เมล สต๊อค เล่าว่า เธอรู้ว่ามีบางอย่างที่ผิดปกติเกิดขึ้นกับ เจสซี่ ลูกสาวคนเล็กของเธอ ซึ่งตอนนั้น มีอายุได้เพียงแค่หนึ่งสัปดาห์เท่านั้นเอง
“เจสซี่ ไม่ใช่ลูกสาวคนแรกของฉัน เพราะฉะนั้น ฉันย่อมรู้ถึงความแตกต่างระหว่างเด็กที่แข็งแรงมีสุขภาพดีกับเด็กที่อ่อนแอและสุขภาพไม่แข็งแรง และคุณเชื่อไหมว่า กว่าการที่ฉันจะรู้ว่า เจสซี่ ป่วยเป็นโรคมะเร็ง ฉันต้องใช้เวลามากกว่า 14 เดือน และหาหมอมาไม่ต่ำกว่า 50 ครั้ง!!” เมล กล่าว
ทุกครั้งที่พา เจสซี่ ไปหาหมอ ทุก ๆ คนก็จะบอกกับฉันเหมือนกันหมดว่า ลูกฉันไม่ได้เป็นอะไร แต่ฉันรู้ว่าไม่ใช่ จนกระทั่งวันหนึ่งที่ เจสซี่ เริ่มมีเม็ดขึ้นที่ข้อเท้า ท้องร่วง และมีเหงื่อออกมากในตอนกลางคืน เมลมั่นใจแน่นอนแล้วว่า เจสซี่ไม่ปกติจริง ๆ
เธอจึงได้พาลูกกลับไปหาหมออีกครั้ง ทำให้ที่ปรึกษาสังเกตเห็นว่า ต้องมีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นแน่ ๆ เพราะเมลพาลูกมาหาหมอบ่อยเกินไป แถมเด็กก็มีอาการแย่ลง หมอจึงตัดสินใจตรวจทุกอย่างโดยละเอียด จึงได้คำตอบที่เมลค้นหามานานนั่นก็คือ “เจสซี่ ป่วยเป็นมะเร็งในเม็ดเลือดขาวชนิดที่พบมากในเด็ก”
เจสซี่ ต้องเข้ารับการรักษาพยาบาล ถ่ายเกร็ดเลือดและเลือด แต่ทุกอย่างไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะการรักษานั้นไม่ได้ช่วยให้ เจสซี่ดีขึ้น ซึ่งวิธีที่จะช่วยให้ เจสซี่ ดีขึ้นก็คือ เธอจะต้องเข้ารับปลูกถ่ายไขกระดูกและทำคีโม!
ตลอดเวลา 12 เดือนที่ทั้งเมลและเจสซี่ต้องอยู่ในโรงพยาบาลเพื่อรักษาตัวนั้น ทำให้ทั้งคู่ต้องอยู่ห่างไกลกับลูกสาวหรือพี่สาวคนโตนั่นก็คือ เมซี่ “ฉันคิดถึง เมซี่ มาก มันรู้สึกแย่นะ ที่จะต้องห่างไกลกับลูกสาวที่มีอายุได้เพียง 7 ปี แต่ก็ใช่ว่าเราจะไม่ได้เจอกันเลย อย่างน้อยพวกเราก็ได้เจอกันสามครั้งต่อสัปดาห์ แต่มันก็เป็นความรู้สึกที่ต่างกับการได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกัน และฉันก็รู้ดีกว่า เจสซี่ ก็คิดถึงพี่สาวคนโตของเธอมากเช่นกัน” เมลเผย
และแล้วข่าวร้ายก็มาถึง เมื่อวันหนึ่ง เจสซี่ เกิดมีอาการชักขึ้น หมอบอกว่า ร่างกายของเธอปฏิเสธที่จะรับการปลูกถ่ายไขกระดูกในตอนแรกและเพราะผลข้างเคียงของการทำคีโมทำให้เธอเป็นเช่นนี้ “พวกเราทุกคนกลัวมาก กลัวที่จะสูญเสียเธอไป เจสซี่ ไม่พูดคุยกับใคร เอาแต่เงียบซึมเป็นเวลานานถึงสี่วัน จนกระทั่ง เมซี่ มาหาเธอ ๆ ถึงแสดงท่าทีมีความสุขและเรียกพี่สาวของเธอว่า มูมู่ พวกเราจึงปล่อยให้สองพี่น้องได้ใช้เวลาร่วมกัน ทั้งคู่นั่งเล่นแป้งโดกันอย่างสนุกสนาน ทำให้พวกเรารู้ทันทีว่า เมซี่ นั้นมีผลต่อจิตใจของเธอมาก และในที่สุดเธอก็ดีขึ้น โรคมะเร็งในเม็ดเลือดขาวหายไป หมอจึงอนุญาตให้กลับบ้านได้”
“ฉันรู้สึกว่า เจสซี่ เข้มแข็งมาก และถึงแม้ว่าตอนนี้เธอจะปกติดีแล้ว แต่ฉันก็จำเป็นที่จะต้องดูแลเธออย่างใกล้ชิดอยู่ดี” เมลกล่าวทิ้งท้าย
ที่มา: Mirror
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ:
โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวพบมากที่สุดในเด็ก
มะเร็งเม็ดเลือดขาวในเด็กชนิด JMML โรคร้ายที่พ่อแม่ไม่ค่อยรู้จัก