Work from home ทำยังไงลูกก็ต้องเลี้ยง งานก็ต้องทำ จะทำอย่างไรให้ลูกไม่กวน?

Work from home ทำยังไงลูกก็ต้องเลี้ยง งานก็ต้องทำ ลูกก็กวนใจ? เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่กรยะจายของเชื้อ โควิด-19 แต่ใช่ว่าบ้านของพนักงานทุกคนจะเป็นสถานที่ที่พร้อมสำหรับการทำงาน เพราะช่วงนี้เด็ก ๆ ก็เริ่มปิดเทอมด้วยสิ แม้ว่าคุณจะเตรียมพื้นที่ในบ้านให้เหมาะสำหรับเป็นสถานที่นั่งทำงานแห่งใหม่ก็ตาม แต่ก็อาจเป็นไปได้ว่าในช่วงเวลานี้ลูก ๆ ของคุณก็จำเป็นต้องอยู่บ้านกับคุณเช่นเดียวกัน ลูกอาจจะเล่นกันเสียงดัง ลูกอาจจะร้องเรียกหา จึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยากมากค่ะ

Work from home ทำยังไงลูกก็ต้องเลี้ยง งานก็ต้องทำ ลูกก็กวนใจ?

การบอกเพื่อนร่มงานให้ทราบว่าเรามีเด็กนะ

การสื่อสารถือเป็นเรื่อที่สำคัญไม่ว่าจะในที่ทำงาน หรือว่าการทำงานจากที่บ้านก็ต้องสื่อสารให้มากกว่าปกติเพื่อสร้างความเข้าใจ ทั้งกับหัวหน้า และเพื่อนร่วมงาน ยิ่งถ้ามีเด็ก ๆ อยู่ในบ้านด้วยคุณควรบอกกับหัวหน้า และเพื่อนร่วมงานของคุณให้รับรู้ว่า บางครั้งการคุยงานผ่านโทรศัพท์ หรือการประชุมผ่านแอปต่าง ๆ อาจมีเสียงของเด็ก ๆ แทรกเข้าไปทำให้รบกวนบ้าง แต่คุณจะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อให้เสียงเด็กลดลง

หาคนไว้ใจเพื่อช่วยดูแลลูก

ในบางครั้งคุณก็อาจไม่สามารถทำงานไปด้วยเลี้ยงลูกไปด้วยได้ การหาคนที่ไว้ใจได้ เพื่อช่วยดูลูกให้ถือว่าเป็นทางออกที่ดีในระดับนึง ไม่ว่าจะพ่อแม่ คนในครอบครัว ญาติพี่น้อง เพื่อนสนิท หรือแม้แต่ลูกคนโต ที่สามารถช่วยดูแลน้องคนเล็กได้ อย่างน้อยที่สุดก็ให้พวกเขาช่วยหากิจกรรมทำกับลูกของคุณ เช่น การพูดคุย การเล่นเกม การอ่านหนังสือ เป็นต้น หากิจกรรมให้ลูกทำ กิจกรรมหลาย ๆ อย่างไม่จำเป็นต้องอาศัยการดูแลจากผู้ใหญ่ก็ได้ ซึ่งเด็กแต่ละช่วงวัยสามารถทำกิจกรรมตามที่กล่าวมาข้างต้นเองได้ในบางชนิด

ในความจำเป็นก็ต้องยอมให้ลูกเล่นมือถือนานกว่าเดิม

ในช่วงเวลาปกติคุณพ่อคุณแม่หลาย ๆ คนคงไม่อยากให้ลูกใช้งานมือถือมากเกินไปในแต่ละวัน แต่อย่าลืมว่าบางครั้งการทำงานที่บ้านไม่ใช่เรื่องปกติที่หลายคนทำ เพราะในช่วงเวลาที่คุณต้องทำงาน คุณอาจต้องยอมปล่อยให้เด็ก ๆ ใช้มือถืออย่างเต็มที่ไปก่อน ถึงแม้จะมากกว่าปกติ แต่เมื่อถึงเวลาที่คุณว่าง คุณสามารถหากิจกรรมอื่น ๆ ทำร่วมกับลูกก็ได้ เช่น การเล่นบอร์ดเกม การใช้เวลาดูภาพยนตร์ดูการ์ตูนด้วยกัน หรือกิจกรรมอื่น ๆ ร่วมไปได้

