เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งข่าวที่เห็นได้บ่อยครั้ง กับกรณี สาวท้องแก่คลอดลูกบนแท็กซี่ ซึ่งมีหลายครั้งที่อาจเกิดบนสถานที่อื่น เช่น รถทัวร์ รถไฟ แต่ละครั้งก็จะมีผู้ที่รู้ข่าว เร่งรีบในการส่องตัวเลข เผื่อเป็นตัวเลขนำโชค ซึ่งคราวนี้ก็เช่นกัน
โดยเรื่องนี้เกิดขึ้นในบริเวณพื้นที่ อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ โดยเจ้าหน้าที่กู้ชีพได้รับแจ้งว่า มีโชเฟอร์ขอความช่วยเหลือเพราะ สาวท้องแก่คลอดลูกบนแท็กซี่ โดยจอดอยู่ริมถนนสายวัดคู่สร้าง-ศาลาแดง ที่เกิดเหตุพบสาวเมียนมา อายุ 24 ปี นอนอยู่ที่เบาะหลัง โดยพบเด็กทารกเพิ่งคลอด ที่ออกมาในลักษณะครึ่งตัว เจ้าหน้าที่จึงปฐมพยาบาลเบื้องต้น พร้อมประสานขอรถกู้ชีพขั้นสูง จากโรงพยาบาลพระสมุทรเจดีย์สวาทยานนท์ เพื่อเข้าช่วยเหลือทั้งแม่และเด็ก ข้อมูลเบื้องต้นทราบมาว่า เด็กทารกรายนี้เป็นเพศหญิง โดยเป็นลูกคนที่ 2 ซึ่งแม่ของเด็กน้อย พักอยู่กับสามีที่ทำงานก่อสร้าง
ด้านโชเฟอร์แท็กซี่เล่าด้วยความตื่นเต้นว่า เขาเพิ่งมาขับแท็กซี่คันนี้ ได้ประมาณ 3 เดือนเท่านั้น เพราะเพิ่งจะเกษียณจากงานประจำได้ไม่นาน ก่อนเกิดเหตุตนวิ่งรถอยู่ละแวกนั้น มีชายเมียนมารายหนึ่ง พูดไทยได้ไม่ค่อยชัด ขับมอเตอร์ไซค์มาจากแคมป์คนงาน บอกว่าให้เข้าไปรับแฟน ที่เป็นสาวท้องแก่ และช่วยพาไปโรงพยาบาลหน่อย เพราะแฟนใกล้จะคลอดแล้ว
คนขับแท็กซี่จึงได้ขับรถตามเข้าไป เพื่อไปรับสาวท้องแก่คนดังกล่าวมา โดยผู้ชายคนที่ไปเรียกตน มารู้ทีหลังว่าเป็นแฟน ก็ได้ขึ้นรถมาด้วยกัน แต่ว่าผู้ชายนั่งข้างหน้าข้าง ๆ คนขับ เมื่อขับรถไปได้สักพัก ก็ได้ยินเสียงเด็กร้องแว่ว ๆ จึงหันไปดูว่าเป็นอย่างไรบ้าง ก็พบว่าเด็กออกมาแล้วครึ่งตัว ขึงได้รีบจอดรถ เพื่อโทรแจ้ง จส.100 ขอความช่วยเหลือ เพราะไม่กล้าขับต่อด้วยตนเอง เกรงว่าจะเกิดอันตรายต่อแม่และเด็ก
หลังจากที่แจ้งขอความช่วยเหลือไป เมื่อเจ้าหน้าที่มาถึง และอยู่ในระหว่างการช่วยเหลือ ชาวบ้านที่ทราบข่าว ต่างก็แวะมาแอบส่อง พร้อมถ่ายรูปทะเบียนรถเลข 134 เก็บไว้ เพื่อนำไปเสี่ยงโชคในรอบหน้า
บทความที่เกี่ยวข้อง : สาวเมียนมา คลอดลูกฉุกเฉิน บนรถทัวร์ ชาวบ้านแห่กันส่องทะเบียนรถ!
