เรื่องราวดราม่านี้เกิดขึ้น ณ สนามบินแห่งหนึ่งในต่างประเทศ เมื่อ วาเนสซา แคสเทน คุณแม่ลูกสองชาวเท็กซัสได้ร้องเรียนผ่านเฟสบุ๊คถึงสายการบินเดลต้าว่าพนักงานไม่อนุญาตให้เธอนำนมแม่และน้ำแข็งแห้งขึ้นเครื่อง
“ฉันต้องจากลูก ๆ และสามีของฉันเพื่อไปทำงานนานสิบแปดวัน และฉันก็ต้องปั๊มนมตลอดเวลาเพื่อที่จะได้มีสต๊อคเก็บไว้ให้ลูกเล็กวัยสี่เดือนของฉัน ฉันโกรธมากนะที่เจอเหตุการณ์แบบนี้” วาเนสซากล่าว
“ก่อนหน้าเดินทาง ฉันได้ติดต่อไปยังสายการบินเพื่อสอบถามว่าฉันสามารถนำนมของฉันที่แช่แข็งแล้วกลับไปให้ลูกเล็กของฉันได้ไหม พนักงานของคุณก็บอกว่าสามารถทำได้และยังแนะนำให้ใส่ในกระติกน้ำโดยใส่น้ำแข็งแห้งมาด้วย และพอวันเดินทางพนักงานที่เคาท์เตอร์กลับบอกว่า ไม่รู้จะขนส่งให้ได้อย่างไร แถมยังบอกให้ฉันจ่ายเงินเพิ่มอีก เพราะว่าฉันโหลดกระเป๋าไปแล้วก่อนหน้านี้สองใบ และยังบอกฉันอีกว่าไม่สามารถเอานมขึ้นเครื่องได้เพราะไม่รู้ว่าจะคิดน้ำหนักของน้ำแข็งแห้งได้อย่างไร ซ้ำยังบอกอีกว่าฉันไม่มีสติ๊กเกอร์แปะระบุว่าในนั้นมีน้ำแข็งแห้งด้วย”
หลังเกิดเรื่อง วาเนสซา ก็ได้รับความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่สนามบินท่านหนึ่ง เธอช่วยเอาน้ำแข็งแห้งไปเททิ้งในห้องน้ำ และเอานมที่ฟรีซแล้วของเธอทั้งหมดใส่กลับไปในกระติกน้ำใหม่เพื่อจะได้เดินทางต่อ แต่ถึงกระนั้น วาเนสซา ก็ยังอดห่วงว่านมอาจเสียได้ถ้าไม่มีน้้ำแข็งแห้งอยู่ด้วย
วาเนสซา กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “และตอนนี้ฉันก็กำลังนั่งรอขึ้นเครื่องอยู่ที่สนามบินพร้อมกับนมของฉันที่ไม่มีน้ำแข็งแห้งอยู่ด้วย มีใครจะบอกฉันได้บ้างไหมว่านมของฉันจะยังดีและไม่เสียตลอดการเดินทางแปดชั่วโมง ซึ่งฉันก็หวังว่าตลอดระยะเวลาสองอาทิตย์ที่ฉันนั่งหลังขดหลังแข็งปั๊มนมให้ลูกนั้นจะไม่สูญเปล่า”
กรมการขนส่งระบุว่า นมแม่และอุปกรณ์ที่ช่วยเก็บความเย็นจำพวกน้ำแข็งแช่แข็งนั้นได้รับการยกเว้นสามารถนำขึ้นเครื่องได้ และภายหลังจากที่เธอโพสต์ข้อความทั้งหมดลงในเฟสบุ๊ค ก็มีคนนำข้อความของเธอไปแชร์เป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ วาเนสซา ยังได้รับคำแนะนำต่าง ๆ มากมายจากผู้คนว่าควรจะทำอย่างไรกับสิ่งที่เกิดขึ้น และเธอก็ได้กล่าวขอบคุณและพร้อมที่จะทำตามคำแนะนำเหล่านั้น”
ไม่นานสายการบินเดลต้าก็ตอบกลับมาที่เมลของเธอเพื่อขอโทษและมอบบัตรเงินสดมูลค่า 25 เหรียญเพื่อเป็นการปลอบใจ
ไบรอัน ครูซ โฆษกประจำสายการบินกล่าวว่า สายการบินกำลังติดต่อกลับไปยัง วาเนสซา โดยตรงเพื่อขอพูดคุยถึงรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในเหตุการณ์ดังกล่าว
คุณแม่ ๆ ทั้งหลายคะ จะเห็นว่าหลายต่อหลายครั้งที่เรามักจะได้ยินข่าวคราวเกี่ยวกับปัญหาต่าง ๆ ในการนำนมแม่ขึ้นเครื่อง วันนี้เรามีข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาฝากทุกท่านกันค่ะ
สามารถคลิกเพื่ออ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่หน้าถัดไปค่ะ
