ใครอยากย้ายไปอยู่ที่ประเทศอื่นบ้าง คุณแม่คนไหนที่สนใจอยากพาลูก ๆ ไปคลอดและอาศัยอยู่ต่างประเทศ สามารถอ่านบทความนี้ได้ สิทธิแม่และเด็กในต่างแดน ของประเทศไหนน่าสนใจบ้าง ไปดูกันเลย
ประเทศที่คนไทยอยากไปอยู่มากที่สุด
เมื่อไม่นานมานี้ มีกลุ่มเฟสบุ๊คสำหรับคนที่อยากย้ายประเทศเกิดขึ้น และมีคนเข้าร่วมกลุ่มอย่างมากมายในเวลาอันสั้นตอนนี้ มีคนเข้าร่วมกลุ่มแล้วมากกว่า 7 แสนคน โดยสมาชิกกลุ่มส่วนใหญ่ เป็นเด็กรุ่นใหม่ วัยรุ่น และวัยทำงาน ส่วนเนื้อหาในกลุ่ม จะเกี่ยวกับการแนะนำสวัสดิการต่าง ๆ ที่พลเมืองในประเทศนั้น ๆ จะได้รับ การขอวีซ่า หรือแนะนำสายงาน และบางคนที่ย้ายไปแล้ว ก็ยังได้แชร์ประสบการณ์การอาศัยอยู่ในประเทศนั้น ๆ ซึ่งก็ทำให้คนในกลุ่มสนใจที่จะย้ายประเทศกันมากขึ้นกว่าเดิม และนี่ อาจทำให้เกิดปรากฏการณ์สมองไหล ซึ่งเป็นภาวะที่คนเก่งและฉลาด ย้ายออกนอกประเทศเพื่อไปมีชีวิตใหม่ จนอาจจะไม่หลงเหลือประชากรที่มีความสามารถอยู่เลยในที่สุด บวกกับช่วงนี้ ก็เป็นช่วงที่ประเทศไทยเริ่มเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ และมีอัตราการเกิดของเด็กน้อยลง จึงอาจทำให้เกิดปัญหาประเทศขาดแคลนประชากรได้ในอนาคต
บทความที่เกี่ยวข้อง : เที่ยวต่างประเทศ พร้อมฉีดวัคซีนฟรี เช็กเลยมีประเทศไหนบ้าง
สิทธิแม่และเด็กในต่างแดน มีอะไรบ้าง
จากการสำรวจความเห็นของสมาชิกกลุ่ม “ย้ายประเทศกันเถอะ” ผลปรากฏว่าคนส่วนใหญ่ อยากไปอยู่ประเทศสหรัฐอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย เกาหลี และญี่ปุ่น โดยประเทศต่าง ๆ เหล่านี้ ก็ล้วนให้สวัสดิการหรือสิทธิประชากรในประเทศแตกต่างกันออกไป มาดูกันว่าสิทธิของประเทศไหนน่าสนใจ หรือน่าไปอยู่กันบ้าง เผื่อว่าคุณแม่อยากจะพาน้อง ๆ ไปคลอดและไปใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นกันค่ะ
1. ประเทศสหรัฐอเมริกา
เด็ก ๆ ที่เป็นพลเมืองของสหรัฐอเมริกา หรือมีสัญชาติอเมริกา จะได้รับสิทธิที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเด็กและคุณพ่อคุณแม่เอง เช่น
- มีโอกาสได้เรียนฟรีในชั้นประถมศึกษา จนถึงชั้นมัธยมศึกษา โดยรัฐบาลจะเป็นคนออกค่าใช้จ่ายให้ และยังมีทุนการศึกษาให้กับเด็ก ๆ ด้วย
- สามารถเดินทางไปอยู่นอกประเทศ และกลับมาที่ประเทศสหรัฐเมื่อไหร่ก็ได้ที่ต้องการ ไม่กำหนดระยะเวลาที่สามารถอยู่ต่างประเทศได้
