นมแม่สกัดกั้นเชื้อโรค
สารอาหารน้ำนมแม่ ประโยชน์ตั้งแต่หยดแรกจวบจนหยดสุดท้าย ลูกยิ่งโต ยิ่งกินนมแม่ ยิ่งดี คุณค่าไม่ลดน้อยลงไปเลย เพราะน้ำนมแม่มีคุณค่ามหาศาล นมแม่สกัดกั้นเชื้อโรค มีสารอาหารสำคัญ เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ลูกได้นานนับปี
ลูกยิ่งกินยิ่งดีเพราะนมแม่สกัดกั้นเชื้อโรค
มูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย ได้ยืนยันในบทความนมแม่มีเซลล์จับกินเชื้อโรค ว่า
“ยังให้ลูกกินนมแม่อยู่อีกเหรอ จนลูกเดินได้แล้ว นมแม่จะยังจะมีอะไรดีอีกล่ะ ?”
คำถามเชิงทักทายที่คนพูดอาจจะไม่ได้คิดอะไรมาก แต่คนฟังจะมีปฏิกริยาแตกต่างกันไป ขึ้นกับความเชื่อมั่น ความรู้ความเข้าใจเรื่องนมแม่ และ อุเบกขาที่มีต่อคนถาม
สำหรับแม่ที่มีความเชื่อมั่นเต็มเปี่ยม หาข้อมูลพร้อม และเลือกที่จะให้นมแม่นานๆด้วยความเต็มใจ ก็คงจะไม่มีความสั่นคลอนในความมุ่งมั่น เธอคงจะยืดอกขึ้นแล้วกล่าวด้วยความภาคภูมิใจว่า
“ค่ะ ยังจะให้ไปจนลูกเข้าอนุบาลเลยล่ะค่ะ อย่างน้อยก็ช่วยให้หายเจ็บป่วยเร็ว เพราะ นมแม่มีเซลล์ช่วยจับกินเชื้อโรคแล้วก็มีภูมิต้านทานโรคด้วย”
ถ้าคนถามยังไม่เป็นลมไปเสียก่อน ก็อาจจะถามต่อว่า “เธอรู้ได้ไง ?”
“อ๋อ! ก็ดูจากลูกของฉันเองนี่ไง อาทิตย์ที่แล้วทั้งปู่ย่า พ่อแม่ เป็นหวัดกันงอมแงม แต่ลูกฉันน้ำมูกไหลนิดหน่อยวันสองวันก็หายแล้ว”
ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะ เต้านมแม่ผลิตสารภูมิต้านทานชนิด SIgA ที่เฉพาะเจาะจงต่อเชื้อที่แม่เคยได้รับ แล้วส่งออกมากับน้ำนมค่ะ ลูกที่ดูดนมแม่จึงได้ภูมิต้านทานเข้าไปทุกวัน จึงไม่ป่วย หรือป่วยก็หายเร็วกว่า ผู้คนก็คงจะงุนงงและสงสัยว่าเป็นไปได้อย่างไรกัน และอยากจะพิสูจน์ให้เห็นกันจะจะไปเลย
Vicky Greene ก็คงจะสงสัยเช่นเดียวกันค่ะว่า น้ำนมแม่จะสะกัดกั้นเชื้อโรคได้จริงหรือไม่ และเนื่องจากเธอเป็น นักศึกษาชีววิทยาชั้นปีที่ 1 ที่ South Devon College เธอจึงตัดสินใจศึกษาคุณสมบัติของน้ำนมแม่ ที่มาจากแม่ที่มีลูกอายุต่างๆกัน ว่าจะหยุดยั้งการเติบโตของเชื้อโรคได้แตกต่างกันหรือไม่
ในการศึกษาทางจุลชีววิทยา ผู้วิจัยจะใช้จานเพาะเลี้ยงที่มีอาหารให้เชื้อโรคเจริญเติบโตได้ ใส่เชื้อแบคทีเรีย ลงไป. (การทดลองนี้ใช้เชื้อ M. Luteus ) วางแผ่นกลมๆที่ชุบน้ำนมแม่จนชุ่ม ไว้ตรงกลางจานเพาะเชื้อนี้ จานแรก ( BmA) ใช้น้ำนมจากแม่ที่มีลูกอายุ 15 เดือน จานที่ 2 (BmB) ใช้น้ำนมจากแม่ที่มีลูกอายุ 3 ปี
