เด็กวัยอนุบาล เป็นวัยที่เริ่มต้นในการเรียนรู้การใช้ชีวิตนอกบ้าน การมีสังคม การมีปฎิสัมพันธ์กับคนอื่น รวมถึงการเสริมสร้างบุคลิกภาพของตนเองขึ้นมาด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้พ่อแม่สร้างที่จะพัฒนาทักษะต่างๆ ของลูกขึ้นมาได้ เพื่อให้ลูกน้อยโตไปเป็นเด็กที่ดี น่ารัก เข้ากับคนอื่นได้ง่าย และอยู่ในสังคมให้เป็น ลองมาดูกันดีกว่าว่า ทักษะที่ลูกควรมีในวัยอนุบาล นั้นจะมีอะไรบ้าง
ทักษะทางด้านสังคมของเด็กวัยอนุบาล
- เด็กวัย3 ปี รับประทานอาหารเอง เล่นแบบคู่ขนาน คือ เล่นของเล่นชนิดเดียวกัน แต่ต่างตนต่างเล่น ชอบเล่นสมมุติ รู้จักการรอคอย
- เด็กวัย 4 ปี แต่งตัวได้ด้วยตนเอง ไปห้องน้ำได้เอง เล่นร่วมกับคนอื่นได้ รอคอยตามลำดับก่อนหลัง แบ่งของให้คนอื่น เก็บของเล่นเข้าที่ได้
- เด็กวัย5ปี ปฏิบัติกิจวัตรประจำวันได้ด้วยตนเอง เล่นหรือทำงานโดยมีจุดมุ่งหมายร่วมกับคนอื่นได้ พบผู้ใหญ่รู้จักไหว้ ทำความเคารพ รู้จักขอบคุณ เมื่อรับของจากผู้ใหญ่ รับผิดชอบงานที่ได้รับมอบหมาย
- เด็กวัย 6 ปี มีการเล่นเป็นกลุ่ม มีกติกาข้อตกลง เข้าใจความรู้สึกของผู้อื่นมากขึ้น ช่วยเหลือตัวเองได้ดี รู้จักมารยาททางสังคม
ทักษะทางด้านอารมณ์ของเด็กวัยอนุบาล
- เด็กวัย 3ปี แสดงอารมณ์ตามความรู้สึก ชอบที่จะทำให้ผู้ใหญ่พอใจและได้คำชม กลัวการพลัดพรากจากผู้เลี้ยงดูใกล้ชิดน้อยลง
- เด็กวัย 4 ปี แสดงออกทางอารมณ์ได้เหมาะสมกับบางสถานการณ์ เริ่มรู้จักชื่นชมความสามารถ และผลงานของตนเองและผู้อื่น ชอบท้าทายผู้ใหญ่ ต้องการให้มีคนฟัง คนสนใจ
- เด็กวัย5 ปี แสดงอารมณ์ได้สอดคล้องกับสถานการณ์อย่างเหมาะสม ชื่นชมความสามารถและผลงานของตนเองและผู้อื่น ยึดตนเองเป็นศูนย์กลางน้อยลง
ทักษะทางด้านร่างกายของเด็กวัยอนุบาล
- เด็กวัย 3 ปี กระโดดขึ้นลงอยู่กับที่ กระโดดขาเดียวได้ รับลูกบอลด้วยมือและลำตัว เตะลูกบอลได้ เดินขึ้นบันไดสลับเท้าได้ ถีบจักรยาน 3 ล้อได้ เขียนรูปวงกลมตามแบบ ลากเส้นแนวตั้ง แนวนอนได้ จับดินสอคีบระหว่างนิ้ว 3 นิ้วได้ (นิ้วชี้ นิ้วกลาง และนิ้วหัวแม่มือ) ใช้กรรไกรมือเดียวได้ ต่อบล็อกหรือแท่งไม้ได้สูง 7 ชั้นหรือมากกว่า
- เด็กวัย4ปี ชอบกระโดดข้ามสิ่งของเล็กๆ กระโดดขาเดียวอยู่กับที่ได้ ชอบปีนป่ายสิ่งต่างๆ เดินขึ้น-ลงบันไดสลับเท้าได้ เขียนรูปสี่เหลี่ยมตามแบบได้ ใช้กรรไกรเป็น ตัดกระดาษเป็นเส้นตรงได้