- เมื่อเด็กอายุ 21 ปี จะสามารถขอกรีนการ์ด (Green Card) ให้พ่อแม่ได้ ซึ่งกรีนการ์ดเป็นเหมือนบัตรที่รับรองว่า บุคคลนั้นไม่จำเป็นต้องขอวีซ่าอีกต่อไป สามารถทำงานและอยู่ในประเทศได้อย่างถูกกฎหมาย
- สามารถทำงานที่รัฐบาลจัดหาไว้ให้พลเมืองในประเทศได้
ซึ่งหากลูก ๆ ของคุณแม่เกิดที่สหรัฐอเมริกา ก็จะได้รับสัญชาติและได้สิทธิเหล่านี้โดยทันที ด้วยเหตุนี้ ทำให้ช่วงที่ผ่านมา มีคุณแม่จากหลาย ๆ ประเทศ พาลูกมาเกิดที่ประเทศนี้ เพื่อให้ได้สัญชาติ ซึ่งเมื่อสมัยที่โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นประธานาธิบดี ก็ได้มีการออกข้อบังคับชั่วคราว เพื่อห้ามไม่ให้หญิงท้องเดินทางเข้าประเทศ เพื่อให้ลูกตัวเองได้สัญชาติ เพราะทรัมป์กลัวจะส่งผลเสียต่อการเสียภาษีของคนในประเทศ อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ทำได้เพียงแค่ออกข้อบังคับชั่วคราว แต่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงกฎหมายรัฐธรรมนูญสูงสุดได้ ซึ่งกฎหมายสูงสุดของสหรัฐกำหนดไว้ว่า คนที่เกิดที่สหรัฐนั้น ถือว่าเป็นพลเมืองของประเทศโดยกำเนิด
2. ประเทศแคนาดา
ประเทศแคนาดา เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ให้สัญชาติกับเด็กที่เกิดในประเทศ และถือว่าเด็กเป็นพลเมืองของประเทศในทันทีที่เกิด โดยไม่จำเป็นว่าพ่อแม่ของเด็กจะมีสัญชาติไหน หรือเป็นคนประเทศอะไร หากเด็กมีสัญชาติแคนาดา เด็กจะมีสิทธิในประกันสุขภาพ สิทธิในการรักษาพยาบาล และเมื่ออายุ 65 ปีขึ้นไป ก็ยังมีสิทธิที่จะได้รับเงินบำนาญมากกว่า 7 แสนบาทต่อปี โดยที่ไม่ต้องอาศัยอยู่ในประเทศแคนาดาในขณะนั้นก็ได้ นอกจากนี้ รัฐบาลยังช่วยออกค่าใช้จ่าย ให้เด็กได้เรียนฟรีในชั้นประถมศึกษาจนจบชั้นม.ปลาย ซึ่งประเทศแคนาดา ก็เป็นประเทศที่ระบบการศึกษาดีติดอันดับโลก และมีระบบสาธารณะสุขที่ดีอีกด้วย
ทั้งนี้ ผู้ที่เป็นพลเมืองของแคนาดา ก็ยังมีสิทธิในการจ่ายค่าเทอมระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอกที่ถูกกว่าปกติ เมื่อเทียบกับนักเรียนต่างชาติ และก็ยังสามารถขอทุนการศึกษาได้ด้วย
3. ประเทศออสเตรเลีย
ออสเตรเลีย เป็นประเทศที่ให้สัญชาติกับเด็กที่เกิดในประเทศ โดยที่พ่อแม่เด็กไม่จำเป็นจะต้องมีสัญชาติออสเตรเลียมาก่อน ซึ่งผู้ที่ได้สัญชาติออสเตรเลีย จะได้สิทธิ ดังนี้
- ได้เงินสนับสนุนตอนที่เรียนหนังสืออยู่ โดยรัฐจะออกค่าเล่าเรียนให้เต็มจำนวนเมื่อเด็กเข้าเรียนในชั้นอนุบาล แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องเข้าโรงเรียนของรัฐเท่านั้น
