ตรวจ แมมโมแกรม ช่วยลดความเสี่ยงมะเร็งเต้านม

เต้านมเป็นอวัยวะที่แสดงออกถึงความเป็นผู้หญิง ดังนั้น การดูแลเต้านมจึงเป็นเรื่องใกล้ตัวสุด ๆ ที่ไม่ควรมองข้ามเพื่อสุขภาพที่ดีและป้องกันโรคมะเร็งเต้านมได้ มาดูกันว่ามะเร็งเต้านมเป็นอย่างไร เกี่ยวข้องอย่างไรกับการตรวจแมมโมแกรม ติดตามอ่านค่ะ

ตรวจแมมโมแกรมช่วยลดความเสี่ยงมะเร็งเต้านม

มะเร็งเต้านม  (Breast cancer)

จากสถิติของสถาบันมะเร็งแห่งชาติพบผู้หญิงเป็นมะเร็งเต้านมร้อยละ 37 ของมะเร็งทั้งหมด และยังมีอัตราการเสียชีวิตเป็นอันดับสองรองจากมะเร็งปอด

ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิง พวงทอง ไกรพิบูลย์  วว.รังวีวิทยา และเวชศาสตร์นิวเคลียร์  กล่าวถึงโรคมะเร็งเต้านมไว้ว่า   มะเร็งเต้านม  (Breast cancer) เป็นโรคมะเร็งที่พบบ่อยของผู้หญิงไทยและผู้หญิงทั่วโลก  จัดอยู่ในดับ 1 -2 ของโรคมะเร็งในผู้หญิงทั้งหมด  โดยคิดเป็น 16 % ของมะเร็งในผู้หญิง ในผู้ใหญ่พบได้สูงขึ้นตั้งแต่อายุ 50 ปีขึ้นไป (ประมาณ 5% พบในผู้หญิงอายุต่ำกว่า 40% ) สำหรับประเทศไทย ผู้ป่วยโรคมะเร็งเต้านมมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ในผู้หญิง คิดเป็น 28.6 ต่อประชากรแสนคน พบผู้ป่วยมะเร็งเต้านมมีอายุน้อยสุด 20 ปี ผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวสายตรงเป็นโรคมะเร็งเต้านมมีความเสี่ยงสูง แนะควรได้รับการค้นหาและตรวจวินิจฉัยมะเร็งเต้านมตั้งแต่ระยะเริ่มแรก รวมทั้งตรวจเต้านมด้วยตนเองอย่างน้อยเดือนละครั้ง ระบุหากพบเร็วจะรักษาได้ผลดี

สาเหตุ

ปัจจุบันยังไม่ทราบถึงสาเหตุที่แน่ชัดของการเกิดโรคมะเร็งเต้านมสำหรับปัจจัยเสี่ยงได้แก่

1.อายุ  โรคมะเร็งมักจะพบได้สูงขึ้นตามอายุที่สูงขึ้นเช่นกัน

2.พันธุกรรม  มักพบคนที่มีครอบครัวสายตรง ได้แก่  พ่อ แม่ พี่ น้องท้องเดียวกัน  เป็นโรคมะเร็งเต้านมมีโอกาสเป็นมะเร็งเต้านมได้สูงกว่าคนทั่วไป

3.เชื้อชาติ  มักพบในคนเชื้อชาติตะวันตกสูงกว่าคนเอเชีย

4.ประจำเดือน  จะพบโรคมะเร็งเต้านมสูงขึ้นในผู้หญิงที่มีประจำเดือนเร็วกว่าอายุ 12 ปี และผู้หญิงที่หมดประจำเดือนเมื่ออายุมาก

5.พบก้อนเนื้อบางชนิดในเต้านม  ซึ่งต้องตรวจชิ้นเนื้ออีกครั้งว่าเป็นเนื้อร้ายหรือไม่

6.ปัจจัยของฮอร์โมน  เช่นอายุเริ่มต้นของการมีประจำเดือน อายุที่หมดประจำเดือน การมีบุตร การให้นมบุตร ประวัติการใช้ยาฮอร์โมนทดแทนในวัยทอง

