ประกันสังคมสงเคราะห์บุตร ที่คุณแม่ควรรู้ เพื่อไม่ให้พลาดสิทธิ์ที่ควรได้รับ

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

หลายคนที่ยังคงจ่ายเงินประกันสังคมอยู่อย่างต่อเนื่อง อาจจะยังไม่เคยทราบถึงสิทธิประกันสังคมที่เราควรจะได้รับ โดยเฉพาะสิทธิ์ประกันสังคมสำหรับคุณแม่มือใหม่ ที่กำลังตั้งท้อง ว่าเราจะสามารถเบิกค่าใช้จ่ายอะไรได้บ้าง? มาดูกันดีกว่าค่ะ ประกันสังคมสงเคราะห์บุตร คุณแม่ควรรู้ ว่าคุณแม่จะมีสิทธิเบิกจ่ายอะไรได้บ้าง

หลายคนที่จ่ายเงินสมทบประกันสังคม ไม่ว่าจะเป็น ม. 33 หรือ ม. 39 อาจจะยังไม่เคยตรวจสอบสิทธิประกันสังคมมาก่อน ประกันสังคมสงเคราะห์บุตร คุณแม่ควรรู้ และเก็บข้อมูลเอาไว้ โดยเฉพาะคุณแม่ที่กำลังท้องอยู่ รับรองว่าช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายได้มากทีเดียวค่ะ โดยเราจะสามารถเบิกค่าอะไรได้บ้าง และสามารถเบิกจ่ายได้แค่ไหนไปอ่านรายละเอียดกันเลยค่ะ.

 

การตรวจสอบสิทธิ์ ประกันสังคมสงเคราะห์บุตร

ก่อนอื่นคุณแม่มือใหม่ทั้งหลาย จะต้องไปตรวจสอบสิทธิประกันสังคมกันก่อน ว่าสิทธิ์ของเรานั้นยังอยู่ครบถ้วนหรือไม่ โดยสามารถเข้าไปตรวจสอบได้ที่เว็บไซต์ SSO E-Service หากคุณมีสิทธิ์ครบถ้วนแล้ว ก็มาดูกันว่า คุณแม่มือใหม่อย่างเรา จะสามารถรับสิทธิ์อะไรได้บ้างกัน

 

1. ค่าตรวจครรภ์ และฝากครรภ์

ณ ปัจจุบัน ทางประกันสังคม ได้เพิ่มสิทธิประโยชน์สำหรับค่าตรวจครรภ์ และฝากครรภ์ให้กับคนท้อง เป็นจำนวน 1,000 บาท ซึ่งเงื่อนไขคือ ไม่ว่าคุณจะจ่ายค่าฝากครรภ์ครั้งแรก ค่าอัลตราซาวนด์ ค่าวัคซีน หรือค่ายาต่าง ๆ นั้น ก็จะสามารถเบิกค่าใช้จ่ายในแต่ละครั้งได้ ตามเกณฑ์ดังต่อไปนี้

 

  • ครั้งที่ 1 : อายุครรภ์ไม่เกิน 12 สัปดาห์ (3 เดือน) จ่ายให้ในอัตราไม่เกิน 500 บาท
  • ครั้งที่ 2 : อายุครรภ์ระหว่าง 12 – 20 สัปดาห์ หรือประมาณ 3 – 5 เดือน จ่ายให้ในอัตราไม่เกิน 300 บาท
  • รอบที่ 3 : อายุครรภ์มากกว่า 20 สัปดาห์ แต่ไม่เกิน 28 สัปดาห์ จ่ายให้ในอัตราไม่เกิน 200 บาท

 

หมายเหตุ : ผู้ประกันตน สามารถขอเบิกค่าฝากครรภ์จากประกันสังคมได้ โดยไม่จำเป็นต้องรอให้คลอดบุตรก่อน หรือตัวผู้ประกันตน สามารถยื่นขอรับสิทธิประโยชน์หลังจากที่คลอดบุตรแล้วก็ได้ค่ะ

บทความที่เกี่ยวข้อง : ด่วน ! ครม. ประกาศเพิ่มการจ่ายเงินเพื่อการคลอดบุตรจาก 90 วัน เป็น 98 วัน