- คุณพ่อคุณแม่ มีสิทธิได้รับค่าเลี้ยงดูบุตรจากรัฐ โดยรัฐจะพิจารณาจากรายได้รวมของครอบครัว
- หากเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ก็จะได้รับเงินช่วยเหลือเพิ่มขึ้นด้วย
- มีสิทธิเดินทางไป 181 ประเทศโดยไม่ต้องใช้วีซ่า รวมทั้งยังสามารถใช้ชีวิต เดินทาง ทำงานในนิวซีแลนด์ได้โดยไม่มีข้อจำกัดใด ๆ
- ได้เงินเยียวยาหากเกิดอุบัติเหตุจนพิการ หรือป่วยจนไม่สามารถทำงานได้
- ได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐ ในกรณีที่ตกงาน
- มีสิทธิที่จะใช้ชีวิตในประเทศออสเตรเลียไปตลอดชีวิต
- สามารถเข้ารับการเลือกตั้งในประเทศได้
- มีสัญชาติได้หลายสัญชาติ
ซึ่งสิทธิประโยชน์บางอย่าง ต้องผ่านการพิจารณาจากรัฐอีกที หากเด็กเกิดมาแล้ว แต่คุณแม่ยังสนใจที่จะพาน้อง ๆ ย้ายไปอยู่ที่ออสเตรเลีย ก็สามารถขอความเป็นพลเมืองได้ โดยเด็กต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไป และคุณพ่อคุณแม่ควรมีอายุไม่เกิน 59 ปี
4. ประเทศเกาหลี
เนื่องจากว่าวงการเพลงเคป็อบ และกระแสซีรีส์ของประเทศเกาหลีใต้กำลังมาแรงในขณะนี้ คุณแม่หลาย ๆ คนก็คงอยากให้ลูก ๆ ไปเกิดและใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น ซึ่งเกาหลีใต้นั้น ก็ถือว่าเป็นประเทศที่ให้สัญชาติเกาหลีกับเด็กที่เกิดในประเทศเช่นกัน แต่ก็มีข้อแม้ว่า คุณพ่อหรือคุณแม่ของเด็กจะต้องมีสัญชาติเกาหลีด้วย หากลูก ๆ ของคุณแม่ไม่ได้เกิดที่เกาหลีใต้ตั้งแต่เเรกก็ไม่ต้องเสียใจไป เพราะเกาหลีใต้กำลังร่างกฎหมายใหม่ เพื่อที่จะให้สัญชาติกับนักศึกษาจากต่างประเทศที่ไปเรียนที่เกาหลีใต้ แม้จะไม่ได้เกิดในเกาหลีใต้ แต่เด็ก ๆ ก็สามารถขอสัญชาติได้หลังเรียนจบ เพื่อให้กลายเป็นพลเมืองคนหนึ่งของประเทศ เพราะในขณะนี้ อัตราการเกิดของเด็กในเกาหลีใต้ลดลงอย่างมาก รัฐบาลจึงเล็งเห็นว่า ควรเปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติที่เข้ามาเรียนในประเทศ ได้ทำงานในเกาหลีใต้หลังเรียนจบ เพื่อช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมแรงงานในประเทศ
ซึ่งบุคคลที่มีโอกาสได้สัญชาติเกาหลี ได้แก่คนที่มีชื่อเสียงที่โดดเด่น เคยดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือในองค์กรดังระดับประเทศ เคยได้รับรางวัลระดับชาติ มีผลงานทางวิชาการที่โดดเด่น เก่งกีฬา เป็นเจ้าของธุรกิจระดับประเทศ รวมทั้งคนที่ทำอาชีพเกี่ยวกับเทคโนโลยี และทำงานเฉพาะสายด้านกฎหมาย หรือการแพทย์ หากคุณแม่คนไหนที่กำลังตั้งท้องเตรียมคลอดน้องที่ประเทศเกาหลีอยู่แล้ว ก็จะได้รับสิทธิด้านการรักษาพยาบาล เช่น