7.กินอาหารไขมันสูงต่อเนื่อง

8.โรคอ้วน ที่เกิดจากภาวะหมดประจำเดือนแล้ว

9.สูบบุหรี่  ผู้หญิงที่สูบบุหรี่มีโอกาสเป็นมะเร็งเต้านมได้มากว่าปกติ

อาการ

เริ่มด้วยการมีก้อนเล็ก ๆ ที่เต้านม มักเกิดเพียงข้างเดียว (โอกาสเกิดสองข้างมีประมาณ 5 % ) แต่อาจพบมีแผลเรื้อรังที่หัวนม   มักไม่มีอาการเจ็บปวด บวม หรืออักเสบ ก้อนจะโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ต่อมาอาจคลำพบก้อน เต้านมมีรูปร่างผิดปกติ ผิวหนังบริเวณเต้านมมีลักษณะหยาบและขรุขระ มีการดึงรั้งของหัวนม ในบางรายเมื่อบีบหัวนมจะมีน้ำเหลืองหรือเลือดไหลซึม และเมื่อมะเร็งแพร่กระจายไปสู่อวัยวะอื่น ๆ อาจพบต่อน้ำเหลืองโตหรือมีอาการปวดกระดูก เป็นต้น  มะเร็งเต้านมแบ่งออกเป็น 4 ระยะ

ระยะ 0  ยังไม่จัดเป็นโรคมะเร็งอย่างแท้จริง ก้อนเนื้อยังมีขนาดเล็ก  ยังไม่มีการลุกลามของเนื้อเยื่อ เซลล์มะเร็งจะอยู่เฉพาะในชั้นผิวของเนื้อเยื่อเต้านม  ซึ่งมีอัตราการรอดที่ 5 ปี  ประมาณ 95 – 100 %

ระยะ 1  ก้อนมะเร็งขนาดโตขึ้น  และ/หรือลุลามเข้าต่อมน้ำเหลืองรักแร้ด้านเดียวกับโรคแต่จำนวนไม่มาก มีอัตรารอดที่ 5 ปี ประมาณ 90 -100 %

ระยะ 2   ก้อนเนื้อมะเร็งขนาดโตขึ้น  และ/หรือลุกลามเข้าต่อมน้ำเหลือง แต่จำนวนไม่มาก  มีอัตรารอดที่ 5 ปี 85 -90 %

ระยะที่ 3 ก้อนมะเร็งโตมากขึ้น และ/หรือแตกเป็นแผล และ/หรือจับโยกไม่ได้เพราะก้อนเนื้อยึดติดกับกล้ามเนื้อหน้าอกและลุกลามเข้าไปในต่อมน้ำเหลืองรักแร้จำนวนมาก และ/หรือลุกลามเข้าต่อมน้ำเหลืองในช่องอก และ/หรือลุกลามเข้าต่อมน้ำเหลืองเหนือไหปลาร้าด้านเดียวกับโรค อัตราการรอดที่ 5 ปี ประมาณ 65 – 70%

ระยะที่ 4  โรคแพร่กระจายเข้ากระแสโลหิต  สู่อวัยวะอื่น ๆ ที่พบได้บ่อย คือ  ปอด  กระดูก  ตับ  สมอง และไขกระดูก ซึ่งระยะนี้มักไม่หายขาด  ทั่วไปผู้ป่วยมักมีชีวิตอยู่ได้ประมาณ 1 – 3 ปีขึ้นอยู่กับอวัยวะที่มีโรคแพร่กระจาย อัตรารอดที่ 5 ปี ประมาณ 0 – 20 %

การรักษา

วิธีรักษามะเร็งเต้านมมีหลายวิธี ที่สำคัญ คือ การผ่าตัด  รังสีวิทยา  ยาเคมีบำบัด  ยาฮอร์โมน  และยารักษาตรงเป้า  (ทั้งฮอร์โมนและยารักษาตรงเป้า ใช้รักษาเฉพาะผู้ป่วยซึ่งเซลล์มะเร็งเป็นชนิดตอบสนองต่อยา  ซึ่งแพทย์ทราบได้จากการตรวจชิ้นเนื้อจากก้อนมะเร็ง)   แนวทางการรักษาโรคมะเร็งเต้านมมักใช้หลายวิธีร่วมกัน  ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ คือ  ระยะโรค  ผลชิ้นเนื้อภายหลังการตรวจก้อนมะเร็ง  การผ่าตัดมีทั้งชนิดที่เก็บเต้านมไว้มักต้องรักษาร่วมกับการฉายรังสี และผ่าตัดเต้านมขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ทั้งระยะของโรค  ตำแหน่งของก้อนเนื้อ  ขนาดเต้านมของผู้ป่วย

