เหตุการณ์สะเทือนใจนี้เกิดขึ้นกับครอบครัวหนึ่งในประเทศจีน เมื่อหลานชายวัย 6 เดือน หลับเร็วผิดสังเกต เพียงแค่ยายอุ้มกล่อม ซึ่งต่างจากเวลาที่แม่เป็นผู้อุ้ม สิ่งนี้ทำให้ลุงของเด็กชายคนดังกล่าวรู้สึกผิดสังเกต จึงรีบพาส่งโรงพยาบาลทันที โดยแพทย์วินิจฉัยพบว่า เด็กมีอาการ Shaken Baby Syndrome หรือ ภาวะสมองได้รับความกระทบกระเทือนจากการถูกเขย่า ซึ่งเป็นอันตรายร้ายแรงถึงชีวิต แพทย์เผยว่าการที่คุณยายเขย่าทารกแรกเกิดอย่างแรงเพื่อกล่อมทารกให้นอนหลับส่งผลให้เด็กมีอาการนี้ โชคดีที่ตรวจพบอาการของทารกได้ทันท่วงที และอาการไม่รุนแรงทำให้ฟื้นตัวได้ง่ายขึ้น
ขอบคุณที่มา : sanook.com
โรคทารกถูกเขย่า คืออะไร
Shaken Baby Syndrome หรือ ภาวะสมองได้รับความกระทบกระเทือนจากการถูกเขย่า หรือโรคทารกถูกเขย่า เกิดขึ้นเมื่อทารกหรือเด็กเล็กถูกเขย่าอย่างรุนแรง ส่งผลให้สมองของเด็กเคลื่อนที่ไปมาภายในกะโหลกศีรษะ เกิดการกระทบกระเทือน บวม ช้ำ เลือดออก ส่งผลร้ายแรงต่อสมองและระบบประสาท อาจถึงขั้นเสียชีวิต
สาเหตุของโรค
- การเขย่าเด็กอย่างรุนแรง: มักเกิดจากพ่อแม่ ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลเด็ก รู้สึกโกรธ หงุดหงิด ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ จึงลงโทษเด็กด้วยการเขย่า
- การโยนเด็กเล่น: อาจเกิดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ คิดว่าเป็นการเล่นกับเด็ก
- การกระแทกศีรษะ: อาจเกิดจากอุบัติเหตุ เช่น เด็กตกจากที่สูง ถูกของแข็งกระแทกศีรษะ
การรักษาโรค
แพทย์จะวินิจฉัยโรคจากประวัติการเจ็บป่วย อาการ ตรวจร่างกาย และอาจใช้การตรวจเพิ่มเติม เช่น เอ็กซเรย์สมอง ซีทีสแกน ตรวจเลือด ซึ่งการรักษาจะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ แพทย์อาจรักษาโดยให้ยา ผ่าตัด หรือประคับประคองอาการ
สัญญาณเตือนของ โรคทารกถูกเขย่า
- หลับป๊อกเร็วผิดสังเกต
- ซึมลง ไม่ร่าเริง
- อาเจียน
- เบื่ออาหาร
- ชัก
- หายใจลำบาก
- กระหม่อมตึง
- เลือดออกใต้ผิวหนังบริเวณตา
หากพบสัญญาณเตือนเหล่านี้ ควรรีบพาเด็กไปพบแพทย์ทันที
การป้องกัน โรคทารกถูกเขย่า
- พ่อแม่ ผู้ปกครอง และผู้ดูแลเด็ก ควรเรียนรู้วิธีการกล่อมเด็กให้นอนหลับอย่างถูกวิธี หลีกเลี่ยงการเขย่าเด็ก
- เมื่อรู้สึกโกรธหรือหงุดหงิด ควรหาทางผ่อนคลาย แทนที่จะลงโทษเด็กด้วยความรุนแรง
- ขอความช่วยเหลือจากคนรอบข้าง เมื่อรู้สึกควบคุมอารมณ์ไม่ได้
- เรียนรู้สัญญาณเตือนของโรคทารกถูกเขย่า และรีบพาเด็กไปพบแพทย์ทันทีหากพบสัญญาณเหล่านี้
โรคทารกถูกเขย่า เป็นปัญหาที่ร้ายแรง ส่งผลร้ายแรงต่อเด็กทั้งร่างกายและสมอง อาจถึงขั้นเสียชีวิต การป้องกันที่ดีที่สุดคือ ความรู้ ความเข้าใจ และการควบคุมอารมณ์ของผู้ใหญ่ที่ดูแลเด็ก
อุ้มลูกแบบไหนถึงจะถูกวิธี
การอุ้มลูกให้ถูกวิธีนั้น มีความสำคัญต่อสุขภาพและพัฒนาการของลูกน้อย โดยเฉพาะในช่วงวัยทารกแรกเกิดที่กระดูกคอและกล้ามเนื้อหลังยังไม่แข็งแรง
