การวิจัยเกี่ยวกับข้อดีของอาการแพ้ท้องและการแท้งลูก
สถาบันสุขภาพแห่งชาติ ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ทำการสำรวจเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวโดยทำการตรวจสอบฮอร์โมน hCG ของผู้หญิงที่เคยมีประวัติการแท้ง จากผู้เข้ารับการสำรวจจำนวน 797 คน ซึ่งฮอร์โมน hCG หรือ human chorionic gonadotropin นั้นเป็นฮอร์โมนที่ผลิตจากเซลล์ของรก ระดับของฮอร์โมนจะเริ่มตรวจพบช่วง 11 วันหลังจากการมีปฏิสนธิ และจะตรวจพบในปัสสาวะได้หลังจากมีปฏิสนธิ 12-14 วัน ระดับฮอร์โมนจะมีค่าเพิ่มขึ้น 2 เท่าทุก 3 วัน ระดับฮอร์โมนจะขึ้นสูงสุดที่ 8-11 สัปดาห์ของการตั้งครรภ์ หลังจากนั้นค่าจะลดลงและคงที่ตลอดการตั้งครรภ์ ข้อมูลที่ถูกนำมาใช้ในการวิจัยนั้น ถูกรวบรวมมาจากคลินิกหลายแห่ง และได้มีการบันทึกอาการต่างๆของผู้เข้ารับการวิจัย รวมถึงพฤติกรรมการใช้ยาแอสไพริน ทั้งในช่วงก่อนตั้งครรภ์ และในระหว่างตั้งครรภ์ด้วย
ทั้งนี้ สถาบันสุขภาพแห่งชาติ ประเทศสหรัฐอเมริกา หรือ NIH ยังได้ออกมาเปิดเผยอีกว่า ถึงแม้ที่ผ่านมา จะมีการวิจัยเกี่ยวกับอาการแพ้ท้องและโอกาสแท้งลูก มาแล้วหลายครั้ง แต่การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยที่แม่นยำและมีความเป็นไปได้มากที่สุด เพราะการวิจัยครั้งนี้ได้ทำการวิเคราะห์ครอบคลุมไปถึงประวัติการแท้ง ปริมาณแอลกอฮอล์ที่แม่ท้องดื่มก่อนและระหว่างตั้งครรภ์ รวมไปถึงความผิดปกติทางโครโมโซมของแม่ท้องผู้เข้ารับการสำรวจอีกด้วย
อาการแพ้ท้อง ลดความเสี่ยงแท้งลูก
ผลการวิจัยดังกล่าวถูกนำออกมาเผยแพร่ในเว็บไซต์ JAMA Internal Medicine โดยมีใจความว่า แม่ท้องที่มีอาการแพ้ท้อง คลื่นไส้ อาเจียน จะมีโอกาสแท้งลูกน้อยกว่าแม่ท้องที่ไม่มีอาการแพ้ท้องอยู่ถึง 50 – 75 % โดยมีความเป็นไปได้ว่า อาการแพ้ท้อง คลื่นไส้ อาเจียน อาจเป็นตัวกระตุ้นให้รกมีการทำงานที่ดีขึ้นครับ
ในช่วงสัปดาห์ที่ 8 ของการตั้งครรภ์ 57.3 % ของแม่ท้องผู้เข้ารับการสำรวจมีอาการคลื่นไส้ ในขณะที่อีก 26.6 % มีอาการทั้งคลื่นไส้และอาเจียน ทั้งนี้ทั้งนั้น แม่ท้องแต่ละคนอาจมีอาการแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับภูมิคุ้มกันและลักษณะการดำเนินชีวิตของแต่ละคน
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าผลสำรวจจะออกมาเป็นแบบใด แม่ท้องทุกท่าน ควรดูแลสุขภาพ กินอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงกิจกรรมอันตรายซึ่งอาจเป็นสาเหตุของการแท้งลูก เช่น ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ เพื่อสุขภาพที่ดีของคุณ และลูกน้อยที่กำลังจะออกมาลืมตาดูโลกในอีกไม่ช้าครับ
ที่มา thebump.com, siamhealth.net