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

วิดีโอจาก :แชร์ข่าว เล่าเรื่อง

 

2. ค่าคลอดบุตร

โดยปกติ ผู้ประกันตนที่ท้องนั้น สามารถเบิกค่าคลอดบุตรแบบเหมาจ่ายได้ ในอัตรา 13,000 บาท ต่อการคลอดหนึ่งครั้ง ซึ่งค่าคลอดบุตรนี้ รวมถึง ค่าทำคลอด ค่ายา ค่าห้อง ค่ารถพยาบาล และค่าบริการอื่น ๆ ทั้งนี้ เราสามารถเลือกโรงพยาบาลใดก็ได้ ที่เราได้เลือกลงทะเบียนเอาไว้

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

แต่ถ้าหากต้องการเข้าโรงพยาบาลที่ไม่ได้อยู่ในสังกัด ก็สามารถเบิกจ่ายได้เช่นกัน แต่ผู้ประกันตน จำเป็นจะต้องสำรองจ่ายเงินค่าคลอดไปก่อนล่วงหน้า แล้วจึงค่อยนำเอกสารค่าใช้จ่ายมาทำเรื่องเบิกเงินค่าคลอดบุตรประกันสังคม ที่สำนักงานประกันสังคมได้ในภายหลัง โดยจะมีหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขในการรับสิทธิประกันสังคม ดังนี้

  • ผู้ที่จ่ายประกันสังคมต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 5 เดือน หรือภายใน 15 เดือนก่อนเดือนที่คลอดบุตร
  • กรณีสามี และภรรยา เป็นผู้ประกันตนทั้งคู่ สามารถใช้สิทธิในการเบิกค่าคลอดบุตรได้เพียงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเท่านั้น แต่ไม่จำกัด จำนวนบุตร/ครั้ง
  • บุตรต่อคน สามารถใช้สิทธิ์เบิกค่าคลอดได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ไม่สามารถเบิกจ่ายซ้ำซ้อนได้ ในกรณีที่สามี และภรรยา เป็นผู้ประกันตนทั้งคู่ ดังนั้นจะต้องเลือกว่า จะใช้สิทธิ์ของใครเป็นผู้เบิก เพียงผู้เดียว

ในกรณีที่คลอดบุตรแฝด คุณก็สามารถเบิกค่าคลอดบุตร ตามสิทธิประกันสังคมได้ตามปกติ นั่นก็หมายความว่า เหมาจ่าย 13,000 บาทต่อครั้ง นั่นเอง เพราะทางประกันสังคม จะนับเป็นรายครั้ง ดังนั้น คุณก็สามารถเลือกเข้าโรงพยาบาลตามสิทธิประกันสังคมได้เลย แต่ถ้าหากใครที่ต้องการเปลี่ยนโรงพยาบาลประกันสังคม เพื่อให้เกิดการเดินทางที่สะดวกมากยิ่งขึ้น จำเป็นจะต้องแจ้งให้กับทางสำนักประกันสังคมก่อนล่วงหน้าค่ะ

