ทำไม การรับประทานยา จึง มีผลต่อลูกในท้อง 100 สิ่งแม่ท้องต้องรู้ ตอนที่ 74

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

สำหรับ การรับประทานยา ในคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ อาจจะ มีผลต่อลูกในท้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ช่วง 3 เดือนแรก ของการตั้งครรภ์ใหม่ ๆ ทารกในครรภ์จะมีการเจริญเติบโต และสร้างอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย ถ้ามีสาร หรือยาบางชนิดไปกระทบกระเทือน ต่อการแบ่งเซลล์ จะทำให้ อวัยวะนั้นมีความผิดปกติ หรือหยุดเจริญเติบโต ซึ่งจะผิดปกติมาก หรือน้อยขึ้นอยู่กับระยะ ของการตั้งครรภ์ และปริมาณสารที่ได้รับ การรับประทานยา ก็เช่นเดียวกัน หากใช้ยาไม่เหมาะสม หรือไม่รู้ทัน ก็จะ มีผลต่อลูกในท้อง ได้

  1. ยาปฏิชีวนะ และยาแก้อักเสบ ยาเตตราชัยคลิน มีผลต่อการสร้างกระดูกและฟันของลูกในครรภ์ / ยาซัลฟา อาจทำให้ทารกคลอดออกมาแล้วตัวเหลือง / ยาเพนนิซิลินและแอมพิซิลิน เป็นยาที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับหญิงมีครรภ์ ยกเว้นผู้ที่แพ้ยาเท่านั้น / ยาแก้อักเสบ มักจะเป็นยาที่หาซื้อมาทานเองบ่อยมาก และมักจะใช้ไม่ถูกวิธี จึงทำให้ดื้อยา ฉะนั้นไม่ควรใช้ยาเอง หากใช้ในหญิงทั้งที่ตั้งครรภ์หรือไม่ อาจทำให้ช่องคลอดอักเสบจากเชื้อรา มีอาการตกขาวและคันในช่องคลอดมากได้

  2. ยาแก้ปวดลดไข้ ยาแอสไพริน หากทานเมื่อใกล้คลอด อาจไปยับยั้งการทำงานของเกร็ดเลือดสำหรับทารกตั้งครรภ์ ทำให้เลือดไหลไม่หยุดได้ / ยาพาราเซตามอล เป็นยาที่ใช้ได้ปลอดภัยในผู้หญิงตั้งครรภ์ แต่ต้องอยู่ในความควบคุมจากแพทย์ / คุณแม่ตั้งครรภ์ที่เป็นไมเกรน ให้หลีกเลี่ยงยาแก้ปวดศีรษะกลุ่มเออโกตามีน เพราะทำให้มดลูกบีบตัว จนอาจแท้งหรือคลอดก่อนกำหนดได้

  3. ยาแก้คัน แก้แพ้ ยาคลอเฟนิรามีน หากมีการใช้ติดต่อกันนานๆ จะทำให้เกล็ดเลือดต่ำ ลูกที่เกิดมาอาจจะมีเลือดไหลผิดปกติ

  4. ยานอนหลับและยากล่อมประสาท ควรใช้ตามที่แพทย์สั่ง หากใช้ในปริมาณมาก ลูกที่เกิดมาอาจหายใจไม่ดี เคลื่อนไหวช้า และชักกระตุกได้

  5. ยารักษาเบาหวาน หากเป็นชนิดฉีดอินซูลินสามารถใช้ได้ ไม่มีอันตราย แต่ถ้าเป็นชนิดรับประทานอาจจะทำให้น้ำตาในเลือดของทารกต่ำได้

    Loading...
    You got lucky! We have no ad to show to you!
    ติดต่อโฆษณา
  6. ยากันชัก อาจทำให้เกิดความพิการในทารกได้ โดยมีใบหน้าผิดปกติ

  7. ยาแก้ไอ ไม่แนะนำให้ใช้ยาชนิดที่ไม่มีไอโอดีน เพราะอาจทำให้ทารกเกิดอาการคอพอก และมีอาการผิดปกติทางสมองได้

  8. ยาลดกรดในกระเพาะอาหาร  ยาชนิดนี้มีส่วนผสมของแมกนีเซียมไฮดรอกไซด์มาก อาจทำให้คุณแม่ท้องเสีย และอาจเป็นอันตรายต่อลูกในครรภ์ได้

  9. ยาแก้อาเจียนหรือยาแก้แพ้ท้อง ควรให้หมอเป็นผู้สั่งยา อย่าซื้อทานเองเด็ดขาด

    Loading...
    You got lucky! We have no ad to show to you!
    ติดต่อโฆษณา

การใช้ยาเป็นเรื่องที่สำคัญมาก สำหรับคุณแม่ที่ตั้งครรภ์โปรดระลึกไว้เสมอเลยว่าไม่ควรซื้อยาทานเองเด็ดขาด
ถ้าจำเป็นจริงๆ ให้ไปพบแพทย์ ย้ำว่า “ใช้ยาอย่างระมัดระวังเพื่อสุขภาพของตัวเองและลูกน้อยในครรภ์”