เมื่อเวลาผ่านไป กลับไปดูจานเพาะเชื้อ ถ้าน้ำนมแม่สกัดกั้นเชื้อไม่ได้ เชื้อก็จะเติบโตลามเข้ามาถึงแผ่นตรงกลางจานได้ แต่ถ้าสกัดได้ก็จะเห็นวงใสๆรอบตำแหน่งที่เชื้อหยุดการเติบโต
ผลการทดลองออกมาน่ามหัศจรรย์มากเลยค่ะ จานเพาะเชื้อมี่มีแบคทีเรียขุ่นขาวทั้งจาน กลับมี วงใสๆรอบแผ่นน้ำนมแม่! นั่นแสดงว่า โปรตีนชนิดใดชนิดหนึ่งในน้ำนมแม่ เป็นตัวหยุดยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อ M. Luteus และเมื่อนักวิจัย ทำกับเชื้อ E. Coli และ MRSA ( เชื้อ staphylococcus ที่ดื้อต่อยาปฏิชีวนะ ) ก็ได้ผลเป็นที่น่าพอใจเช่นเดียวกัน
การทดลองนี้ แสดงให้เห็นในเบื้องต้นว่า น้ำนมแม่ที่มาจากแม่ที่ให้นมมานาน ถึง 15 เดือน และ 3 ปี ยังมีประสิทธิภาพในการยับยั้งเชื้อแบคทีเรียได้ในห้องทดลอง
น้ำนมแม่ที่แม่ผลิตมานานเป็นปีๆ ไม่ได้ลดทอนคุณภาพลงเลยแม้แต่น้อยค่ะ
ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมเด็กที่กินนมแม่จึงเจ็บป่วยน้อยกว่า
อย่าไปเชื่อคำพูดลอยๆว่านมแม่เท่านั้นเท่านี้เดือนไม่มีประโยชน์อีกต่อไป
เพราะน้ำนมแม่มี คุณสมบัติน่าอัศจรรย์ ที่นมผสมไม่อาจทำเทียมเลียนแบบได้ เช่นนี้เองค่ะ
นมแม่ไม่ใช่เป็นเพียงแค่สารอาหาร แต่ คือ ยาต้านเชื้อโรค
อนาคตช่างสดใส อนาคต คือ นมแม่!
/แอดมินหมอติ๋ม
(Cr.Facebook ของ คุณ Vicky Greene ขอบคุณ พญ. กรรณิการ์ บางสายน้อย ที่นำมาเผยแพร่ค่ะ)
ที่มา : https://thaibf.com
สารอาหารในน้ำนมแม่ช่วยสกัดกั้นเชื้อโรค มีสเต็มเซลล์
พญ.ศิริพัฒนา ศิริธนารัตนกุล กุมารแพทย์ กรรมการมูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย กล่าวว่า น้ำนมแม่ มีส่วนประกอบที่นับว่าสุดยอดต่อสุขภาพของลูกน้อย 7 ชนิด ในทั้งหมด 200 กว่าชนิด คือ
- น้ำนมแม่มีตัวดักจับเชื้อโรค (HMO) ในน้ำนมแม่มี 150-200 ชนิดที่แตกต่างกัน และมีปริมาณ 10-15 กรัมต่อลิตร เทียบกับในนมผงมีเพียง 0.05 กรัมเท่านั้น
- น้ำนมแม่มีวัคซีน (Antibodies) ที่ผลิตใหม่ ๆ สด ๆ ออกมากับน้ำนมแม่ทุกวัน การที่ลูกได้รับน้ำนมแม่จึงเท่ากับได้รับวัคซีนป้องกันโรคทุกวันเช่นกัน
- น้ำนมแม่มีสารต้านอนุมูลอิสระ (Anti-oxidants) ซึ่งมีอยู่มากในหัวน้ำนม และในน้ำนมแม่ระยะหลังก็มีสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่านมผง
- น้ำนมแม่มีหน่วยจู่โจมทำลายเสบียงของเชื้อโรค (Lactoferrin) โปรตีนชนิดหนึ่งในน้ำนมแม่ มีหน้าที่หลายอย่าง เช่น ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา และไวรัส โดยจะจับตัวกับธาตุเหล็ก (อาหารของเชื้อโรค) จึงทำให้เชื้อโรคขาดอาหารก็จะอ่อนแรงและตายไป
