ผู้ปกครองคนไหน อยากให้ลูกผิวขาว บ้างตอนนี้ ? ผิวของลูกแปรผันมาจากพันธุกรรม จะคล้ำ หรือจะขาว จึงอาจมีข้อจำกัด แต่การทำให้ผิวของลูกน้อยดูมีสุขภาพดีนั้น ไม่ได้มีข้อจำกัดใด ๆ สามารถทำให้ลูกน้อยได้ตั้งแต่ตอนนี้ รักษาผิวของทารกก่อน โตไปจะยิ่งผิวสวย ดังนั้นอย่ารอช้า
อยากให้ลูกผิวขาว อ่านตรงนี้ก่อนว่าเป็นไปได้ไหม
เชื่อว่าผู้ปกครองหลายคน อาจกำลังมองหาวิธีที่จะทำให้ลูกมีผิวพรรณที่ขาวมากขึ้น ไม่ว่าจะเพราะอะไรที่ทำให้ผู้ปกครองคิดแบบนั้น อาจต้องมีความคำนึงถึงที่มาของสีผิวลูกด้วย ในกรณีที่คุณพ่อ และคุณแม่มีผิวที่ไม่ได้ขาวอยู่แล้ว ก็มีโอกาสที่ลูกจะมีสีผิวที่ไม่ขาวเหมือนกัน หรือที่เราเรียกว่าการสืบทอดลักษณะสีผิวผ่านทางพันธุกรรม ดังนั้นสีผิวคล้ำ จึงเป็นสีที่เป็นธรรมชาติของลูกรัก อาจไม่สามารถทำให้ขาวขึ้นได้แบบคนที่มีผิวขาว ยกเว้นกรณีที่ใช้สารเคมี ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง และเราก็ไม่แนะนำเช่นกัน อย่างไรก็ตามยังสามารถบำรุงผิวให้ลูกมีผิวพรรณที่เรียบเนียน สวยงาม ดูสุขภาพดีขึ้นได้อยู่
แต่ถ้าหากลูกเป็นคนผิวขาวจากพันธุกรรมตั้งแต่เป็นทารกแล้ว แต่อาจเพราะลูกชอบเล่นนอกบ้าน หรืออยู่ในวัยเรียนที่ชอบเล่นกลางแจ้ง จนทำให้ผิวเสีย ดูหมองคล้ำผิดปกติ กรณีนี้ผิวสามารถกลับมาขาวได้ ด้วยการบำรุง และฟื้นฟูผิว รวมถึงดูแลรักษาสภาพผิว ซึ่งต้องใช้วิธีที่เหมาะสม เพราะผิวของเด็กนั้น แตกต่างกับผู้ใหญ่ เราจึงแนะนำวิธีตามธรรมชาติ ที่เป็นมิตรกับเด็กดีกว่า
บทความที่เกี่ยวข้อง : อยากให้ลูกผมตรง มีวิธีไหนบ้าง เด็กยืดผมได้ไหม ?
วิดีโอจาก : พี่กัลนมแม่ Pekannommae mother and child care
4 อาหารที่ช่วยให้ผิวลูกสวยแข็งแรงตั้งแต่หลังคลอด
อยากช่วยให้ผิวพรรณของลูกดี สามารถหาอาหารที่มีสารอาหารช่วยบำรุงผิวพรรณมาทานตั้งแต่ตอนตั้งครรภ์ เพื่อให้ลูกได้รับสารอาหารเหล่านั้นไปบ้าง ตัวอย่างเช่น
- มะพร้าว : ในมะพร้าวมีวิตามินบี, แคลเซียม, โพแทสเซียม, เหล็ก กรดอะมิโน และฮอร์โมนเอสโตรเจนสูง สารอาหารเหล่านี้มีส่วนช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนของผิวหนัง และช่วยสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย ซึ่งจะส่งผลมากที่กับคุณแม่ตั้งครรภ์ และสารอาหารเหล่านี้ยังมีประโยชน์ต่อทารกในครรภ์อีกด้วย
- ปลา : หากแม่ท้องเลือกกินปลาได้อย่างถูกต้อง ในเนื้อปลามีสารอาหารที่เป็นประโยชน์เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะโปรตีนที่ถือว่าสูง และยังมีโอเมก้า 3 และโอเมก้า 6 ที่ช่วยในเรื่องพัฒนาการของทารกในครรภ์ให้เป็นไปตามวัย และช่วยให้คุณแม่ผิวพรรณดีขึ้นด้วย
