ในน้ำนมแม่มีสารอาหารครบถ้วนสำหรับลูกน้อย โดยเฉพาะน้ำนมเหลือง (Colostrum) หรือหัวน้ำนมที่หลั่งออกมาในช่วง 1-3 วันแรกหลังคลอดเท่านั้น ยิ่งมีน้ำนมเหลืองมากก็จะทำให้เจ้าตัวน้อยได้รับประโยชน์อย่างมหาศาล หากคุณแม่ยังไม่เข้าใจว่า น้ำนมเหลืองคืออะไร ต้องอ่านบทความนี้
น้ำนมเหลืองคืออะไร ทำไมถึงดีที่สุดกับลูกน้อย
คุณแม่มือใหม่ที่เพิ่งคลอดลูก ในช่วงแรก ๆ ที่น้ำนมมา หากลองสังเกตดูจะพบว่า สีของน้ำนมค่อนข้างเหลือง บางท่านอาจตกใจว่าทำไมน้ำนมจึงไม่เป็นสีขาวรู้สึกกลัวไม่ยอมให้ลูกทาน เพราะคิดว่าสีของน้ำนมแบบนั้น คือน้ำนมที่มีความผิดปกติ บางท่านถึงกับบีบทิ้ง ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ควรกระทำ เพราะน้ำนมเหลือง (Colostrum) หรือนมแม่ที่หลั่งออกมาในช่วง 1-3 วันแรกหลังคลอดมีความสำคัญต่อทารกเป็นอย่างมาก อุดมด้วยสารอาหารอย่างเข้มข้น เช่น แลคโตเฟอร์ริน, MFGM, DHA มีประโยชน์ต่อทารกอย่างรอบด้าน ช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโต รวมถึงพัฒนาการทางสมอง และที่สำคัญที่สุด น้ำนมเหลืองนั้นเปรียบเสมือน “วัคซีนธรรมชาติ” จากอกแม่สู่ลูกน้อย เพราะมีภูมิคุ้มกันสูง
น้ำนมเหลือง วัคซีนธรรมชาติจากอกแม่สู่ลูกน้อย
น้ำนมเหลืองนั้นคือสุดยอดนมแม่ เปรียบเสมือนวัคซีนธรรมชาติจากอกแม่สู่ลูกน้อย มีภูมิคุ้มกันโรคต่าง ๆ อยู่มาก ช่วยต่อต้านเชื้อโรค ลดความเสี่ยงในการเจ็บป่วย รวมทั้งช่วยป้องกันแบคทีเรียในลำไส้ของทารกได้ มีงานวิจัยหลายชิ้นระบุว่า ทารกที่ได้กินนมแม่ล้วน ๆ ในตั้งแต่ระยะแรก ๆ ไปจนถึงช่วง 6 เดือนจะมีสุขภาพดี เพราะน้ำนมเหลืองนั้นจะช่วยป้องกันการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ ท้องเสีย และการแพ้ต่าง ๆ ให้แก่เด็กได้
ดังนั้นคุณแม่มือใหม่ ควรจะต้องเรียนรู้และทำความเข้าใจเรื่องน้ำนมเหลืองนี้เอาไว้ และเมื่อทราบถึงประโยชน์ของน้ำนมเหลืองนี้แล้ว ก็ไม่ควรบีบน้ำนมเหลืองทิ้งไปนะ
แลคโตเฟอร์ริน สารอาหารสำคัญในน้ำนมเหลือง พิสูจน์แล้วว่าช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน
น้ำนมเหลืองอุดมด้วยสารอาหารสำคัญจำนวนมาก หนึ่งในนั้นคือ “แลคโตเฟอร์ริน” ซึ่งเป็นโปรตีนที่พบมากในนมแม่ มีสัดส่วนสูงถึง 15-20% ของโปรตีนทั้งหมด โดยจะมีปริมาณสูงที่สุดในระยะน้ำนมเหลือง
พิสูจน์แล้วว่าช่วยเสริมภูมิคุ้มกันและลดความเสี่ยงในการเจ็บป่วย
- ต้านเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อรา
- แลคโตเฟอร์รินมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรคที่เป็นอันตรายได้โดยตรง โดยแลคโตเฟอร์รินนั้นจะไปดึงธาตุเหล็กที่เป็นองค์ประกอบสำคัญของแบคทีเรียก่อโรคในทารก ทำให้เชื้อแบคทีเรียเหล่านั้นไม่สามารถเจริญเติบโตหรือเพิ่มจำนวนได้ และถูกกำจัดออกจากร่างกายในที่สุด ดังนั้นจึงช่วยลดความเสี่ยงในการเจ็บป่วย
- กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ลดโอกาสการติดเชื้อต่าง ๆ โดยเฉพาะการติดเชื้อที่ระบบทางเดินหายใจ
- ส่งเสริมสุขภาพทางเดินอาหาร ด้วยการเพิ่มจำนวนจุลินทรีย์สุขภาพ และทำให้ผนังลำไส้แข็งแรง ลดโอกาสการเกิดท้องเสีย
แลคโตเฟอร์รินช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้เด็กผ่าคลอด
เด็กผ่าคลอดอาจมีภูมิคุ้มกันอ่อนแอกว่าเด็กที่คลอดธรรมชาติ เนื่องจากไม่ได้รับจุลินทรีย์ชนิดดีผ่านทางช่องคลอดแม่ จึงทำให้มีโอกาสเจ็บป่วยได้ง่ายกว่า คุณแม่สามารถฟื้นฟูภูมิคุ้มกันให้ลูกได้ตั้งแต่แรกคลอดด้วยการให้นมแม่ เพราะมีสารอาหารที่ส่งเสริมภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง โดยเฉพาะใน “น้ำนมเหลือง” ที่มี “แลคโตเฟอร์ริน” ก็จะช่วยเสริมภูมิคุ้มกันและลดโอกาสในการเจ็บป่วยให้เด็กผ่าคลอดได้เช่นกัน