สำหรับคุณแม่ท่านไหนที่มีความประสงค์ที่จะขนส่งนมแม่ วันนี้เรามีข้อมูลดี ๆ จากเพจของคุณหมอสุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ ที่ได้นำเคล็ดลับจากคุณแม่ปลา Chayanan Kunathai Sawangkaphat มาฝากค่ะ
1.อุปกรณ์ปั๊มนม หากใช้เสร็จแล้วควรแช่ไว้ในตู้เย็น ล้างและนึ่งวันละครั้งพอ แต่เวลาเดินทางอย่าลืมที่จะเตรียม
ไปสองเซ็ทเสมอ เผื่ออุปการณ์ที่ใช้แล้วไม่ได้อยู่ในความเย็นที่พอเหมาะหรือในระหว่างทางอุปกรณ์อาจจะชำรุดหรือสุญหายได้ เพื่อจะได้มีสำรองไว้ใช้ได้ตลอดเวลาที่ต้องการ
2.ภาชนะ ควรล้างและลวกขวดนมให้เรียบร้อยก่อนนำไปใช้ แนะนำให้เอาแบบขนาดเล็กกะทัดรัด พกพาได้สะดวก และที่สำคัญต้องเป็นวัสดุทนความร้อนชนิด BPA free ด้วยหรือคุณแม่อาจจะใช้กล่องนึ่งขวดนมชนิดที่สามารถนำเข้าเตาไมโครเวฟได้ จะได้ใช้สำหรับนึ่งและช้างในเวลาเดียวกันได้เลย
3.ภายหลังจากที่ล้างอุปกรณ์ปั๊มนมและขวดทั้งหมดแล้ว อย่าลืมนำไปลวกน้ำร้อน หรือทั้งนี้อาจจะเลือกใช้เม็ดฟู่ฆ่าเชื้อก็ได้ค่ะ
4.นมที่ปั๊มในแต่ละครั้งนั้น เมื่อใส่ถุงเก็บนมแม่แล้วฟรีซได้เลยก็จะยิ่งดี แต่ถ้าหากระหว่างวันเจอแต่ตู้เย็นขนาดเล็ก และตู้ในห้องพักนั้นไม่มีช่องแช่แข็ง แนะนำให้เอาไปฝากกับทางโรงแรม จริงอยู่ที่เราไม่อาจรู้ได้เลยว่าตู้เย็นของทางโรงแรมเป็นแบบใดและจะเอาน้ำนมของเราไปแช่ปนกันอาหารสดหรือเปล่า ดังนั้นเราควรใส่ถุงซิปล็อคไว้หลายชั้นหน่อยหรืออาจจะใส่กล่องก็ได้ ที่สำคัญอย่าลืมวางถุงนมตามแนวนอนด้วยนะคะ นอกจากจะแพ็คง่ายแล้วยังประหยัดเนื้อที่อีกด้วย
5.การแพ็คนมขึ้นเครื่องนั้นนอกจากจะต้องใช้เจลเก็บความเย็นหลายอันแล้ว อย่าลืมที่จะใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ห่อรอบนอกอีกครั้ง แต่ถ้าจะให้ดีอย่าลืมโรยเกลือลงไปด้วยนะคะ เพราะว่าเกลือจะช่วยเก็บความเย็นได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้นมที่ฟรีซเป็นน้ำแข็งแล้วมีคุณสมบัติเช่นเดียวกับเจลเก็บความเย็น ถ้าคุณแม่ห่อรวมไว้ด้วยกันกับเจลก็จะสามารถยืดอายุการเก็บความเย็นไว้ไม่ให้ละลายได้หลายชั่วโมงเลยละค่ะ
เพิ่มเติมนะคะ เนื่องจากอุณหภูมิในห้องเก็บสัมภาระใต้ท้องเครื่องบินนั้นเย็นกว่าห้องโดยสาร จึงมักจะโหลดกระเป๋านมลงใต้ท้องเครื่องตลอด ซึ่งเจ้าหน้าที่อาจจะขอเปิดดูข้างใน และพอเค้าเห็นแล้วว่ามันคืออะไร เขาก็จะช่วยเราดูแลเป็นอย่างดีเลยละค่ะ
ถ้าหากว่าคุณแม่ต้องเดินทางหลายวันแน่นอนว่าจำนวนถุงน้ำนมที่ปั๊มได้ก็จะเยอะตามไปด้วย ไหนยังนมที่เพิ่งปั๊มใหม่แล้วฟรีซหรือแพ็คไม่ทันอีกละจะทำอย่างไรดี อย่าได้กังวลใจไปเลยค่ะสำหรับถุงที่พึ่งปั๊มได้ไม่นานก็ให้นำขึ้นเครื่องแต่จำนวนต้องไม่เกิน 100 ซีซีนะคะ
สามารถคลิกเพื่อดูเคล็ดลับเพิ่มเติมได้ที่หน้าถัดไปเลยค่ะ