- ธัญพืชชนิดต่าง ๆ : ธัญพืชสามารถช่วยให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันมากขึ้น โดยเฉพาะการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ช่วยต่อต้านแบคทีเรีย มีผลทำให้ผิวมีความแข็งแรง สามารถรับมือกับสภาพอากาศต่าง ๆ ได้ดี
- ผลไม้รสเปรี้ยว : ทั้งมะนาว, ส้ม, บลูเบอร์รี, สับปะรด หรือสตรอว์เบอร์รี เป็นต้น ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวเหล่านี้ มีวิตามินซีสูง และกรด AHA ที่ช่วยบำรุงผิวได้โดยตรง ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนทำให้ผิวสวย ชุ่มชื้น อีกทั้งยังช่วยทำให้สีผิวสม่ำเสมออีกด้วย
สารอาหารเหล่านี้ที่ได้จากการทานอาหารที่เราแนะนำไป จะส่งผลต่อคุณแม่มากกว่าทารกในครรภ์แน่นอน สิ่งที่จะได้เห็น คือ ผิวพรรณของคุณแม่ที่ดูดีขึ้น แต่คุณแม่ท้องอย่าลืมว่า สารอาหารที่คุณแม่ได้รับ จะส่งต่อไปให้ทารกในครรภ์ด้วยเหมือนกัน ถือเป็นการบำรุงให้ลูกน้อยตั้งแต่อยู่ในครรภ์กันเลย

6 วิธีช่วยให้ลูกมีผิวสวยใสเป็นธรรมชาติ
เมื่อทารกคลอดออกมาแล้ว ยังมีวิธีที่จะช่วยดูแลผิวของทารกน้อย ให้มีความสดใสชุ่มชื้น ดูสุขภาพดีได้ด้วย สำหรับทารกที่มีผิวคล้ำ อาจช่วยให้ผิวดูเรียบเนียนสวยงามได้เช่นกัน โดยวิธีที่จะทำนั้นไม่ยาก สามารถทำได้ ดังนี้
1. อาบน้ำให้ลูกต้องถูกวิธี
คุณพ่อคุณแม่ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สบู่ และแชมพูที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ ปลอดสารเคมี เพื่อเลี่ยงอันตรายที่อาจเกิดกับผิวของทารก และไม่ควรใช้สบู่ต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย เนื่องจากอาจมีส่วนผสมที่รุนแรงมากเกินไปต่อผิวทารกที่บอบบางกว่าผู้ใหญ่ ควรใช้น้ำอุ่นในการอาบน้ำให้ลูก และหลังจากอาบน้ำเสร็จแล้ว ให้เช็ดตัวลูกให้แห้งในห้องที่มีอุณหภูมิอบอุ่น ไม่ควรเช็ดในห้องแอร์ และไม่ควรนำลูกไปไว้หน้าพัดลม เพราะจะทำให้ลูกน้อยไม่สบายได้
2. อย่าให้ลูกมีผิวแห้ง
หากพบว่าทารกมีผิวแห้ง ช่วงแรกควรใช้วิธีถูตัวทำความสะอาดผิวของลูก โดยใช้น้ำเปล่า 2 – 3 ครั้ง / สัปดาห์ สามารถช่วยทำให้ผิวลูกสะอาด และยังทำให้ผิวของลูกน้อยคงความชุ่มชื้นเอาไว้ได้ นอกจากนี้ยังควรหลีกเลี่ยงการอาบน้ำบ่อย ๆ เนื่องจาก การอาบน้ำบ่อย ๆ อาจทำให้ผิวหนังแห้ง และดูหมองคล้ำได้ นอกจากนี้ยังสามารถแก้ไขผิวแห้งเสียได้ด้วยการผลิตภัณฑ์บำรุงผิวจากธรรมชาติ เช่น น้ำมันมะพร้าว เป็นต้น อย่างไรก็ตามควรปรึกษาแพทย์ก่อนในการเลือกซื้อ
3. ระวังการสัมผัสแดดก่อนอายุ 6 เดือน