สารอาหารอื่น ๆ ในน้ำนมเหลือง ที่มีประโยชน์กับลูก
นอกจากแลคโตเฟอร์รินแล้ว ในน้ำนมเหลืองนั้น ยังอุดมไปด้วยสารอาหารสำคัญที่ดีต่อสุขภาพและพัฒนาการที่รอบด้านของลูกน้อย ทั้งพัฒนาการสมอง ภูมิคุ้มกัน และระบบทางเดินอาหาร ไม่ว่าจะเป็น
- MFGM (Milk Fat Globule Membrane) เยื่อหุ้มอนุภาคไขมันที่พบได้ในนมแม่ ประกอบด้วยโปรตีนและไขมันกว่า 150 ชนิดที่มีประโยชน์ต่อลูกรัก เช่น ฟอสโฟลิปิด สฟิงโกไมอีลิน แกงกลิโอไซด์ มีส่วนช่วยในการพัฒนาสมอง ภูมิคุ้มกัน และระบบทางเดินอาหาร มีงานวิจัยรองรับว่าถ้าเด็กได้รับนมแม่ซึ่งมี MFGM อย่างเพียงพอในช่วงขวบปีแรกจะช่วยพัฒนาสมอง ให้มีทั้ง IQ และ EQ ที่สูงกว่าเด็กที่ไม่ได้รับ MFGM
- DHA กรดไขมันจำเป็นที่มีบทบาทสำคัญต่อพัฒนาการสมองและการมองเห็นของลูก ช่วยให้การส่งสัญญาณประสาทมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ลูกเรียนรู้ได้เร็ว
- 2’-FL ใยอาหารชนิดที่พบได้มากที่สุดในนมแม่ เป็นอาหารที่สำคัญของจุลินทรีย์ชนิดดีในลำไส้ใหญ่ ช่วยเพิ่มจุลินทรีย์ชนิดดี และยับยั้งจุลินทรีย์ก่อโรค ป้องกันการติดเชื้อของลำไส้ และยังกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย
ถ้าน้ำนมเหลืองน้อย คุณแม่ควรทำอย่างไร
เชื่อว่าคุณแม่ทุกคนคงรู้อยู่แล้วว่า นมแม่เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับทารก โดยเฉพาะน้ำนมเหลืองที่เป็นนมแม่ส่วนที่ดีที่สุดที่ลูกน้อยไม่ควรพลาด อย่างไรก็ตาม อาจมีคุณแม่บางคนที่ไม่สามารถให้นมลูกได้ตามที่ต้องการ เช่น มีโรคเสี่ยงต่อการส่งต่อเชื้อสู่ทารก ตัวอย่างเช่น ไวรัสตับอักเสบเอและบี รวมไปถึงปัจจัยอื่น ๆ เช่น การรับยาบางชนิด หรือการตรวจพบนิโคตินในร่างกาย เป็นต้น
อีกหนึ่งปัญหาที่คุณแม่อาจพบ คือ การที่ร่างกายของคุณแม่ผลิตน้ำนมเหลืองได้น้อยมาก ซึ่งน้ำนมเหลืองจะพบได้เพียง 1-3 วันหลังคลอดเท่านั้น แต่ปริมาณของน้ำนมเหลืองจะมีมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับปัจจัยด้านสุขภาพของคุณแม่แต่ละคนด้วย
วิธีการรับมือที่ดีที่สุด คือ การปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อหาแนวทางแก้ไข หรือแนะนำนมสูตรที่มีสารอาหารที่พบในน้ำนมเหลือง เช่น แลคโตเฟอร์ริน หรือ MFGM เป็นต้น
24 ชั่วโมงแรก หากพอมีน้ำนม แม้ไม่มาก ก็อาจเพียงพอต่อทารก
อย่างไรก็ตามคุณแม่อย่ากังวลมากเกินไป หากพบว่ามีน้ำนมเหลืองน้อยหลังคลอด เพราะความจริงแล้ว อาจเพียงพอต่อความต้องการของทารกแรกเกิด เนื่องจากทารกแรกเกิด 24 ชั่วโมงแรกมีขนาดของท้องเล็กมากนั่นเอง แต่ก็ควรรับคำแนะนำจากแพทย์ เพื่อรับมือในช่วงต่อ ๆ ไป เพื่อป้องกันปัญหาการให้นมลูกน้อย
ที่สำคัญ แม้ลูกจะมีอายุเกิน 6 เดือนขึ้นไปแล้ว การได้รับสารอาหารที่พบได้ในน้ำนมเหลืองนั้น ก็ยังคงส่งผลดีต่อภูมิคุ้มกันของลูกในระยะยาวเช่นกัน ซึ่งจะเป็นพื้นฐานสำคัญให้ลูกมีพัฒนาการโดยรวมที่ดีกว่าในอนาคต
หากคุณแม่ต้องการค้นหาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับแลคโตเฟอร์ริน หรือน้ำนมเหลือง สามารถดูได้ที่นี่ คลิก
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
วิธีนวดกระตุ้นน้ำนมไม่พอ เทคนิคสำคัญช่วยแก้ปัญหาท่อน้ำนมอุดตัน
สีน้ำนมแม่ น้ำนมใส ที่ปั๊มออกมา ลูกจะกินได้ไหม ทำไมนมแม่มีหลายสี
วิธีกระตุ้นน้ำนม ให้มีน้ำนมเยอะ ๆ สำหรับแม่มือใหม่กลัวน้ำนมน้อย ลูกไม่พอกิน
ที่มา :