แม่โพสต์ถาม ลูกแพ้การบ้าน เปิดสมุดทีไรตาบวมทุกที ลูกใครเป็นบ้าง?

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคมที่ผ่านมา คุณแม่ชาวจีนท่านหนึ่งได้โพสต์เล่าเรื่องราวสุดแปลกของลูกชายวัยประถมว่าลูกของเธอมีอาการ ลูกแพ้การบ้าน ทุกครั้งที่เปิดสมุดทำการบ้าน ลูกชายจะมีอาการตาบวมแดงเหมือนลูกวอลนัท หรี่ตาจนเหลือเพียงช่องว่างเล็ก ๆ มองเห็นคำศัพท์ที่จะเขียนไม่ชัดเจน และด้วยอาการของลูกชายทำให้คุณแม่รายดังกล่าวไม่กล้าที่จะปล่อยให้เขาทำการบ้านต่อ และคุณแม่ไม่รู้จะอธิบายกับครูอย่างไร จึงตัดสินใจโพสต์บันทึกภาพดวงตาที่บวมของลูกและโพสต์วิดีโอดังกล่าวทางออนไลน์ โดยถามผู้ปกครองคนอื่น ๆ ว่าลูก ๆ ของพวกเขาเคยประสบสถานการณ์คล้าย ๆ กันนี้หรือไม่

ทางด้านผู้ปกครองรายหนึ่งได้ให้ความเห็นว่า “ทุกครั้งที่ตนสอนการบ้านลูก ลูกจะมีอาการคันตา และมักจะขยี้ตาจนแดงและบวม ซึ่งภายหลังตนได้สอบถามลูก เขาก็สารภาพว่าจริง ๆ แล้วไม่อยากทำการบ้าน เลยแกล้งทำเป็นคันตาและขยี้ตาจนตาแดงและบวมเพื่อไม่ต้องทำการบ้าน”

แต่อย่างไรก็ตาม การพยายามขยี้ตาจนแดงและบวม กลับเป็นเรื่องยากมากที่จะทำให้ดวงตาบวมเหมือนเด็กชายคนดังกล่าว

ซึ่งผู้ปกครองบางคนยังให้ความเห็นที่ต่างออกไป โดยกล่าวว่า หนังสือที่พิมพ์ใหม่บางเล่มอาจมีสารพิษระเหยได้มากมาย หากเด็กมีสภาพร่างกายที่บอบบาง ซึ่งการได้รับสารเป็นเวลานานอาจก่อให้เกิดอันตรายได้

สุดท้ายแล้ว ก็ยังไม่มีการยืนยันว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นั้นเกิดจากการไม่อยากทำการบ้านของเด็ก หรือเกิดจากอาการแพ้หมึกจริง ๆ แต่หากเด็กมีอาการแพ้หมึกจริง ก็คงจะเป็นเรื่องที่น่าลำบากของทั้งตัวเด็กเอง และทางผู้ปกครอง

ขอขอบคุณข่าวจาก : ejan.co, sanook.com

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ภาพจาก Theo Thanh Hương (Phụ Nữ Số)

 

ลูกแพ้การบ้าน เป็นไปได้จริงไหม ?

กรณีเด็ก “แพ้การบ้าน” ที่มีอาการตาบวมแดงทุกครั้งที่ทำการบ้านนั้น เป็นไปได้ทั้งสองแบบ ดังนี้

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

1. แพ้จริง

  • แพ้สารเคมี: สมุดการบ้าน หมึกพิมพ์ หรืออุปกรณ์การเรียนบางชนิดอาจมีสารเคมีที่เด็กแพ้ ส่งผลให้เกิดอาการคัน ระคายเคือง ตาบวมแดง
  • แพ้ฝุ่นละออง: บนสมุดการบ้านหรือโต๊ะทำงานอาจมีฝุ่นละอองสะสม เด็กที่มีภูมิแพ้ฝุ่นละอองอาจมีอาการคัน ตาบวม น้ำมูกไหลเมื่อสัมผัส
  • เกิดจากความเครียด: เด็กบางคนอาจรู้สึกเครียด วิตกกังวล เมื่อต้องทำการบ้าน ส่งผลให้ร่างกายหลั่งฮิสตามีน ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการคัน ตาบวมแดง

2. แกล้งแพ้

  • หลีกเลี่ยงการบ้าน: เด็กบางคนอาจไม่อยากทำการบ้าน เลยแกล้งทำเป็นแพ้เพื่อเอาตัวรอด โดยขยี้ตาจนตาแดง บวม แสดงอาการเหมือนแพ้จริง
  • เรียกร้องความสนใจ: เด็กบางคนอาจต้องการเรียกร้องความสนใจจากพ่อแม่ เลยแกล้งทำเป็นไม่สบาย แสดงอาการแพ้ต่าง ๆ

วิธีสังเกตว่าเด็กแพ้จริงหรือแกล้งแพ้

  • สังเกตอาการ: เด็กที่แพ้จริงจะมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น คัน น้ำมูกไหล
  • สังเกตพฤติกรรม: เด็กที่แกล้งแพ้ มักมีพฤติกรรมที่ดูขัดเขิน เมื่อผู้ใหญ่จับได้
  • ลองเปลี่ยนอุปกรณ์: เปลี่ยนสมุดการบ้าน หมึกพิมพ์ อุปกรณ์การเรียน หรือลองให้เด็กทำการบ้านในสถานที่อื่น
  • พาไปพบแพทย์: หากอาการรุนแรงหรือต่อเนื่อง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยโรคที่อาจเกิดขึ้น

