ปล่อยให้ลูกเรียนรู้ด้วยตัวเองบ้าง
พ่อคุณแม่บางท่านมีความเชื่อว่า การจะให้ลูกฉลาดนั้นต้องให้เด็กนั่งเรียนหนังสืออยู่แต่ในห้องเรียน ใช้วิธีเรียนรู้แบบท่องจำ ต้องให้เด็กเริ่มเรียนพิเศษตั้งแต่อนุบาล เข้าเรียนติวข้อสอบเพื่อให้ได้เข้าโรงเรียนดี ๆ ทั้งหมดนี้อาจจะเป็นความหมายของเด็กเก่งและฉลาดสำหรับพ่อแม่ นอกจากนี้พ่อแม่บางท่านยังวางแนวทางให้ลูกเดินตามกรอบซึ่งคิดว่าดีสำหรับตัวเด็ก มีการใช้คำว่า “ห้าม! อย่า! หยุด! ไม่!” มากเกินไป จึงเป็นการล้อมกรอบที่เกิดจากความหวังดีโดยไม่รู้ตัวว่าทฤษฎีเหล่านี้กลายเป็นรั้วกำแพงที่ปิดกั้นโอกาสของการเรียนรู้สำหรับลูก ไม่กล้าที่จะลองผิดลองถูกกับสิ่งใหม่ ๆ ที่ไม่คุ้นชิน ขาดความคิดสร้างสรรค์และความสามารถในการคิดนอกกรอบ
คุณพ่อ คุณแม่ ยุคใหม่ ๆ จึงต้องมีการปรับเปลี่ยนแนวทางการเลี้ยงลูก ๆ เพื่อให้เหมาะสมกับโลกที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน โดยเฉพาะการใส่ใจ กับลูกตั้งแต่ในวัย 1-3 ปีแรก ซึ่งเป็นวัยที่เปิดรับประสบการณ์ต่าง ๆ รอบตัว ทุกอย่างเป็นสิ่งแปลกใหม่น่าสนใจ น่าเรียนรู้ การปล่อยลูกเรียนรู้
ทุกสิ่งรอบตัวอย่างเต็มที่ รู้จักการแก้ปัญหา ลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง ซึ่งแนวทางนี้ทำให้ลูกรู้ จักทักษะการใช้ชีวิต และ การเรียนในห้องเรียน กลายเป็นแค่เพียงส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ของลูก
คุณพ่อ คุณแม่ จะเปลี่ยนบทบาท จากผู้บังคับ ผู้ห้าม มาเป็นผู้สนับสนุนโดยเปิดโอกาสให้ลูก ๆ ได้เลือกในสิ่งที่เขาต้องการ ให้คำแนะนำเมื่อลูกเริ่ม เกินขอบเขต การปล่อยลูกเรียนรู้ คิดด้วยตัวเองอย่างเต็มที่ เพื่อค้นหาสิ่งที่เขาชอบ หรือสนใจเป็นพิเศษ เป็นจุดเริ่มต้นเพื่อพัฒนาการทางสมอง ที่ดีของลูกน้อย จากการวิจัยพบว่า ยิ่งเด็กมีการใช้สมอง เพื่อการเรียนรู้ และคิดมากเท่าไร ก็จะทำให้เซลล์สมองสร้างเครือข่ายเส้นใยสมองใหม่ ๆ แตกแขนงเชื่อมติดต่อกันมากยิ่งขึ้น ทำให้สมองมีขนาดใหญ่ขึ้นโดย ไปเพิ่มขนาดของเซลล์สมอง จำนวนเส้นใยสมอง และ จุดเชื่อมต่อระหว่างเซลล์สมอง
ปล่อย ลูกเรี ยนรู้…จุดเริ่ มต้นที่ ช่วย สร้างลูกใ ห้เปลี่ยน โลกไ ด้
ทั้งนี้การปล่อยให้ลูกได้เล่นสิ่งของต่าง ๆ อย่างอิสระ จะช่วยพัฒนาในเรื่องของสมองไปพร้อม ๆ กับเป็นการฝึกพัฒนาการด้านต่าง ๆ ของเด็ก เช่น ทางร่างกาย ความคิด อารมณ์ ความคิดสร้างสรรค์ และ การเข้าสังคม ซึ่งการปล่อยลูกเรียนรู้แบบนี้เกิดจากการที่เด็กสนใจ และ อยากจะทำด้วยตัวเอง ซึ่งจะทำให้เด็กเข้าใจ และ จดจำได้ดียิ่งขึ้น
นอกจากนี้ยังช่วยให้เด็กได้ใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 ไม่ว่าจะเป็นการสังเกต (ตา) การฟัง (หู) การได้กลิ่น (จมูก) การชิมรสชาติ (ลิ้น) การสัมผัส (ผิวหนัง) ซึ่งจะนำไปสู่พัฒนาการที่ดีของเด็ก ๆ ทั้งในเรื่องของประสบการณ์ ความอยากรู้ อยากเห็น อยากลองสิ่งใหม่ ๆ มีการวางแผนต่าง ๆ และ การตัดสินใจที่ดี สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้โดยมี คุณพ่อ คุณแม่ คอยแนะนำอยู่ข้าง ๆ และ เป็นแรงผลักดันที่ทำให้ลูกเป็นเด็ก ที่มีความคิดความสามารถ เป็นการปลูกฝังพัฒนาการในระยะยาว เพื่ออนาคต และ การเติบโตที่ดีของลูก ใครจะรู้ว่าเด็กเล็ก ๆ ในวันนี้จะกลายเป็นคนที่เปลี่ยนโลกใบนี้ได้ในอนาคต
ปล่อยให้ลูกเรียนรู้ด้วยตัวเองบ้าง
ที่มาอ้างอิง https://hilight.kapook.com/view/115975
theAsianparent Thailand เว็บไซต์ ข้อมูลคุณภาพ และ สังคม คุณแม่ ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ และ เอเชีย เรามีผู้เชี่ยวชาญด้านกุมารแพทย์ แหล่งความรู้ คุณแม่ และ เด็ก รวมถึงแอพพลิเคชั่น theAsianparent Thailand ที่ติดตามการตั้งครรภ์ให้ คุณแม่ ได้ลงทะเบียนใช้งาน เพื่อติดตามพัฒนาการทารกตั้งแต่ตั้งครรภ์ จนถึงติดตามหลังคลอดที่ครอบคลุมที่สุด และ ผู้ใช้งานสูงสุดในประเทศไทย นอกจากความรู้ยังมีไลฟ์สไตล์ และ สื่อมัลติมีเดียหลากหลาย ไม่ว่าสุขภาพ คุณแม่ และ เด็ก โภชนาการ คุณแม่ และ เด็ก กิจกรรมสำหรับครอบครัว การวางแผนครอบครัวไปจนถึง การดูแลลูก การศึกษา และ จิตวิทยาเด็ก theAsianparent Thailand เราพร้อมสนับสนุน คุณพ่อ คุณแม่ ทุกท่าน ให้มีความรู้ และ มีสุขภาพกายใจเข้มแข็ง เพื่อเสริมสร้างครอบครัวอย่างแข็งแรง เพราะเราเชื่อว่า “พ่อแม่ เข้มแข็ง ครอบครัว แข็งแรง”
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!