ช่วง 6 เดือนแรก ที่ทารกควรกินนมแม่ มีอะไรมากกว่าที่คิด เนื่องด้วยช่วงนั้นเป็นช่วงที่ทารกกำลังมีพัฒนาการจากช่วงหลังคลอดอย่างต่อเนื่อง และร่างกายจะพร้อมมากขึ้นหลังจากผ่านไป 6 เดือน รวมถึงสภาพของทารกที่อาจเป็นอันตราย ส่งผลเสียได้ หากสัมผัสแดดแรง ๆ โดยตรง โดยไม่มีอะไรปิดกั้น ดังนั้นก่อนที่ลูกจะอายุ 6 เดือน หากต้องการพาลูกออกไปข้างนอก สามารถป้องกันผิวของลูกจาก สภาพอากาศประเทศไทยที่เป็นเมืองร้อนได้ ด้วยการให้ลูกสวมใส่เสื้อผ้าที่มีแขนยาว ขายาว และสวมหมวก พยายามเลือกเนื้อผ้าที่นุ่มสบาย สะอาด และระบายอากาศได้ดีด้วย

4. ฝึกให้ลูกดื่มน้ำผลไม้
เด็กบางคนอาจโตมาแล้วไม่ชอบกินผลไม้ แต่โชคร้ายที่ผลไม้มีประโยชน์ และคุณค่าทางสารอาหารมากมายเกินกว่าจะเบือนหน้าหนีได้ ผู้ปกครองจึงควรฝึกให้ลูกกินผลไม้ตั้งแต่ลูกยังเล็ก เพื่อสร้างนิสัยในการกินผลไม้ ซึ่งส่งผลดีโดยตรงต่อผิวพรรณของลูก โดยสามารถฝึกจากการให้ลูกกินน้ำผลไม้ หลังจากผ่านช่วง 6 เดือนแรกหลังคลอดไปแล้ว น้ำผลไม้ที่ได้ผลดีจากการบำรุงผิว เช่น น้ำส้ม, น้ำองุ่น หรือน้ำแอปเปิล เป็นต้น
5. ใช้การนวดน้ำมันอะโรมา
ผู้ปกครองสามารถเลือกใช้น้ำมันอุ่น ๆ ในการนวดผิวลูก เช่น น้ำมันมะกอก หรือ น้ำมันอัลมอนด์ เป็นต้น น้ำมันเหล่านี้จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวลูก ทำให้ผิวลูกดูมีสุขภาพดี ช่วยปรับสมดุลของสภาพผิว และช่วยให้ผิวของลูกน้อยดูเนียนนุ่มเป็นธรรมชาติด้วย
6. ใช้ครีมบำรุงผิวสำหรับเด็ก
ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวสำหรับเด็ก หากต้องการหามาใช้งาน สามารถหาได้ไม่ยากตามท้องตลาด อาจเป็นวิธีที่ผู้ปกครองบางคน อาจลืมไปแล้วว่าก็มีส่วนสำคัญต่อผิวของลูกด้วยเช่นกัน เรื่องสภาพผิวไม่ต้องรอให้เด็กโตก่อนแล้วค่อยใช้ครีมก็ได้ เพียงแต่ก่อนตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์ตัวไหน ควรอ่านฉลากบนสินค้าให้ดีก่อนว่า เหมาะกับสภาพผิวแบบไหน ใช้ได้กับสภาพผิวที่แพ้ง่ายหรือเปล่า ผลิตมาจากส่วนผสมของธรรมชาติหรือไม่ หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทุกครั้งก่อนซื้อ เป็นต้น
การบำรุงผิวให้ลูกไม่ต้องรอจนลูกโต เพราะเด็กเล็กจำเป็นต้องได้เล่นและเรียนรู้ บางครั้งอาจต้องลองฝึกวิ่ง ฝึกเดินให้คล่องไม่ว่าจะในบ้าน หรือสวนสาธารณะ ผิวของลูกต้องสัมผัสสิ่งต่าง ๆ มากมาย การดูแลผิวของลูกจึงควรให้ความสำคัญมากกว่าคำว่าผิวจะขาวขึ้นหรือไม่
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
อยากให้ลูกเป็นหมอ พ่อแม่อย่าพลาดลืมทำ 6 ข้อนี้เด็ดขาด !
อยากให้ลูกสูง 180 เป็นไปได้ไหมถ้าพ่อแม่ไม่สูง พร้อมสูตรทำนายส่วนสูงลูก
อยากให้ลูกอ้วน รวมวิธีเพิ่มน้ำหนัก เมื่อลูกผอมเกินไป
ที่มา : 1, 2
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!