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

3. ค่าสิทธิการลาคลอด

หลังจากคุณตรวจสอบสิทธิประกันสังคม อย่างเช่น ค่าฝากครรภ์ และค่าคลอดบุตรแล้ว คุณก็ยังมีสิทธิการลาคลอดอีกด้วยนะ นั่นก็คือ ค่าจ้างชดเชยกรณีหยุดงานเพื่อลาคลอด หรือพักรักษาตัวนั่นเอง
โดยทางประกันสังคม จะจ่ายในอัตรา 50% ของค่าจ้างเฉลี่ย เป็นระยะเวลา 90 วัน  ยกตัวอย่างเช่น คุณแม่กำลังตั้งท้อง (เป็นผู้ประกันตน) มีเงินเดือน 15,000 บาท จะได้รับเงินชดเชยการหยุดงาน 50% ของเงินเดือน ดังนั้นคุณก็จะได้รับเงินทั้งหมด 7,500 บาทต่อเดือน เพราะอย่างน้อยคุณก็จะได้มีเงินติดตัวไว้ใช้ในกรณีลาคลอดด้วย แต่จะมีข้อกำหนด และเงื่อนไขต่าง ๆ ดังนี้ค่ะ
  • จะต้องจ่ายค่าประกันสังคมแล้วไม่น้อยกว่า 5 เดือน ภายในระยะเวลา 15 เดือนก่อนคลอดบุตร
  • สิทธิการลาคลอดใช้ได้เฉพาะฝ่ายหญิงเท่านั้น ฝ่ายชายไม่สามารถเบิกใช้ได้
  • จ่ายให้ไม่เกินฐานเงินเดือน 15,000 บาท หากเงินเดือนมากกว่ากำหนด ก็จะคิดแค่ 15,000 บาท
  • สำหรับการใช้สิทธิประกันสังคมนี้ จะใช้ได้เฉพาะบุตรคนที่ 1 และคนที่ 2 เท่านั้น
  • มีระยะเวลาจ่ายเงินให้ทั้งหมด 90 วัน หรือ 3 เดือน นับรวมวันหยุดราชการ
หรือถ้าคุณแม่กลับมาทำงานได้ตามปกติ โดยไม่ต้องรอให้ครบ 90 วัน คุณแม่ก็ยังได้รับเงินค่าชดเชยหยุดงานด้วย นั่นก็หมายความว่า จะได้รับทั้งค่าจ้างตามปกติ (ขึ้นอยู่กับกฎระเบียบของแต่ละบริษัทด้วยค่ะ) และรับเงินชดเชยกรณีลาคลอดบุตรพร้อมกัน

4. ค่าชดเชยกรณีแท้งบุตร

ค่าชดเชยกรณีนี้ คงไม่มีใครอยากได้หรอกค่ะ แต่หากเกิดเหตุร้ายขึ้นจริง ๆ กับคนท้อง ในกรณีแท้งบุตร หรือแท้งลูก อย่างน้อย ทางประกันสังคม ก็ยังพร้อมที่จะเยียวยาสำหรับกรณีนี้ค่ะ

คนท้องที่เกิดเหตุแท้งบุตรเกิดขึ้น ยังคงได้รับสิทธิประสังคมเบิกค่าคลอดบุตรประกันสังคม ได้ตามปกติค่ะ ไม่ว่าเด็กจะมีชีวิตอยู่หรือไม่ เพราะถือว่าเป็นกรณีคลอดบุตรเหมือนกันค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเงินจากค่าคลอดบุตรแบบเหมาจ่าย หรือเงินค่าหยุดงานจากการลาคลอด ซึ่งสิทธิ์ที่จะได้รับก็ยังคงขึ้นอยู่กับเงื่อนไขพื้นฐานที่ถูกตั้งไว้ คือ

  • ต้องจ่ายเงินค่าประกันสังคมแล้วไม่น้อยกว่า 5 เดือน ภายในระยะเวลา 15 เดือนก่อนแท้งบุตร
  • จะต้องมีอายุครรภ์ไม่น้อยกว่า 28 สัปดาห์ หรือ 7 เดือนขึ้นไป

แต่ถ้าเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันกรณีคุณแม่คลอดบุตรออกมาแล้ว ต่อมาคุณแม่เสียชีวิตกะทันหัน ทางประกันสังคมก็ยังคงให้สิทธิในการคลอดบุตรเหมือนเดิม เนื่องจากคุณแม่เป็นผู้ประกันตน และมีสิทธิ์ก่อนที่จะเสียชีวิตอยู่แล้ว

 

5. หลังจากคลอดบุตรแล้ว ยังมีเงินสงเคราะห์บุตรอีกด้วย

เมื่อคลอดบุตรแล้ว ทางประกันสังคมก็ยังมีสิทธิประกันสังคมฉบับปี 2565 ที่มีเงินสงเคราะห์เลี้ยงบุตรให้กับคุณแม่ด้วยนะคะ โดยจะได้รับเงินเหมาจ่ายรายเดือน เดือนละ 600 บาท ต่อคน ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงเด็กอายุครบ 6 ปีบริบูรณ์

