนในการสร้างเซลล์ใหม่ๆ และช่วยในการซ่อมแซมเนื้อเยื่อรวมถึงบำรุงกล้ามเนื้อหลังผ่าตัด
2. แคลเซียม (Calcium)
สารอาหารที่สำคัญสำหรับแม่ท้องอีกอย่างคือแคลเซียม เพราะ แคลเซียม มีส่วน สำคัญในการเสริมสร้างกระดูก และ ฟัน รวมถึงมีการช่วยในการเสริมความแข็งแรง
3. อาหารธัญพืช (Whole Grain Foods)
อาหารจำพวกธัญพืช เช่น พาสต้าและข้าวกล้อง ควรเป้นส่วนหนึ่งในการของแม่หลังคลอดเพราะมันอุดมไปด้วย คาร์โบไฮเดรต ที่จะช่วยรักษาระดับพลังงานและการผลิตน้ำนม รวมถึงธัญพืชที่ไม่ขัดสีมีธาตุเหล็กและเส้นใยที่ช่วยพัฒนาของทารก
4. อาหารที่อุดมไปด้วยวิตามิน (Vitamin-rich Foods)
อาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินจะช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อ และ ช่วยรักษาสมดุลในร่างกาย รวมถึงวิตามินจะช่วยรักษาการผลิตคอลลาเจนในร่างกาย
5. อาหารที่อุดมไปด้วยไฟเบอร์ (Fibre-rich Foods)
อาการท้องผูกสามารถชะลอการเยียวยาแผล และทำให้เกิดการกดแผล เพราะฉะนั้นร่างกายแม่หลังผ่าคลอดจึงต้องการไฟเบอร์ในการรักษาอาการท้องผูก
6. อาหารที่ย่อยง่าย (Easy-to-digest Foods)
ร่างกายที่สะสมก๊าซไว้หลังคลอ อาจจะทำให้เกิดการท้องผูกได้ เพราะฉะนั้นหลังคลอดควรจะเลือกทานอาหาที่ย่อยง่ายและควรหลีกเลี่ยงการกินอาหารฟาสต์ฟู้ดส์ (Fast Foods) และ น้ำอัดลม (Carbonated Drinks)
7. อาหารที่อุดมด้วยธาตุเหล็ก (Iron-rich Foods)
เหล็ก จะช่วยรักษาระดับเลือดในร่างกายและส่งมอบระบบภูมิคุ้มกัน รวมถึงทำให้ร่างกายของแม่นั้นผลิตเลือดที่หายไปได้มากขึ้น
8. วิตามิน ซี (Vitamin C)
วิตามิน ซี คืออาหารที่มีประโยชน์ต่อคุณแม่หลังคลอด โดยเฉพาะคุณแม่หลังคลอด เพราะวิตามินซีจะช่วยฟื้นฟูร่างกายของคุณแม่ให่้คืนมา และ ยังช่วยธาตุเหล็กทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
9. ผลิตภัณฑ์จากนม (Dairy Products)
ผลิตภัณฑ์จากน ถือเป็นอาหารที่มีบทบาทสำคัญสำหรับแม่หลังผ่าคลอดโดยเฉพาะ นมที่มีไขมันต่ำ (Low-fat Dairy Products) และ โยเกิร์ต โดยผลิตภัณฑ์เหล่านี้ แม่หลังคลอดต้องการ 500 มล. ต่อวันนะคะ
10. ดื่มน้ำมากๆ (Water)
น้ำ มีความสำคัญมากสำหรับคุณแม่ให้นม เนื่องจากว่าน้ำที่คุณแม่ดื่มเข้าไปจะเปลี่ยนไปเป็นน้ำนมให้ลูกดื่ม หากร่างกายของคุณแม่ขาดน้ำมากๆ อาจจะทำให้เกิดอาการท้องผูก และร่างกายโทรมได้ค่ะ ซึ่งคุณแม่ควรดื่มน้ำให้ได้ประมาณ 13 แก้วต่อวัน
_________________________________________________________________________________________
ลงทะเบียนรับการดูแลตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ กับ theAsianparent Thailand ตั้งแต่ช่วงไตรมาสแรก มาติดตามพัฒนาการของลูกอย่างใกล้ชิด ว่าลูกโตขึ้นแค่ไหนกันนะ ไตรมาสที่ 2 มาฟังเสียงลูกน้อย นับว่าหนึ่งวันลูกดิ้นไหมนะ และ ลูกดิ้นวันละกี่ครั้งด้วยแอพพลิเคชั่น theAsianparent Thailand นี่เป็นแค่ตัวอย่างกิจกรรมบนแอพพลิเคชั่นในส่วนแรก เพราะคุณแม่จะได้รับการดูแล ทั้งอาหารการกิน โดยการออกแบบจากผู้เชี่ยวชาญว่าควรทานอะไรบ้างในแต่ช่วงอายุครรภ์ ยาที่เป็นอันตรายชนิดไหนบ้าง ที่ไม่ควรทาน กิจกรรมใดบ้างที่ทำได้ หรือทำไม่ได้ เคล็ดลับการตั้งชื่อลูกอย่างไรให้เป็นมงคล ทั้งเด็กหญิง และเด็กชาย รวมถึงเตรียมแผนการล่วงหน้าถึงอนาคต การเตรียมคลอด การดูแลตนเองหลังคลอด ที่ครอบคลุมทุกช่วงเวลาที่คุณแม่ต้องการ
ที่มา : Womenshealthmag
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
เทคนิคการดูแลแผนผ่าคลอดไม่ให้นูนแดง
ไขข้อข้องใจ “นมแม่” เกิดขึ้นได้อย่างไร
ผ่าคลอดไม่มีน้ำนม แก้ด้วยวิธีนี้ ปัญหาแม่ไม่มีน้ำนมให้ลูกทำไงดี?