- เด็กวัย5 ปี กระโดดขาเดียวไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง ยืนขาเดียวได้ เรียนรู้ที่จะกระโดดข้ามหรือกระโดดเชือกได้ เดินขึ้น-ลงบันไดสลับเท้าได้อย่างคล่องแคล่ว เดินต่อเท้าได้ เดินถอยหลังตามเส้นได้ รับลูกบอลที่กระดอนขึ้นจากพื้นได้ด้วยมือทั้งสอง เขียนรูปสี่เหลี่ยม สามเหลี่ยมตามแบบได้ ตัดกระดาษตามแนวเส้นโค้งที่กำหนด ใช้กล้ามเนื้อเล็กได้ดี เช่น ติดกระดุม ผูกเชือกรองเท้า ฯลฯ ยืดตัว คล่องแคล่ว
พ่อแม่จะส่งเสริมทักษะลูกวัยอนุบาลได้อย่างไร
1. เสริมพัฒนาการทางด้านสังคม
- ฝึกให้ลูกรู้จักควบคุมความต้องการของตนเอง รู้จักรอคอย รู้ว่าสิ่งไหนดีไม่ดี รู้จักพึ่งพาตัวเองก่อนและไม่ควรเป็นภาระคนอื่น ให้ลูกรู้จักหน้าที่ของตน เช่น เก็บของเล่น เก็บที่นอน ไปโรงเรียน
- ฝึกให้รู้จักเชื่อฟัง โดยที่พ่อแม่ต้องสร้างกฎขึ้นมาแล้วให้ลูกทำตาม ถ้าลูกทำตัวดี น่ารักก็ให้รางวัล
- ฝึกให้อยู่ร่วมกับผู้อื่น ส่งเสริมให้เด็กรักเพื่อน สัตว์ ต้นไม้ ฯลฯ เช่น ให้ลูกเล่นกับเพื่อน เล่นกับน้อง
- ฝึกให้ลูกรู้จักสภาพแวดล้อมและตนเอง โดยบอกว่าสิ่งแวดล้อมรอบบ้านเราเป็นแบบไหน ในเครือญาติหรือตระกูลของเรามีใครบ้าง
2. เสริมพัฒนาการทางด้านอารมณ์
- เสริมสร้างให้ลูกเกิดความภาคภูมิใจในตัวเอง พยายามหาจุดเด่ดว่าตัวเองเก่งอะไร แล้วพ่อแม่ก็ส่งเสริมในสิ่งนั้น
- พยายามให้ความรักลูกในทางที่ถูกที่ควร และควรหากิจกรรมทำร่วมกัน เช่น เล่านิทาน ทำอาหาร เล่นกีฬา และพ่อแม่ต้องเป็นแบบอย่างที่ดีกับลูกด้วย
- สร้างวินัยให้กับลูก เช่น ตื่นเช้าไปโรงเรียน กินอาหารเช้า อ่านหนังสือ ทำการบ้าน ช่วยงานบ้าน รู้ว่าตัวเองต้องทำอะไร และต้องให้ลูกรู้จักแก้ปัญหาด้วยตนเอง
3. เสริมพัฒนาการทางด้านร่างกาย
- ให้ลูกทานอาหารตามวัย ลูกควรได้รับอาหาร 3 มื้อหลัก และอาหารว่างที่มีคุณภาพ 2 มื้อต่อวัน รวมถึงการดื่มนม และน้ำที่เพียงพอด้วย
- เสริมสร้างสุขลักษณะนิสัยที่ดี รู้จักรักษาความสะอาดร่างกาย นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ แบ่งเวลามาออกกำลังกายเป็นประจำ ไม่จดจ่อกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์นานเกินไป
- ให้ลูกได้มีกิจกรรมของตัวเอง พ่อแม่ไม่ควรที่จะยัดเยียดในสิ่งที่ต้องการให้แก่ลูกเดินไป ควรให้ลูกเลือกทำในสิ่งทีตนเองอยากทำบ้าง และควรเปิดโอกาสให้ลูกได้ทำด้วยตัวเอง เช่น ใส่เสื้อผ้าเอง ลองทำอะไรด้วยตัวเอง
