สมัยนี้อาหารเสริมมีมากมายในตลาด เราสามารถเลือกหาซื้อ หาทานได้อย่างอิสระเสรี ยิ่งถ้าเรารู้ว่าเราตั้งครรภ์ เราก็คงอยากจะตระเวนหาสิ่งดีๆทั้งหลายมาบำรุงให้ลูกของเราในครรภ์ เพราะหวังว่า เค้าจะได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน และปลอดภัยจากโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ดังนั้น การทานอาหารเสริม ตอบโจทย์ให้กับคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ ได้แค่ไหน ???
ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว แพทย์หลาย ๆ คน ต่างก็แนะนำว่า อาหารเสริมที่มีตามท้องตลาดนั้น หากเป็นไปได้ ควรหลีกเลี่ยง การทานอาหารเสริม และหันไปหารับประทานอาหารให้ครบหมู่ จะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด แถมประหยัดเงินอีกด้วย
วิตามินจากอาหาร เพียงพอจริงหรือ ?
หากตัวคุณแม่ยังคงเป็นกังวลกับสารอาหาร ว่าจะเพียงพอกับลูกในท้องหรือไม่ และยังคงยืนยันว่าอยากได้อาหารเสริม ที่มีคุณค่าให้กับลูกน้อย ไม่ผิดค่ะที่จะทานอาหารเสริม แต่ควรที่จะเริ่มทาน หลังอายุครรภ์ได้ 5 เดือน แล้ว หรือมาทาน หลังจากที่คลอดน้องออกมาแล้ว ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์ ที่เราฝากครรภ์ไว้ จะดีที่สุดค่ะ และที่สำคัญคือ ควรหลีกเลี่ยงสมุนไพรต่าง ๆ เพราะ ตัวสมุนไพร จะส่งผลถึง การไหลของน้ำนม ที่เราจะต้องให้ลูกเมื่อคลอดนะคะ
การเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ให้ครบทั้ง 5 หมู่ เป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ เนื่องจากอาหารที่คุณแม่รับประทานเข้าไป จะส่งผลถึงลูกโดยตรง หากคุณแม่ หวังจะให้ลูกน้อยมีพัฒนาการที่สมบูรณ์ และออกมาลืมตาดูโลก ด้วยความแข็งแรงในทุก ๆ ด้าน นอกเหนือจากพัฒนาการและความสมบูรณ์แข็งแรงของลูกแล้ว “ความฉลาด“ ของลูกก็เป็นอีกหนึ่งสิ่ง ที่พ่อ และแม่ ควรให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งคุณแม่ สามารถกระตุ้นการทำงาน ของสมองลูกน้อย ได้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ ด้วยการรับประทานอาหารเหล่านี้
อาหารบํารุงสมองทารกในครรภ์
- กรดไขมันโอเมก้า 3 จากปลาทะเล (Omega – 3 fatty acids) ปลาทะเล อย่าง ปลาซาร์ดีน ปลาทูน่า ปลาแซลมอน ปลาซาบะ ปลาแมคเคอเรล ปลานิลทะเล ปลาดุกทะเล ฯลฯ
- โฟเลต (กรดโฟลิก) เป็นสารอาหารสำคัญ ที่ช่วยสร้างเซลล์สมอง ระบบประสาท และไขสันหลัง ให้ทารกในครรภ์ แหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยโฟเลต ได้แก่ ไข่แดง ตับ ผักใบเขียวเข้ม แคร์รอต แคนตาลูป ฟักทอง เอพริคอต อะโวคาโด อาร์ทิโชก ถั่ว แป้งไรย์แบบสีเข้มที่ไม่ผ่านการขัดสี ทอร์ทูลายีสต์ ฯลฯ
- ธาตุเหล็ก คุณแม่ตั้งครรภ์ควรได้รับ ธาตุเหล็กเพิ่มขึ้นจากปกติ เป็น 2 เท่า เพราะธาตุเหล็ก สามารถช่วยเสริมสร้างการทำงาน ของฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดงได้ ซึ่งจะช่วย นำออกซิเจนไปให้ทารกในครรภ์ อีกทอดหนึ่ง เช่น เนื้อแดง เนื้อวัว เนื้อหมู ตับ ไข่แดง หอยกาบ หอยนางรม ผลิตภัณฑ์จากธัญพืช ลูกพีชแห้ง ถั่วต่าง ๆ ข้าวโอ๊ต กากน้ำตาล หน่อไม้ฝรั่ง ผักกูด ถั่วฝักยาว ผักแว่น เห็ดฟาง พริกหวาน ใบแมงลัก ใบกะเพรา มะกอก กระถิน ฯลฯ
- ไอโอดีน เป็นสารอาหาร ที่มีความจำเป็น ต่อพัฒนาการทางสมอง ระบบประสาท แหล่งอาหารที่มีไอโอดีน เช่น เกลือเสริมไอโอดีน และอาหารทะเลทุกชนิด เช่น ปลาทะเล กุ้ง ปู หอย ปลาหมึก สาหร่ายทะเลสีน้ำตาล ฯลฯ รวมถึงผักที่ปลูกในดิน ที่มีแร่ธาตุไอโอดีนสูง
- โปรตีน อาหารที่มีโปรตีน มีความสำคัญอย่างมาก ต่อการสร้างเซลล์ของทารกในครรภ์ มีความจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของสมอง อาหารที่เป็นแหล่งของโปรตีน ได้แก่ อาหารประเภทเนื้อสัตว์ทุกชนิดและผลิตภัณฑ์จากสัตว์ เช่น เนื้อปลา นม ไข่ ฯลฯ
- คาร์โบไฮเดรต คือ ธัญพืช ผัก นม ขนมหวาน และน้ำหวานชนิดต่าง ๆ ตัวอย่างเช่น ข้าวเจ้า ข้าวสาลี ข้าวโพด ข้าวฟ่าง เผือก มันเทศ มันสำปะหลัง อ้อย ผลไม้ต่าง ๆ ฯลฯ ส่วนในสัตว์จะพบได้น้อยกว่าในพืช
- อะเซทิลโคลีน เป็นสารที่พบได้ในขนมปังโฮลวีตและข้าวซ้อมมือ ซึ่งมีประโยชน์ช่วยในการทำงานของระบบประสาทให้เชื่อมโยงกับเซลล์สมอง เพื่อทำหน้าที่ส่งข้อมูลได้รวดเร็ว จึงทำให้ระบบต่าง ๆ ทำงานได้ดีตามไปด้วย
- วิตามินอื่น ๆ ที่จำเป็นสำหรับทารก
ทั้งนี้ ควรที่จะรับประทานให้พอเหมาะ เพราะหากรับประทานมากเกินไป ก็จะส่งผลให้เกิดภาวะเสี่ยง จากน้ำตาลในอาหาร หรือปริมาณน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น เกินความจำเป็น ผู้ที่ตั้งครรภ์ ควรเข้าพบ และปรึกษาแพทย์อย่างสม่ำเสมอ พักผ่อน ดื่มน้ำสะอาด และออกกำลังกายให้เพียงพอ ก็จะทำให้เด็กในครรภ์ เติบโตขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ที่มา :
- https://welovegiff.com/
- https://medthai.com/
- https://www.thaichildcare.com/
- https://www.thairath.co.th/lifestyle/woman/momandkid/1516565