ท่าอุ้มลูกที่ปลอดภัยและดีต่อลูกน้อย
- ท่าอุ้มแนบหน้าอก (Football hold): ท่านี้เหมาะสำหรับทารกแรกเกิด ช่วยให้ศีรษะ คอ และลำตัวของลูกอยู่ในแนวตรง รองรับด้วยมือและแขนทั้งสองข้าง ประคองศีรษะและคอด้วยมือข้างหนึ่ง อีกข้างหนึ่งรองรับลำตัวและสะโพก
- ท่าอุ้มคว่ำแขน (Tummy time): ท่าวางลูกนอนคว่ำบนแขนข้างหนึ่ง ประคองศีรษะและคอด้วยมือข้างนั้น อีกข้างหนึ่งรองรับลำตัวและสะโพก
- ท่าอุ้มนั่งตัก: เมื่อลูกเริ่มโตขึ้นสามารถอุ้มนั่งตักได้ วางลูกให้นั่งบนตัก ประคองลำตัวด้วยแขนทั้งสองข้าง
ข้อควรระวังเมื่อต้องอุ้มทารก
ทารกแรกเกิดและทารกเล็กมีความบอบบางเป็นพิเศษ ร่างกายยังพัฒนาไม่สมบูรณ์ โดยเฉพาะกระดูกคอและกล้ามเนื้อหลังที่ยังไม่แข็งแรง การอุ้มทารกจึงต้องทำด้วยความระมัดระวัง เพื่อป้องกันอันตรายต่อสุขภาพและพัฒนาการของลูกน้อ
- ประคองศีรษะและคอของลูกเสมอ: โดยเฉพาะทารกแรกเกิดที่ยังชันคอไม่ได้ ควรใช้มือประคองศีรษะและคอไว้ตลอดเวลา เพื่อป้องกันไม่ให้ศีรษะของลูกก้มหรือหงายจนเกินไป
- รองรับน้ำหนักตัวของลูกให้กระจายทั่วทั้งแขน: ไม่ควรอุ้มลูกด้วยการจับแค่ที่แขน ขา หรือบริเวณใดบริเวณหนึ่ง ควรใช้แขนทั้งสองข้างรองรับน้ำหนักตัวของลูกให้กระจายทั่ว
- อุ้มลูกในท่าที่ถูกต้อง: ท่าอุ้มลูกที่เหมาะสมจะช่วยรองรับสรีระของลูกน้อยได้อย่างถูกต้อง ท่าอุ้มยอดนิยม ได้แก่ ท่าอุ้มแนบหน้าอก ท่าอุ้มคว่ำแขน และท่าอุ้มนั่งตัก
- หลีกเลี่ยงการเขย่าหรือกระแทกตัวลูก: การเขย่าหรือกระแทกตัวลูกอย่างรุนแรง อาจส่งผลร้ายแรงต่อสมองและระบบประสาทของลูก
- สังเกตอาการผิดปกติของลูก: หลังจากอุ้มลูกแล้ว ควรสังเกตอาการผิดปกติของลูก เช่น อาเจียน ซึมลง ไม่ร่าเริง หายใจลำบาก หากพบอาการผิดปกติ ควรรีบพาไปพบแพทย์ทันที
ท่าอุ้มลูกที่ควรหลีกเลี่ยง
- อุ้มลูกด้วยการจับที่แขนหรือขา: อาจทำให้ข้อต่อของลูกบิดเบี้ยว
- อุ้มลูกโดยไม่ประคองศีรษะและคอ: อาจทำให้ศีรษะของลูกก้มหรือหงายจนเกินไป ส่งผลต่อกระดูกคอ
- อุ้มลูกในท่านอนคว่ำ: อาจทำให้ลูกหายใจลำบาก
- อุ้มลูกด้วยมือข้างเดียว: อาจทำให้ลูกเสียการทรงตัว
โรคทารกถูกเขย่า เป็นปัญหาที่ร้ายแรง ส่งผลร้ายแรงต่อเด็กทั้งร่างกายและสมอง และอาจถึงขั้นเสียชีวิต การป้องกันที่ดีที่สุดคือ ความรู้ ความเข้าใจ และการควบคุมอารมณ์ของผู้ใหญ่ที่ดูแลเด็ก และการอุ้มลูกอย่างถูกวิธี ก็เป็นสิ่งสำคัญที่พ่อแม่ ผู้ปกครอง และผู้ดูแลเด็กทุกคนควรเรียนรู้ เพื่อป้องกันอันตรายต่อสุขภาพและพัฒนาการของลูกน้อย
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
อุ้มลูกให้ถูกท่า ทำอย่างไร / 100 สิ่งที่คุณแม่หลังคลอดต้องรู้ ตอนที่ 62
รักต้องอุ้ม อุ้มลูกบ่อยๆ อย่าไปกลัวลูกติดมือ ให้ลูกติดสิดี ถ้าลูกไม่ยอมให้แม่อุ้มซิ..ใจหาย
คุณหมอเตือน! อุ้มลูกผิดวิธี ระวังลูกข้อหลุด และกระดูกเสื่อม