 

แม้รกจะทำหน้าที่กลั่นกรองของเสียก่อนที่จะผ่านไปสู่ลูกน้อย แต่ยาบางชนิดอาจมีผลต่อพัฒนาการทารกในครรภ์ได้ โดยเฉพาะในช่วงตั้งครรภ์อ่อน ๆ เพราะในระยะนี้ ยา หรือสารบางชนิดอาจส่งผลต่อการแบ่งเซลล์ของตัวอ่อน ทำให้อวัยวะต่าง ๆ เจริญผิดปกติ หรือหยุดเจริญเติบโตได้ ซึ่งความผิดปกติที่เกิดขึ้นจะมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับปริมาณยา หรือสารที่ได้รับเข้าไป

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ดังนั้น คุณแม่ตั้งครรภ์ไม่ควรซื้อยามารับประทานเอง หากมีปัญหาเจ็บป่วยขึ้น ถ้าอาการไม่หนักนัก ก็ให้รักษาด้วยวิธีธรรมชาติจะดีกว่า แต่ถ้าจำเป็นต้องใช้ยาจริงๆ ควรปฏิบัติดังนี้

  1. ปรึกษาสูติแพทย์ ถึงอาการเจ็บป่วยที่เกิดขึ้น
  2. บอกแพทย์ที่จ่ายยาให้ว่า กำลังตั้งครรภ์อยู่
  3. ใช้ยาให้น้อยที่สุด และได้ประโยชน์สูงสุด 
  4. ใช้ยาตามคำแนะนำจากแพทย์ หรือฉลากยาที่แจ้งไว้ว่าจะใช้เวลาใด มากน้อยเท่าไร

ข้อที่ควรจะคำนึงถึง ยาที่มีผลต่อการพัฒนาของอวัยวะหากคนท้องได้รับยาในช่วงที่มีการพัฒนาของอวัยวะคือประมาณสัปดาห์ที่ 2 – 8 ดังนั้นหากได้รับยาในช่วงดังกล่าวจะเพิ่มความเสี่ยงต่ออวัยวะพิการ

ยาที่อาจจะทำให้เกิดทารกพิการ

  1. ยารักษาความดันโลหิตกลุ่ม ACE (angiotensin converting enzyme)
  2. ยารักษาความดันโลหิตกลุ่ม angiotensin II antagonist
  3. ยารักษาสิว Isotretinoin (an acne drug)
  4. alcohol
  5. cocaine
  6. vitamin A ในขนาดสูง
  7. lithium
  8. ฮอร์โมนเพศชาย
  9. ยาปฏิชีวนะบางชนิด
  10. ยากันชักบางชนิด
  11. ยารักษามะเร็งบางชนิด
  12. ยารักาาข้ออักเสบบางชนิด
  13. ยารักษาไทรอยด์บางชนิด
  14. Thalidomide
  15. ยาละลายลิ่มเลือด warfarin
  16. ยา diethylstilbestrol (DES).

ยาต้องห้าม !
แอสไพริน  ถ้ากินในระยะใกล้คลอด อาจทำให้ทารกที่เกิดมามีเลือดออกง่าย

ยาแก้อักเสบ (ที่ไม่ใช่สตอรอยด์)  ทำให้ทารกเลือดออกง่าย

เตตราซัยคลิน  ถ้าใช้ในระยะ ตั้งครรภ์ ไตรมาสที่ 2 – 3 อาจทำให้ทารกฟันเหลือง ดำ กระดูกเจริญเติบโตผิดปกติ สมองผิดปกติ

สเตรปโตมัยซิน คาน่ามัยซิน  ถ้าใช้นานๆ อาจทำให้ทารกหูพิการได้

นอกจากนี้แล้ว ยังมียาอีกหลายชนิด ที่อาจมีฤทธิ์เป็นอันตรายต่อพัฒนาการทารกในครรภ์ได้ ซึ่งเป็นเรื่องยากที่เราจะรู้ว่ายาอะไร มีผลต่อลูกน้อยในครรภ์อย่างไรบ้าง ดังนั้น วิธีที่ดีที่สุด คือ การปรึกษาคุณหมอทุกครั้งก่อนที่คุณจะใช้ยา และใช้ยากรณีที่จำเป็นที่สุด

 

ที่มา :

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา
  1. https://med.mahidol.ac.th/obgyn/th/article/05082014-1142-th
  2. https://medthai.com/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8
  3. https://www.siamhealth.net/public_html/mother_child/Pregnancy/medication.html

บทความน่าสนใจ :

  1. การทานยาเลื่อนประจำเดือน
  2. คนท้องกินยาอะไรได้บ้าง ป่วยแล้วต้องทำยังไง กินยาอะไรไม่ให้กระทบลูกในท้อง

บทความโดย

ammy