 

ลูกไม่อยากทำการบ้านรับมือยังไง

  • พูดคุยกับลูก: พยายามพูดคุยกับลูกอย่างใจเย็น ถามถึงสาเหตุที่แท้จริงว่าทำไมถึงไม่อยากทำการบ้าน
  • สร้างบรรยากาศการเรียนที่ดี: หาพื้นที่เงียบสงบ แสงสว่างเพียงพอ ให้เด็กมีสมาธิในการทำการบ้าน
  • แบ่งการบ้านเป็นส่วนย่อย ๆ: แบ่งการบ้านออกเป็นส่วนย่อย ๆ ให้ง่ายต่อการจัดการ
  • ให้รางวัล: เมื่อเด็กทำการบ้านเสร็จ ให้รางวัลเพื่อเป็นกำลังใจ
  • ปรึกษาคุณครู: ปรึกษาคุณครูเกี่ยวกับปัญหาการบ้านของลูก

ลูกมีอาการตาบวม เกิดจากอะไรได้บ้าง

อาการตาบวมในเด็กนั้น เกิดได้จากหลายสาเหตุ โดยสาเหตุที่พบบ่อย มีดังนี้

  • ภูมิแพ้: เป็นสาเหตุที่พบบ่อยของอาการตาบวมในเด็ก มักมีอาการคันตา น้ำตาไหล ขี้ตาเหนียวร่วมด้วย อาจเกิดจากภูมิแพ้ละอองเกสรดอกไม้ ไรฝุ่น ขนสัตว์ หรือสารเคมีต่าง ๆ
  • ภาวะเกลือในร่างกายสูงผิดปกติ: เด็กอาจมีอาการตาบวม โดยเฉพาะบริเวณเปลือกตาตอนเช้า มักเกิดจากการทานอาหารที่มีโซเดียมสูงก่อนนอน
  • โดนแมลงกัดหรือต่อย: บริเวณรอบดวงตา ทำให้เกิดอาการเปลือกตาอักเสบ บวม เจ็บ
  • โรคเกี่ยวกับดวงตา: เช่น ตากุ้งยิง ตาแดง เปลือกตาอักเสบ ท่อน้ำตาอุดตัน มักมีอาการตาบวมร่วมกับอาการอื่นๆ เช่น ตาแดง ขี้ตา ตาเจ็บ แสบตา มองไม่ชัด
  • บาดเจ็บที่ตา: เช่น เกิดอุบัติเหตุที่ตา หรือขยี้ตาแรงเกินไป ทำให้เกิดอาการตาบวม ปวดตา อาจมีเลือดออกในตา

การสังเกตอาการตาบวมในเด็ก

  • สังเกตความรุนแรงของอาการ: ตาบวมเพียงเล็กน้อย บวมแค่บางข้าง หรือบวมทั้งสองข้าง
  • สังเกตระยะเวลา: ตาบวมเป็น ๆ หาย ๆ หรือบวมตลอดเวลา
  • สังเกตอาการอื่นๆ ที่ร่วมด้วย: เช่น คันตา น้ำตาไหล ขี้ตา ตาแดง ปวดตา แสบตา มองไม่ชัด มีไข้ ปวดศีรษะ
  • สังเกตสาเหตุ: เด็กอาจมีประวัติการแพ้ โดนแมลงกัดหรือต่อย มีโรคประจำตัว ทานยาบางชนิด หรือมีพฤติกรรมขยี้ตาบ่อย

การรักษาอาการตาบวมในเด็ก

การรักษาอาการตาบวมในเด็กนั้น ขึ้นอยู่กับสาเหตุ ส่วนมากอาการจะหายเองภายใน 1-2 สัปดาห์ แต่สามารถประคบเย็น เช็ดน้ำตา หลีกเลี่ยงการขยี้ตา และรักษาตามสาเหตุที่แท้จริง เช่น ให้ยาแก้แพ้ ยาหยอดตา หรือยาปฏิชีวนะ แต่หากมีอาการอาการรุนแรงควรรีบพาลูกไปพบแพทย์ทันที อย่างไรก็ตาม หากเด็กมีอาการตาบวม ก็ไม่ควรปล่อยไว้ ควรพาไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรับการรักษาที่ถูกต้อง

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

ท้ายที่สุดแล้ว ถึงแม้เรื่องนี้ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ ว่าสาเหตุจริง ๆ ของอาการตาบวมเกิดจากอะไร แต่ก็เป็นเรื่องที่ควรจะใส่ใจ โดยผู้ปกครองควรสังเกตอาการของลูกอย่างใกล้ชิด หากพบว่าลูกมีอาการแพ้จริง ควรพาไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรักษาอย่างถูกต้อง

ขอขอบคุณภาพจาก : เพจ อีจัน, Theo Thanh Hương (Phụ Nữ Số)

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :

ลูกเป็นโรคคาวาซากิ ไข้ไม่ลด ซึม ผื่นขึ้น ตาบวมแดง อาการแบบนี้ใช่เลย

ร้องไห้ ตาบวม ทำยังไงดี วิธีแก้ตาบวมจากการร้องไห้ กลบให้มิดปิดให้อยู่!

ปัญหาลูกไม่ทำการบ้าน ลูกไม่ชอบทำการบ้าน เพราะอะไร วิธีแก้ปัญหาลูกไม่ทำการบ้าน

บทความโดย

watcharin