6. ถ้าคุณแม่ต้องการที่จะปั๊มนมบนเครื่องบินก็สามารถทำได้นะคะ แนะนำให้ทำการเช็คอินไว้ล่วงหน้าผ่านทางออนไลน์ก่อนเลยค่ะ ดูว่าที่ตรงไหนว่างบ้างก็เลือกที่ตรงนั้นหรือถ้าได้เช็คอินไว้แล้วตอนขาไป จะให้ดีคุณแม่ตรวจสอบอีกครั้งก็ดีนะคะ เผื่อว่าขากลับคนเยอะอาจจะมีคนมานั่งข้าง ๆ เราด้วยก็ได้ แต่ถ้าหากว่าสุดวิสัยและไฟลท์เต็มจริง ๆ ก็ไม่เป็นไร เรายอมที่จะอายดีกว่าเห็นลูกของเราอดใช่ไหมคะ ยังไงเราก็มีผ้าคลุมอยู่แล้วก็ใช้เสียเลย เรื่องเสียงก็ไม่ต้องกังวลไรมากเพราะเสียงของเครื่องบินนั้นดังยิ่งกว่าเสียงของเครื่องปั๊มนมอีก
ว่าแต่เจ้าเจลเก็บความเย็นเนี่ยสามารถเอาขึ้นเครื่องไปเก็บความเย็นให้กับนมที่ปั๊มบนเครื่องได้ไหมนะ อันนี้ก็สุดแท้แล้วแต่เจ้าหน้าที่สนามบินและสายการบินจริง ๆ ค่ะ บางทีเค้าถือว่ามันเป็นของแข็งชนิดหนึ่งก็อนุโลมให้ แต่พอมันละลายกลายเป็นของเหลวนี่สิบางคนก็ไม่ให้
คุณแม่ปลาเล่าว่า เคยนั่งการบินไทยพอเขาเห็นว่าเอามาไม่เยอะและอยู่ในกระเป๋าของแม่และเด็ก มีขวดนมพร้อมเขาก็เข้าใจให้เดินผ่านได้อย่างฉลุยเลยละค่ะ ดังนั้นถ้าคุณแม่กังวลว่าขนาดของเจลเก็บความเย็นที่มีอยู่นั้นใหญ่เกินไป แนะนำว่าไปหาซื้อได้ที่ร้านไดโซได้เลยค่ะ เค้ามีขนาดเล็กขายอยู่เหมือนกัน แต่คุณแม่ต้องทำใจด้วยนะคะเพราะว่ามีคนรู้จักเคยถูกสั่งให้ทิ้งเจลไปต่อหน้าต่อตาก็หลายคนแล้ว
เพิ่มเติมกรณีที่อยู่บนเครื่องนานจนเจลเริ่มละลาย คุณแม่สามารถขอน้ำแข็งได้ที่ลูกเรือเลยค่ะ โดยให้เขาใส่น้ำแข็งในถุงเก็บนมแม่ซึ่งมีขนาดกำลังดี แต่ข้อเสียก็คือละลายเร็ว ถ้าเดินทางไกลมาก อาจจะต้องขอหลายครั้งหน่อย ตอนขออย่าลืมดูด้วยนะคะว่าพนักงานเค้ายุ่งอยู่หรือไม่ จะได้ไม่ไปกวนใจเขาด้วยอย่างไรละคะ
และทุกครั้งที่กลับถึงบ้านพร้อมกระเป๋านมในสภาพเรียบร้อยสมบูรณ์ ก็จะนึกขอบคุณทุก ๆ คนที่คอยช่วยเหลือ พร้อมกับนึกในใจว่าเรานี่โชคดีจริงเจอแต่คนดี ๆ เพราะมันสำคัญมากสำหรับคนเป็นแม่ที่มีลูกเล็ก ยิ่งพอไปประชุมกับชาวต่างชาติและเล่าเรื่องรวมถึงกระบวนการต่าง ๆ ให้เขาฟัง เขาถึงกับอึ้งและชื่นชมว่าคนเป็นแม่นี่สุดยอดจริง ๆ ไม่ได้เหนื่อยหรือลำบากอะไรมากมาย แค่วางแผนและเตรียมตัวให้ดี และก็อย่าเครียดจนเกินไปแล้วทุกอย่างจะออกมาดีเอง
หัวใจสำคัญคือ ความสะอาด ถ้ามีจุดไหนที่คุณแม่ไม่มั่นใจก็ตัดใจทิ้งเลยนะคะ ไม่คุ้มค่ากับสุขภาพของลูกหรอกค่ะ และนมล็อตไหนที่เอากลับมาจากการเดินทาง อย่าลืมที่จะชิมเองก่อนทุกครั้ง เพราะด้วยอุณหภูมิไม่คงที่อาจจะส่งผลต่อคุณภาพของน้ำนมด้วยนะคะ
ถึงอย่างไรก็แล้วแต่ไม่มีสิ่งไหนจะสำคัญไปกว่าการกลับถึงบ้านแล้วมีลูกน้อยอยู่ในอ้อมกอดและดูดเต้าเราไปด้วยหรอกจริงไหมคะ นอกจากลูกจะมีความสุขแล้วแม่คนนี้ก็ยังมีความสุขอีกด้วย
เครดิตรูปภาพ: Breastfeeding Thai
ที่มา: ป้าหมอ และ Huffingtonpost
บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง:
เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ทำไมต้องแคร์สายตาคน
แม่ท้องเสียหรือลูกท้องเสีย ยังคงให้นมแม่ได้หรือไม่ ?
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!