ในกรณีที่คุณได้บุตรเป็นลูกแฝด 2 คน เงินประกันสังคมส่วนนี้ ก็จะเพิ่มขึ้นเป็น 1,200 บาทต่อเดือน ตามจำนวนบุตร แต่กำหนดไม่เกิน 3 คนค่ะ หากคุณแม่ลืมใช้สิทธิประกันสังคมสำหรับเงินสงเคราะห์บุตร ก็จะสามารถยื่นย้อนหลังได้ ไม่เกิน 1 ปีนับตั้งแต่วันที่ส่งเงินประกันสังคมตามกำหนดเท่านั้น

ซึ่งเงื่อนไขของการรับเงินสงเคราะห์บุตร ของสิทธิประกันสังคมนั้น มีดังต่อไปนี้ค่ะ

  • ต้องจ่ายเงินประกันสังคมมาแล้วไม่น้อยกว่า 12 เดือน ภายในระยะเวลา 36 เดือน ก่อนเดือนที่มีสิทธิ์ได้รับประโยชน์ทดแทน
  • เป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย
  • ยกเว้นบุตรบุญธรรมหรือบุตรที่ยกให้เป็นบุตรบุญธรรมของคนอื่น
  • อายุตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 6 ปีบริบูรณ์ จำนวนไม่เกิน 3 คน
  • ยกเว้นกรณีบุตรเสียชีวิต

 

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

6. การเบิกเงินประกันสังคมสำหรับคนท้อง

คุณแม่มือใหม่ทุกคนที่เป็นผู้ประกันตน สามารถยื่นเรื่องขอรับเงินตามกรณีต่าง ๆ ข้างต้นได้ที่สำนักงานประกันสังคมทั่วประเทศ ตามสาขาที่สะดวก หรือใกล้บ้าน (ยกเว้นสำนักงานใหญ่กระทรวงสาธารณสุข)  ติดต่อได้ในวัน และเวลาราชการ หากคุณไม่สะดวกเข้ามาดำเนินเรื่องเอง ก็ให้ผู้อื่นยื่นเรื่องแทนได้ แต่จะต้องมีหนังสือมอบอำนาจ และเอกสารต่าง ๆ มาแสดงด้วย หรือจะยื่นเอกสารผ่านทางไปรษณีย์ได้เช่นกันค่ะ

 

7. การรับเงินประกันสังคมสำหรับคนท้อง

หลังจากคุณได้ยื่นเอกสารเรียบร้อยแล้ว ทางเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบสิทธิประกันสังคม แล้วติดต่อให้คุณมารับเงินในภายหลัง โดยคุณจะสามารถเข้ามารับเงินด้วยตนเอง หรือมอบอำนาจให้ตัวแทน เข้ามารับได้ที่สำนักงานประกันสังคมทั่วประเทศ หรือจะเลือกให้โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของคุณก็ได้เช่นกัน

 

หลักเกณฑ์ และเงื่อนไขการเกิดสิทธิประกันสังคมสงเคราะห์บุตร

  • จ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 เดือน ภายใน 15 เดือนก่อนเดือนคลอดบุตร
  • จ่ายค่าบริการทางการแพทย์เหมาจ่าย กรณีคลอดบุตรให้แก่ผู้ประกันตนในอัตรา 15,000 บาทต่อการคลอดบุตรหนึ่งครั้ง สำหรับผู้ประกันตนหญิงมีสิทธิรับเงินสงเคราะห์การหยุดงาน เพื่อการคลอดบุตรเหมาจ่ายในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างเฉลี่ยเป็นระยะเวลา 90 วันสำหรับการใช้สิทธิบุตรคนที่ 3 จะไม่ได้รับสิทธิเงินสงเคราะห์การหยุดงาน เพื่อการคลอดบุตรเหมาจ่ายในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างเฉลี่ยเป็นระยะเวลา 90 วัน
  • กรณีสามี และภรรยาเป็นผู้ประกันตนทั้งคู่ให้ใช้สิทธิในการเบิกค่าคลอดบุตรฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ไม่จำกัดจำนวนบุตร/ครั้ง

 

 

พิจารณาสั่งจ่ายเงินสงเคราะห์บุตร จ่ายยังไง

เงินสด/เช็ค (ผู้มีสิทธิมาขอรับด้วยตนเอง หรือมอบอำนาจให้บุคคลอื่นมารับแทน) ส่งธนาณัติให้ผู้ประกันตน โอนเข้าบัญชีธนาคารตามบัญชีของผู้ขอรับประโยชน์ทดแทน