- คุณแม่มีสิทธิขอลดชั่วโมงการทำงาน เพื่อกลับไปเลี้ยงลูกที่บ้านได้
- คุณแม่มีโอกาสเข้ารับวิตามิน เพื่อเสริมแร่ธาตุและสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายขณะที่ตั้งครรภ์
- คุณแม่จะได้เข้ารับการอบรมเพื่อเตรียมพร้อมการให้กำเนิดบุตร
- คุณแม่จะได้ตรวจสุขภาพก่อนที่จะคลอดฟรี
5. ประเทศญี่ปุ่น
ประเทศญี่ปุ่น เป็นอีกหนึ่งประเทศที่คนไทยชอบไปเที่ยว แถมคนญี่ปุ่นยังมีระเบียบในการใช้ชีวิตเป็นอย่างมาก หากอยากพาลูกไปอยู่ที่ญี่ปุ่น สามารถขอเปลี่ยนสัญชาติได้ แต่กฎหมายของญี่ปุ่นไม่อนุญาตให้ถือสัญชาติสองสัญชาติ หากอยากได้สัญชาติญี่ปุ่น และได้สิทธิตามพลเมืองในประเทศจริง ๆ ก็อาจจะต้องสละสัญชาติไทย แต่การขอสัญชาติญี่ปุ่นนั้น มีขั้นตอนที่ยุ่งยากอย่างมาก ซึ่งก็มีอีกวิธีหนึ่ง ที่ทำให้อยู่ในประเทศญี่ปุ่นได้นานขึ้น ซึ่งก็คือการขอวีซ่าพำนักถาวรในประเทศนั่นเอง
เด็กที่อยู่ในประเทศญี่ปุ่น จะได้รับการดูแลคุ้มครองในเรื่องการใช้ชีวิต แถมหากต้องเข้าโรงพยาบาล ก็ไม่ต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลที่แพง ๆ รวมทั้งเมื่อเข้าโรงเรียน ก็จะมีกิจกรรมเชิงวัฒนธรรมให้ได้เรียนรู้อีกมากมาย อีกทั้งยังมีอาหารกลางวันที่ดี มีประโยชน์ และราคาถูกให้ได้รับประทานกัน เพราะมีนักโภชนาการคอยดูแลอยู่เสมอ
อย่างไรก็ตาม สิทธิพลเมืองของแต่ละประเทศ สามารถแตกออกไปยิบย่อยได้อีก และมีรายละเอียดให้ศึกษาอยู่มากมาย หากคุณแม่อ่านบทความนี้แล้วรู้สึกสนใจประเทศไหนเป็นพิเศษ ก็สามารถไปศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมต่อได้ ซึ่งที่ผ่านมา พ่อแม่หลาย ๆ คู่ เลือกที่จะย้ายไปอยู่ต่างประเทศ และมีลูกที่นั่น เพื่อให้ลูกมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น หากคุณแม่คนไหนกำลังคิดเรื่องย้ายประเทศอยู่แล้ว ก็ควรศึกษาข้อมูลและกฎหมายของประเทศนั้นให้ดี หากต้องการย้ายไปประเทศไหน ก็ควรเข้าไปอย่างถูกกฎหมายจึงจะดีที่สุดนะคะ
บทความที่เกี่ยวข้อง :
สิทธิลาคลอด การเลี้ยงดูลูกของสวีเดน VS ไทย ทำไมต่างกันขนาดนี้!!
อังกฤษ เป้าหมายแรกของคนไทยที่เลือกจะไป เรียนต่อต่างประเทศ
อยากเที่ยวต่างประเทศทั้งครอบครัว ไปไหนดี
ที่มา : bbc , matichon , voathai , lifestyle.campus-star , bangkokbiznews , dek-d , 7 , scholarship , 9 , liveinkorea , cpinternational , allabout-japan, 13 , 14