- เล่นกับลูก พยามยามหากิจกรรมที่ช่วยกระตุ้นการใช้กล้ามเนื้อมัดเล็กและมัดใหญ่ เช่น เก็บผ้า พับผ้า รับส่งบอล เป็นต้น
4. เสริมพัฒนาการทางด้านสติปัญญา
- ฝึกฝนการใช้ภาษาในการสื่อสาร ทั้งการฟัง พูด อ่าน เขียน รวมถึงความคิด และการใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 (มอง ฟัง สัมผัส ชิมรส ดมกลิ่น) โดยพ่อแม่อาจพาลูกไปเที่ยว แล้วให้ลูกเล่าหรือแสดงความคิดออกมา
- ฝึกให้ลูกสังเกต จำแนก และเปรียบเทียบ ซึ่งพ่อแม่อาจจะให้ลูกไปช่วยเลือกซื้อของ แล้วลองให้ลูกเลือกหยิบของเอง
- สอนให้ลูกรู้จักเส้นทาง ระยะทาง ทิศทางต่างๆ รวมถึงการนับจำนวน ปริมาณ การลำดับเหตุกาณณ์ การเชื่อมโยงข้อมูลต่างๆ เช่น ให้ลูกสังเกตอากาศสิว่าวันนี้อากาศเป็นยังไง ต่อไปฝนจะตกไหม เป็นต้น
เมนูอาหารเช้าสุดเร่งรีบให้ทันลูกไปโรงเรียน ยกตัวอย่าง เช่น
1. แซนวิชไส้กรอกม้วน
ส่วนผสม
- ขนมปัง 2 แผ่น
- ไส้กรอก
- มะเขือเทศ แครอท
- มายองเนส 1/2 ช้อนโต๊ะ
- นมแอลมอน 1 กล่อง
เมนูนี้ทำง่ายมากๆ โดยนำขนมปังมาทาเนยเล็กน้อย จากนั้นวางไส้กรอกหรือใช้เนื้อสัตว์อย่างปลาทูน่าหรือปลาแซลมอนก็ได้ นำไปอุ่นก่อน แล้ววางลงบนขนมปัง ใส่ผักต่างๆ ใส่ซอสมายองเนส ซอสมะเขือเทศ จากนั้นเอาไปม้วนแล้ว หรือจะประกบขนมปังเป็นคู่ก็ได้แล้วแต่สะดวก ทานคู่กับนมสด แค่นี้ลูกก็ฟินก่อนไปโรงเรียนแล้ว
2. เฟรนช์โทสต์ไข่
ส่วนผสม
- ขนมปัง 2 แผ่น
- ไข่ไก่ 1 ฟอง
- นม 1/4 ถ้วย
- น้ำตาล 1/4 ช้อนโต๊ะ
- วานิลลา 1/8 ช้อนชา
- เนยถั่ว 1 ช้อนโต๊ะ
- เนย 1 ช้อนโต๊ะ
ตอกไข่ใส่ชาม จากนั้นใส่นม น้ำตาล และวานิลลาลงไป ตีให้เข้ากัน นำขนมปังมาชุปไข่ทั้งหน้าและหลัง ตั้งกระทะ ใส่เนยลงไปในกระทะ จากนั้นนำขนมปังที่ชุปส่วนผสมของนมและไข่แล้วลงไปทอดจนขนมปังมีสีเหลืองทอง มาทาเนยถั่ว จี่ในกะทะจนสุกพอดี หรือจะเจาะรูขนมปังแล้วตอกไข่ลงไปทอดก็ได้ เพื่อเพิ่มลูกเล่นในการทำอาหารให้ลูก จะได้ไม่เบื่อ เมนูนี้ได้ประโยชน์จากไข่ที่มีโปรตีน เนยถั่วได้ไขมันดี ขนมปังถ้าเลือกเป็นโฮลวีทก็จะได้ประโยชน์จากคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนเพิ่มขึ้นไปอีก
ที่มา: taamkru
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ:
ลูกยังเขียนหนังสือไม่ได้ ลูกเขียนหนังสือช้า อยู่อนุบาลแล้ว ยังเขียนคำไม่ถูก ผิดปกติหรือเปล่า
โรคติดต่อในสถานศึกษา 5 โรคติดต่อในศูนย์เด็กเล็ก โรงเรียนอนุบาล มีอะไรบ้าง
แบบฝึกหัดภาษาอังกฤษอนุบาล แบบเรียนเสริมภาษาอังกฤษ แจกฟรี 100+ ชุด!!