เอกสารประกอบการยื่นคำขอประโยชน์ทดแทน กรณีคลอดบุตร

  1. แบบคำขอรับประโยชน์ทดแทน สปส. 2 – 01 ผู้ประกันตนกรอกข้อความครบถ้วน พร้อมลงลายมือชื่อผู้ยื่นคำขอ
  2. สำเนาสูติบัตรบุตร 1 ชุด (กรณีคลอดบุตรแฝดให้แนบสำเนาสูติบัตรของคู่แฝดด้วย)
  3. สำหรับผู้ประกันตนชายให้แนบสำเนาทะเบียนสมรส กรณีไม่ได้จดทะเบียนสมรสให้แนบหนังสือรับรองของผู้ประกันตนกรณีไม่มีทะเบียนสมรส
  4. สำเนาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารประเภทออมทรัพย์หน้าแรก ซึ่งมีชื่อและเลขที่บัญชีของผู้ยื่นคำขอมีธนาคาร ดังนี้
  • ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)
  • ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)
  • ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน)
  • ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
  • ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
  • ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
  • ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน)
  • ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย
  • ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย จำกัด (มหาชน)

หมายเหตุ : หากผู้ขอรับประโยชน์ทดแทนไม่เห็นด้วยกับการสั่งจ่ายประโยชน์ทดแทน สามารถยื่นอุทธรณ์ได้ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง

 

สถานที่ยื่นเรื่องขอเงินสงเคราะห์บุตร ทำที่ไหน ?

ยื่นได้ที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/สำนักงานประกันสังคมจังหวัด และสาขา ที่สะดวก (ยกเว้นสำนักงานใหญ่ในบริเวณกระทรวงสาธารณสุข) อย่างที่เราก็รู้กันดีว่าสิทธิประกันสังคมนั้น จะเป็นเพียงการรักษาพยาบาลขั้นพื้นฐานเท่านั้น ความคุ้มครองอาจจะไม่ได้ครอบคลุมทุกอย่างเสมอไป แต่ถ้าคุณเลือกซื้อประกันสุขภาพสำหรับคนท้องเฉพาะ ก็จะช่วยเพิ่มความอุ่นใจให้กับคุณระหว่างตั้งครรภ์มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาพยาบาลทั่วไป ค่ายาบำรุง ค่าอัลตราซาวนด์  ค่าวัคซีน ค่าตรวจเลือด ค่าคลอด ค่าห้อง รวมถึงค่าบริการต่าง ๆ คุณก็สามารถเข้ารับการรักษาทันที โดยไม่ต้องรอเหตุฉุกเฉิน

 

ดังนั้น ประกันสุขภาพก็ยังคงจำเป็นสำหรับคุณแม่มือใหม่มาก ๆ ไม่ใช่เพียงแค่ช่วยประหยัดเรื่องค่าใช้จ่ายแล้ว ยังทำให้คุณ และลูกน้อยปลอดภัยอีกด้วย หากคุณแม่คนไหนสนใจจะซื้อประกันสุขภาพสำหรับคนท้อง ก็อย่าลืมตรวจสอบรายละเอียดประกันภัย และเงื่อนไขต่าง ๆ กันด้วยนะคะ วางแผนล่วงหน้าไว้ก่อน ย่อมสบายใจกว่าเยอะ

 

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :

สิทธิประกันสังคมมาตรา 33 ได้รับสวัสดิการอะไรบ้าง ใครได้บ้าง

เช็คเงินสงเคราะห์บุตรประกันสังคม 2565 ใครมีสิทธิ์ได้รับบ้าง เช็คเลย

เงินประกันสังคมกรณีคลอดบุตร และ เงินสงเคราะห์บุตร ยื่นอย่างไร ให้ได้เงิน

แชร์ประสบการณ์หรือ เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับประกันสังคมสงเคราะห์บุตร ได้ที่นี่ !

ประกันสังคมสงเคราะห์บุตร มีอันไหนที่คุณแม่มือใหม่ควรรู้ไหมคะ

ที่มา : 1

บทความโดย

Arunsri Karnmana