อ่าน  การตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมด้วยวิธีแมมโมแกรม   (Mammogram) คลิก

การตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมด้วยวิธีแมมโมแกรม (Mammogram)

นพ.วีรวุฒิ  อิ่มสำราญ  ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ  อธิบายถึงคุณสมบัติของเครื่องแมมโมแกรมระบบดิจิตอล ดังนี้

คุณสมบัติของเครื่องดิจิตอล แมมโมแกรม (Digital Mammogram)

1.เป็นเครื่องเอ็กซเรย์ชนิดพิเศษ ที่ผู้ถูกตรวจจะได้รับรังสีปริมาณน้อย

2.สามารถแยกความแตกต่างของไขมัน และเนื้อเยื่อชนิดต่างๆ ของเต้านมได้ชัดเจน

3.สามารถเห็นเนื้อเยื่อที่เป็นมะเร็ง ระยะเริ่มต้นได้เป็นอย่างดี

4.เป็นเครื่องมือที่ให้ผลถูกต้อง และแม่นยำสูงถึง 90%

5.มีประสิทธิภาพมากกว่าเครื่อง Mammogram ระบบเก่า

วิธีการตรวจ ดังนี้

1.กระบวนการตรวจแมมโมแกรมนั้นใช้เวลาไม่เกิน 15 – 20 นาที โดยจะถ่ายเอ็กซเรย์หน้าอกแต่ละข้าง ข้างละสองภาพ ภาพหนึ่งจากด้านบน ภาพหนึ่งจากด้านข้าง ทั้งนี้เพื่อที่แพทย์จะได้เห็นภาพของเนื้อเยื่อเต้านมอย่างชัดเจน และมีมิติใกล้เคียงความจริงที่สุด  ในการถ่ายภาพหน้าอกนี้ เพื่อให้ได้ผลดีที่สุดหน้าอก จะต้องถูกบีบกด ให้แบนลง ซึ่งอาจจะทำให้ผู้ที่ได้รับการตรวจรู้สึกไม่สบายเล็กน้อย อย่างไรก็ตามการบีบกดเต้านมนี้ใช้เวลาเพียง 3-4 วินาที และไม่เจ็บปวด หรือ เป็นอันตรายแต่อย่างได

2.การบีบกดเต้านม นี้จะช่วยกระจาย เนื้อเยื่อทำให้ได้เห็นภาพที่ดีที่สุดของบริเวณที่ต้องการจะตรวจ ซึ่งอาจจะมีเนื้อเยื่อส่วนอื่นบดบังอยู่การกดหน้าอกยังช่วยลดความเข้มข้นของรังสีและเพิ่มคุณภาพของภาพให้ดีขึ้น เนื่องจากช่วยลดความหนาของหน้าอกลงการกดหน้าอกเอาไว้ยังทำให้คนไข้ไม่เคลื่อนที่ซึ่งอาจทำให้ภาพพร่าเลือนได้อีกด้วย

การเตรียมตัวก่อนมาตรวจแมมโมแกรม

การตรวจแมมโมแกรม (Mammogram) สามารถทำการตรวจได้โดยไม่ต้องเตรียมตัวแต่อย่างใด เพียงแต่ให้งดทาแป้ง งดฉีดน้ำหอม งดทาลูกกลิ้ง บริเวณเต้านมและรักแร้ทั้งสองข้าง เพื่อให้การตรวจได้ผลดี จะนิยมตรวจในช่วง 7 วัน หลังจากเริ่มประจำเดือน แต่ในกรณีมีก้อน หรือหญิงวัยหมดประจำเดือนก็สามารถรับบริการตรวจได้เลย