พักบ่อยหน่อย เพื่อเอาเวลาดูลูกบ้าง

ถ้าหากว่าเป็นเด็กในช่วงวัยเรียนคุณสามารถปล่อยให้เขาทำแบบฝึกหัด หรือทำการบ้านที่ได้มาจากคุณครูที่โรงเรียน ซึ่งต้องใช้เวลานานพอสมควร ในระหว่างนี้คุณสามารถเอาเวลาไปทำงานได้ แต่ควรแบ่งเวลาพักอย่างสม่ำเสมอเพื่อเดินไปพูดคุยกับลูกบ้างเล็กน้อย เช่นใน 1 ชั่วโมง คุณสามารถแบ่งเวลาทำงาน 45 นาที และพักไปอยู่กับลูกอีก 15 นาที

บทความที่เกี่ยวข้อง : มุมมองการเลี้ยงลูกแบบหมอ ๆ จากคุณแม่นุ่น เป็นหมอทั้งบ้าน จัดสรรเวลาให้ลูกยังไง

มีความต้องชมลูกบ้าง เมื่อเขาทำดี

เมื่อคุณคุยกับลูกให้เข้าใจแล้วว่าคุณต้องทำงานนะอย่ากวน ไม่สามารถดูแลเขาได้ในขณะนี้ หากคุณสามารถทำงานได้จนเสร็จ หรือถึงช่วงเวลาพักที่ได้ตกลงกันไว้เลย โดยไม่ถูกลูกรบกวน คุณอาจให้รางวัลกับเขาเป็นคำชมเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ได้ สำหรับการให้ความร่วมมือที่ช่วยให้คุณทำงานจนเสร็จ หรืออาจใช้เวลากับเขาสักพักเพื่อเล่นเกม อ่านหนังสือ หรือพูดคุยกับเขาก็ได้เหมือนกัน

บอกลูกให้ชัดเจน ให้เขารู้ว่าเราทำงาน

เด็กในวัยประถมศึกษาขึ้นไปก็สามารถที่จะพูดคุย และเข้าใจได้ ดังนั้นคุณควรพูดคุยกับลูกให้ชัดเจนว่าการทำงานที่บ้านของคุณ คือการทำงาน ไม่สามารถเล่นด้วยได้ หรือพาเขาออกไปข้างนอกได้ในช่วงเวลาทำงาน คุณมีงานที่ต้องทำให้เสร็จเสียก่อน และจะวางมือจากงานไปเพื่อดูแลเขาบ่อย ๆ ไม่ได้ หรือไม่ก็ลองตั้งกฎหากลูกต้องการเข้ามาหาคุณในห้องทำงาน ต้องเคาะประตูเสียก่อน หรือจะติดป้ายห้ามรบกวน (Do not disturb) ไว้เพื่อบอกลูก ๆ ก็ได้เช่นกันค่ะ

สื่อสารกับทีมให้มากที่สุด เพื่อให้เขาเข้าใจสถานภาพเรา

เด็กเล็กมักจะเป็นวัยที่มีพฤติกรรมเหนือการควบคุมของ คุณพ่อ คุณแม่ หากไม่มีพี่เลี้ยงหรือญาติผู้ใหญ่คอยดูแล ภาระการเลี้ยงลูกจะตกอยู่ที่ผู้เป็น คุณพ่อ คุณแม่ ที่ต้องรับไปเต็ม ๆ สิ่งที่ต้องทำก็คือ สื่อสารกับเพื่อนร่วมงาน ฉันมีลูกต้องดูแล ขอให้เข้าใจ ขณะเดียวกันก็ต้องจัดสรรเวลามาทำงานด้วย เรื่องนี้เพื่อนร่วมงาน ผู้ใต้บังคับบัญชา หรือหัวหน้าเข้าใจได้ง่ายอยู่แล้ว ไม่มีใครอยากตกอยู่ในสถานะที่ไม่พร้อมหรือลำบากรอบด้านหรอกนะ