- น้ำนมแม่เสริมภูมิคุ้มกันในสำไส้ให้ลูก ลดโอกาสในการติดเชื้อในระบบทางเดินอาหารได้มาก
- น้ำนมแม่มีเซลล์เม็ดเลือดขาวคอยทำหน้าที่จับกินเชื้อโรคในร่างกายเด็กทารก น้ำนมแม่สด ๆ จะมีเซลล์เม็ดเลือดขาวที่มีชีวิต ดังนั้น นมแม่สด ๆ จึงมีคุณภาพดีกว่านมแม่แช่แข็ง และสำหรับทารกแรกเกิดที่ป่วย ควรให้กินนมแม่ สด ๆ ทุกวัน
- น้ำนมแม่มีสเต็มเซลล์ (Stem cells) ทุก ๆ วันที่ลูกกินนมแม่ ลูกจะได้รับสเต็มเซลล์จำนวนมากกว่า 10,000 ตัว เซลล์เหล่านี้สามารถเปลี่ยนแปลง และพัฒนาไปเป็นเซลล์ของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย ที่สำคัญคือระบบประสาท และสมอง สเต็มเซลล์ อาจจะผ่านเข้าไปสู่สมองของลูกได้ จึงเข้าไปซ่อมสร้างสมองส่วนที่อาจจะถูกกระทบกระเทือนไปในช่วงแรกคลอด นมแม่จึงเป็นประโยชน์มากในทารกที่คลอดก่อนกำหนดและทารกที่มีอาการเจ็บป่วย
ที่มา : https://www.thairath.co.th
นอกจากน้ำนมแม่ช่วยสกัดกั้นเชื้อโรคแล้ว ยังช่วยให้ลูกฉลาด
วารสารทางการแพทย์ระดับโลกอย่าง เดอะแลนซิต ยังเปิดผลศึกษาด้วยว่า การเลี้ยงลูกด้วยน้ำแม่ ทำให้ลูกประสบความสำเร็จในด้านการเรียน ต่อยอดไปจนถึงการทำงาน เพราะการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ทำให้ลูกไอคิวสูงขึ้น 3 จุด
แม่ให้นมต้องใส่ใจ
- ให้ลูกดูดนมสม่ำเสมอ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการสร้างน้ำนม
- แม่ต้องพักผ่อนให้เพียงพอ
- แม่ต้องไม่เครียด เพื่อไม่ให้สมองสั่งลดการผลิตน้ำนม
ถ้าอยากให้ลูกแข็งแรง ฉลาด หัวไว สุขภาพดีตั้งแต่แรกเกิด แม่ต้องให้ลูกกินนมแม่ ซึ่งนมแม่นั้น สามารถให้ได้นานเป็นปี ๆ สารอาหารก็ยังครบถ้วน ที่สำคัญนมแม่สกัดกั้นเชื้อโรค ช่วยให้เด็กที่กินนมแม่ไม่ป่วยบ่อย สำหรับทารกวัยแรกเกิดถึง 6 เดือน ควรได้รับนมแม่อย่างเดียว พอพ้น 6 เดือนก็ให้นมแม่ เสริมกับอาหารเสริม เพื่อให้ลูกเติบโตอย่างสุขภาพดีนะคะ
รู้กันไปแล้วว่านมแม่สกัดกั้นเชื้อโรค และมีสารอาหารมากมายขนาดไหน มาโหวตกันหน่อยว่า นอกจากนมแม่ คุณให้ลูกกินนมอะไร ถ้ากดโหวตไม่ได้ คลิกที่นี่
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
มะรุมสุดยอดอาหารบำรุงน้ำนมแม่ กินแล้วแม่น้ำนมพุ่งปรี๊ด ลูกน้อยแข็งแรง
กลไกการดูดนมของลูก ที่จะทำให้คุณเข้าใจ ว่าทำไมลูกต้องดูดถึงลานนม
นมแม่ไม่มีประโยชน์ นมแม่หลัง 6 เดือน กินไปไร้ประโยชน์จริงหรือ??
วิธีเพิ่มน้ำนมแม่ สำหรับคุณแม่ที่คิดว่าตัวเองน้ำนมน้อย กลัวลูกไม่พอกิน