ประโยชน์ของแมมโมแกรม
แมมโมแกรมมีความสามารถสูงในการตรวจหามะเร็งเต้านมที่ยังมีขนาดเล็กและไม่มีอาการ ทำให้ได้ผลการรักษาดีและผู้ป่วยมีโอกาสหายขาดได้มากขึ้น การตรวจแมมโมแกรมในคนปกติที่ไม่มีอาการ เพื่อหามะเร็งระยะเริ่มต้นแบบนี้  ผู้หญิงทุกคน ที่มีอายุมากกว่า 35 ปี ไม่ว่าจะคลำพบก้อนที่เต้านมหรือไม่ก็ตาม ควรได้รับการตรวจหามะเร็งเต้านมด้วยเครื่องแมมโมแกรม เป็นประจำทุกๆปี โดยเฉพาะผู้หญิงที่มีประวัติมะเร็งเต้านม ในครอบครัวหรือญาติด้านมารดา อาจจะยิ่งต้องตรวจเน้นกว่าปกติ  การตรวจแมมโมแกรมสามารถเห็นจุดหินปูนในเต้านม  ซึ่งในบางครั้งมะเร็งเต้านมอาจมีขนาดเล็กมาก  คลำไม่พบ  ตรวจอัลตร้าซาวด์ก็ไม่พบ  สามารถตรวจพบได้เฉพาะแมมโมแรมเท่านั้น  ดังนั้น  แมมโมแกรมจึงมีประโยชน์ในการตรวจหามะเร็งเต้านมที่มีขนาดเล็กนั่นเอง

เรื่องน่ารู้  ความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับมะเร็งเต้านม

1.ความเชื่อ      ว่ากันว่ามะเร็งเต้านมเป็นโรคทางพันธุกรรม

  ความจริง       พันธุกรรมแค่เพิ่มความเสี่ยงเท่านั้น  หากคุณมีสมาชิกในครอบครัวเป้นมะเร็งเต้านมมาก่อน  คุณก็มีโอกาสเป็นมากว่าคนอื่น  แต่ไม่ใช่ว่าคุณจะต้องเป็นมะเร็ง 100 %

2.ความเชื่อ      ว่ากันว่าผู้หญิงคัพใหญ่มีความเสี่ยงสูง

  ความจริง      หน้าอกคัพใหญ่หรือคัพเล็ก ตู้มหรือไม่ตู้ม  ก็มีโอกาสเสี่ยงเท่ากันค่ะ  เพราะมะเร็งเต้านมจะเกิดบริเวณท่อน้ำนมและต่อมน้ำนมซึ่งผู้หญิงทุกคนมีเท่า ๆ กันค่ะ

3.ความเชื่อ      ว่ากันว่าโนบราจะไม่เป็นมะเร็ง

  ความจริง      ต่อให้คุณใส่บราผิดขนาดจะรัดติ้วแค่ไหนก็ไม่ได้ไปกดท่อน้ำนมจนทำให้เป็นมะเร็งแน่นอน  แม้เวลาใส่บราจะอึดอัดอยู่บ้างแต่ก็มีข้อดี  อย่างน้อยหน้าอกก็ไม่หย่อนยานนะคะ

4.ความเชื่อ     ว่ากันว่าตรวจแมมโมแกรมจะทำให้เป็นมะเร็ง

ความจริง        เป็นเรื่องที่เข้าใจผิดอย่างแรง  เพราะการตรวจแมมโมแกรมเป็นวิธีการช่วยค้นหามะเร็งไม่ใช่ตัวก่อให้เกิดโรคมะเร็ง

5.ความเชื่อ     ว่ากันว่าใช้โรลออนทำให้เกิดมะเร็งเต้านม

ความจริง        เรื่องการใช้โรลออนยังไม่มีผลวิจัยทางการแพทย์ใด ๆ ทั้งสิ้น  และที่ตรวจพบมะเร็งเต้านมก็มิได้เกิดจากสาเหตุของโรลออน  เรื่องนี้ถือว่าไม่จริงค่ะ

มะเร็งเต้านมภัยเงียบใกล้ตัวคุณผู้หญิง  ซึ่งการตรวจเต้านมสามารถทำเองได้ง่าย ๆ ที่บ้านและสามารถตรวจได้บ่อยเท่าที่คุณต้องการ  หากพบก้อนเนื้อหรือมีความผิดปกติใด ๆ เกิดขึ้น  อย่าชะล่าใจปล่อยทิ้งไว้ ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจรักษาแต่เนิ่น ๆ นะคะ

อ้างอิงข้อมูลจาก

https://www.siamhealth.net

https://haamor.com

https://www.wacoal.co.th

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

ข้อควรรู้เกี่ยวกับมะเร็งเต้านม

อย่าลืมเช็คหน้าอกตัวเองเพื่อป้องกันมะเร็งเต้านม!