การจัดลำดับความสำคัญของงานที่จะทำ

การจัดลำดับความสำคัญของงานที่จะทำเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะจะช่วยให้คุณสามารถแบ่งเวลาระหว่างการทำงาน และเวลาที่จะเลี้ยงลูกได้ คุณสามารถใช้ช่วงเวลาที่เด็ก ๆ สามารถดูแลตัวเอง ไปใช้เป็นเวลาทำงานแทน หรือจะใช้วิธีสลับกันดูแลลูกก็ได้เช่นกัน เช่น คุณพ่อดูแลลูกช่วงเช้า ส่วนคุณแม่ดูแลลูกช่วงบ่าย ส่วนช่วงที่ลูกเข้านอนทั้งสองคนจะสามารถทำงานได้อย่างเต็มที่นั้นเอง

บทความที่เกี่ยวข้อง : ปู่ย่าตายายชอบตามใจหลาน ไม่สนวิธีการเลี้ยงลูกแบบเรา พ่อแม่ควรทำอย่างไรดี

ทำไมบริษัทควรให้พนักงาน Work from Home?

1. คนที่มีความสามารถอยู่ที่ไหนก็ทำงานได้

ต้องยอมรับว่าบุคลากรที่มีความสามารถไม่ได้มีอยู่แค่ในตัวเมืองกรุงเทพฯ เพียงเท่านั้น แต่บุคลากรเหล่านี้ยังกระจายตัวไปอยู่ทุกจังหวัดต่าง ๆ และไม่พร้อมที่จะเดินทางเข้ามาในกรุงเทพฯ ทำให้บางครั้งบริษัทต้องพบกับข้อจำกัดในการจ้างงานต่าง ๆ

แต่ไม่ใช่สำหรับบางบริษัท มีบริษัทหนึ่งในบริษัทที่มีนโยบายการทำงานที่บ้านเนื่องจากการระบาดของ โควิด-19 ซึ่งผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นถือว่าประสิทธิภาพการทำงานของบริษัทสูงขึ้นเท่าตัวเลยทีเดียว

เพราะไม่เพียงจะสร้างความยืดหยุ่นให้กับบริษัทในด้านการเช่าสถานที่ต่าง ๆ แต่บริษัทยังสามารถจ้างพนักงานที่มีความสามารถสูงตามต่างจังหวัดได้อย่างง่ายดาย

2. ลางานได้น้อยลง

เป็นเรื่องที่ธรรมดาในทุก ๆ ปี จะมีเหล่าไข้หวัดเล็กไข้หวัดน้อยเล็ดลอดเข้ามาในที่ทำงานไม่หยุดหย่อนเลย ทั้งที่บางบริษัทพยายามที่จะดูแลสุขอนามัยของทั้งสำนักงาน และพนักงานอย่างเต็มที่แล้ว แต่ก็ไม่พ้นกับการอาการป่วย จนทำให้พนักงานบางคนจำเป็นต้องลาหยุดเพื่อพักฟื้นร่างกายเลยทีเดียว แล้วไม่สามารถมาทำงานได้

แต่ไม่ใช่สำหรับปีนี้นะ เพราะสถานการณ์โควิดพนักงานจำเป็นต้องทำงานที่บ้านเป็นส่วนใหญ่ เลยทำให้พนักงานต้องอยู่ห่างกันมากขึ้นนั้นเอง ซึ่งก็ช่วยลดการแพร่กระจายของโรคที่ทำงานได้อย่างดีเยี่ยม จึงเป็นเรื่องปกติที่การลางานก็น้อยลงตามลำดับ

แหล่งที่มา : (beartai), (brandinside)

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ 

เคล็ดลับเพิ่มความสะดวกในการเลี้ยงลูก โดยเฉพาะในเวลาเร่งด่วน สำหรับคุณแม่ทำงาน