หยุด! พฤติกรรมเหล่านี้ ถ้าไม่อยากแท้งตั้งแต่ ท้องอ่อน ๆ
ในช่วง ท้องอ่อน ๆเป็นช่วงที่ทารกในครรภ์เริ่มเจริญเติบโต และเริ่มพัฒนาอวัยวะต่าง ๆ อีกทั้งยังเป็นช่วงที่ร่างกายของแม่ท้องมีการเปลี่ยนแปลง จึงทำให้แม่ท้องมักจะเกิดความกังวล กลัวว่าทำนั่นทำนี่แล้วจะแท้ง โดยเฉพาะคุณแม่ท้องแรก ก็ยิ่งกังวลไปกันใหญ่ วันนี้เรามีคำแนะนำจากคุณหมอ เกี่ยวกับพฤติกรรมเสี่ยงแท้ง ในช่วงไตรมาสแรกมาฝาก
ปัจจัยเสี่ยงแท้ง ในช่วง ท้องอ่อน ๆ
นพ.อดิศร อักษรภูษิตพงศ์ สูตินรีแพทย์ เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์ ประจำโรงพยาบาลพญาไท 3 ได้กล่าวถึงเรื่องของการแท้งบุตรเอาไว้ว่า ปัจจัยเสี่ยงต่อการแท้งบุตรมีหลายอย่าง ซึ่งปัจจัยส่วนหนึ่งก็สามารถป้องกันได้ แต่ปัจจัยบางอย่างก็ไม่สามารถป้องกันหรือแก้ไขได้ อย่างเช่น อายุของคุณแม่ที่มากขึ้น หรือในบางครั้งอาจไม่พบปัจจัยเสี่ยงในคุณแม่ที่แท้งบุตรเลย (โดยเฉลี่ยอาจพบการแท้งบุตรตามธรรมชาติได้ถึงร้อยละ 10-15)
พฤติกรรมเสี่ยงแท้ง ของคนตั้งครรภ์อ่อน ๆ
เรื่องที่คุณแม่ท้องอ่อนต้องงด หรือเลี่ยง เพื่อลดอัตราเสี่ยงต่อการแท้งบุตรในช่วงไตรมาสแรก มีดังนี้
- หลีกเลี่ยงอาหารบางชนิด เช่น อาหารที่ไม่สุก, ชีสหรือเนยแข็ง, ไส้กรอกและแฮม, ชาและกาแฟ, น้ำอัดลม
- ระวังการติดเชื้อบางโรคระหว่างการตั้งครรภ์ เช่น หัดเยอรมัน โดยการหลีกเลี่ยงการไปในสถานที่ที่มีคนแออัด โดยเฉพาะคุณแม่ที่ไม่มีภูมิคุ้มกันโรค
- งดสูบบุหรี่ งดดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และไม่ใช้สารเสพติด
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสารเคมี หรือสิ่งที่อันตราย เช่น ยาฆ่าแมลง, สารระเหย, โลหะหนักที่ผสมในสารเคมี หรือรังสีจากที่ทำงาน เป็นต้น
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหรือกีฬาที่อาจมีการกระแทก, การกระโดด และการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วมาก อย่างไรก็ตาม คุณแม่สามารถออกกำลังกายโดยการวิ่ง, ว่ายน้ำ, ปั่นจักรยาน, เต้นแอโรบิค หรือเล่นโยคะได้ แต่ต้องไม่หักโหมจนเกินไป
ส่วนในเรื่องของการมีเพศสัมพันธ์นั้น คุณหมอให้คำแนะนำไว้ว่า ในการตั้งครรภ์ที่ปกติ การมีเพศสัมพันธ์ไม่ได้เพิ่มความเสี่ยงต่อการแท้งบุตร ดังนั้น ถ้าคุณแม่ไม่ได้มีภาวะแทรกซ้อน สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้อย่างปลอดภัยครับ
ท้องผูก อีกหนึ่งอาการของคุณแม่ตั้งครรภ์ ที่อาจส่งผลต่อลูกรักในครรภ์มากกว่าที่คิด
อาการท้องผูก ถือเป็นอาการที่คุณแม่ตั้งครรภ์หลาย ๆ ท่านมักพบเจอ เนื่องจากฮอร์โมนของคุณแม่ตั้งครรภ์ในช่วงนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงมากขึ้น ซึ่งการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวส่งผลให้การทำงานของกล้ามเนื้อลำไส้เคลื่อนตัว และย่อยอาหารช้าลงกว่าปกติ นอกจากนี้การขยายตัวที่ใหญ่ขึ้นของมดลูกที่ไปกดทับบริเวณลำไส้ ทำให้การทำงานของระบบขับถ่ายทำงานได้อย่างไม่เต็มประสิทธิภาพ ส่งผลให้มีอาการท้องผูกเพิ่มขึ้น
สำหรับคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ด้วยเทคนิคทางการแพทย์ เช่น การทำอิ๊กซี่ (ICSI) หากคุณแม่มีอาการท้องผูกในระหว่างอยู่ในกระบวนการตั้งครรภ์ อาจทำให้การตั้งครรภ์ไม่สำเร็จได้ นอกจากนี้ สำหรับคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ธรรมชาติ แต่อยู่ในช่วงไตรมาสแรก หากมีอาการท้องผูกมากจนจำเป็นต้องเบ่งอุจจาระแรงเกินไป อาจทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแท้งคุกคามได้ รวมไปถึงหากท้องผูกในช่วงตั้งครรภ์ไตรมาสสุดท้าย ก็ยังมีโอกาสสูงที่คุณแม่จะเป็นริดสีดวงทวารหนักได้ นอกจากนี้การเบ่งอุจจาระแรง ๆ ยังอาจทำให้มีเลือดออกบริเวณช่องคลอด ซึ่งถือเป็นอาการอันตรายสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์เลยก็ว่าได้
ดังนั้น คุณแม่ตั้งครรภ์จำเป็นต้องดูแลสุขภาพและแก้ไขปัญหาท้องผูกด้วยการปรับวิธีการรับประทานอาหาร เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ และช่วยให้ขับถ่ายดียิ่งขึ้น ดื่มน้ำในปริมาณที่เหมาะสม และหมั่นออกกำลังกายสม่ำเสมอ หากคุณแม่ท่านใดที่มีอาการท้องผูกเรื้อรัง สามารถแก้ปัญหาด้วยการเลือกทานผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ที่มีคุณสมบัติช่วยปรับสมดุลลำไส้ และป้องกันอาการท้องผูก
แลคติส (Lactis) ตัวช่วยดี ๆ ที่จะทำให้คุณแม่ตั้งครรภ์หมดปัญหาท้องผูกที่กวนใจ ผลิตภัณฑ์ที่จะช่วยปรับสมดุล และแก้ปัญหาลำไส้ที่ปลอดภัยสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์
แลคติส ถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความไว้วางใจจากสมาคมสุขภาพคนท้องในประเทศญี่ปุ่น (Japan Society of Maternal Health Journal Volume 52, Edition 3, 2011, P.135) และเหล่าคุณแม่ชาวญี่ปุ่นมายาวนานถึง 30 ปี ว่าสามารถช่วยปรับสมดุลในลำไส้ ทั้งยังแก้ไขปัญหาท้องผูก ท้องเสียในคุณแม่ตั้งครรภ์ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทาน อารมณ์ และผิวพรรณได้ดีอีกด้วย
อย่าปล่อยให้อาการท้องผูกบานปลายจนส่งผลกระทบอันตรายต่อลูกรักในครรภ์ มาดูแล และป้องกันสุขภาพกันตั้งแต่วันนี้ แลคติส (Lactis) ตัวช่วยดี ๆ ของคุณแม่ตั้งครรภ์ ปรับสมดุลลำไส้ หมดปัญหาท้องผูกน่ากวนใจ
สนใจอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม หรือชอปออนไลน์ คลิกเลย
การเตรียมตัวคุณแม่เพื่อป้องกันการแท้งบุตร
- ควรดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงตั้งแต่ก่อนการตั้งครรภ์
- ควรรักษาโรคประจำตัวให้เป็นปกติหรือควบคุมโรคได้ก่อนการตั้งครรภ์ เช่น ความดันเลือดสูง, เบาหวาน, ภูมิคุ้มกันผิดปกติ (SLE และ antiphospholipid syndrome) เป็นต้น
- ควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ครบ 5 หมู่
- ควรลดน้ำหนักตัวให้เป็นปกติก่อนการตั้งครรภ์
- ควรพักผ่อนให้เพียงพอ
อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณแม่มีภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้นในช่วงตั้งครรภ์ เช่น ปวดท้องตลอดเวลา, เลือดออก หรือมีภาวะแท้งคุกคาม ให้รีบพบแพทย์เพื่อตรวจและรักษาโดยเร็ว เพื่อความปลอดภัยของทั้งคุณแม่และลูกในท้องนะครับ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
คลอดธรรมชาติไม่ได้ อาจต้องผ่าคลอด ถ้ามีสัญญาณเหล่านี้
จำเป็นไหม คนท้องต้องอัลตราซาวด์ทุกเดือน ?
ตัวอย่างตารางอาหารประจำวันของคนท้อง กินบำรุงสมองลูกในครรภ์