วิธีรับมือ การคลอดลูกในรถ
1. ใจเย็นและตั้งสติ
จริงอยู่ที่ในเวลาแบบนั้น อาจจะทำให้ใครหลายคนต้องใจร้อน หรือตกใจได้อย่างแน่นอน ซึ่งไม่ใช่แค่คุณแม่ที่อุ้มท้อง อาจจะเป็นคุณพ่อที่นั่งมาด้วยกันก็ได้ ดังนั้นสิ่งสำคัญขั้นแรก นั่นก็คือการตั้งสติ และพยายามใจเย็นที่สุด
2. จอดรถข้างทาง และเปิดไฟฉุกเฉิน
หากในระหว่างทางที่เกิดเหตุ สามารถประคองรถเข้าข้างทางได้ ให้จอดข้างทางก่อนเลยค่ะ และเปิดไฟฉุกเฉินทันที พร้อมทั้งขอความช่วยเหลือ อาจจะเป็นจากคนแถวนั้น หรือรถคันข้าง ๆ ก็ได้ เพราะไม่แน่เราอาจจะเจอคุณหมอ ที่เป็นผู้ร่วมทางบนถนนก็ได้ค่ะ
3. โทรขอความช่วยเหลือ
ข้อนี้สำคัญมากค่ะ หลังจากจอดรถแล้ว ควรรีบหาเบอร์ฉุกเฉิน ที่สามารถช่วยเหลือได้ก่อนเป็นลำดับต่อไป ไม่ว่าจะเป็นเบอร์ตำรวจ กู้ภัย หรือ จส.100 ทั้งหมดสามารถขอความช่วยเหลือได้ค่ะ
4. หาผ้าที่พอจะรองใต้ตัวทารก
เพราะไม่รู้ว่าอีกนานไหม ทารกในครรภ์จะคลอดออกมา การที่หาผ้าเตรียมไว้ ไม่ว่าจะเป็นผ้าห่ม หรือเสื้อสำรอง ก็เป็นการสร้างความปลอดภัยให้เด็กได้ในระดับหนึ่ง เพราะไม่รู้ว่าระหว่างที่ความช่วยเหลือจะมาถึง ทารกอาจจะออกมาลืมตาดูโลกก็เป็นได้
5. ให้แม่ท้องอยู่ในท่าที่สบายที่สุด
ข้อนี้ไม่มีใครรู้ดีเท่าคุณแม่แล้วค่ะ ต่อให้รักรถแค่ไหน ลูกกับเมียก็ต้องมาก่อน รถค่อยไปทำความสะอาดก็ได้ แต่ภรรยาและลูกสำคัญกว่าค่ะ ท่านไหนที่คุณแม่ว่าสบายตัว ปล่อยให้เธอนั่งหรือนอนเลย อย่าไปจำกัดพื้นที่ว่าต้องนั่งดี ๆ เพราะบางทีอาจจะทำให้คุณแม่เครียด และเกิดอันตรายตามมาได้ค่ะ
6. ใช้สองมือในการรับทารก
หากความช่วยเหลือยังมาไม่ถึง แต่เด็กทำท่าจะออกมาแล้ว เมื่อคุณแม่ได้ท่าที่ปลอดภัยแล้ว ต้องเตรียมพร้อมในการรอรับทารกค่ะ อาจจะให้ผู้ที่อยู่แถวนั้น คอยช่วยรอรับทารกที่อาจจะออกมาได้ตลอดเวลา ซึ่งต้องใช้สองมือในการรับเท่านั้น เพื่อไม่ได้ทารกพลาดลงพื้น ห้ามใช้มือเดียวเด็ดขาดค่ะ !
7. ห้ามดึงทุกอย่าง
ไม่ว่าจะเป็นศีรษะ คอ หรือสายสะดือ ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ไม่ควรดึงออกมาค่ะ หากทารกออกมา ก่อนที่ความช่วยเหลือจะมาถึง ต้องค่อย ๆ ปล่อยให้ทารกออกมาเอง จากนั้นให้รีบนำทารก ไปไว้บนอกแม่ให้เร็วที่สุด พร้อมกับคลุมผ้าปิดบังสายตา
8. ปล่อยให้ถุงน้ำคร่ำหลุดเอง
หากถุงน้ำคร่ำยังไม่หลุด อย่าไปดึงค่ะ โดยปกติแล้วเป็นขั้นตอนธรรมชาติ คุณแม่อาจจะใช้เวลา 5-30 นาที ก็เป็นได้ ดังนั้นปล่อยให้มันหลุดออกมาเอง อย่าไปดึงนะคะ
9. นำส่งโรงพยาบาลทันที
ระหว่างนั้นน่าจะที่จะมีหน่วยกู้ภัย ตำรวจ หรืออาสาสมัครต่าง ๆ มาถึงกันแล้ว ให้นำตัวทั้งคู่ส่งโรงพยาบาลโดยทันทีค่ะ เพื่อความปลอดภัยของแม่และเด็ก หลังเจ้าหน้าที่เข้าถึงแล้ว ปล่อยให้เขาเป็นผู้ดูแลแทนจะดีกว่าค่ะ
จริงอยู่ที่อาจจะฟังดูไม่ยาก แต่ก็เป็นการรับมือที่ไม่ง่ายเลย หากต้องรับมือกับสถานการณ์ คลอดลูกบนรถแล้ว อันดับแรกที่ต้องไม่ลืม นั่นก็คือดึงสติก่อนค่ะ ทางที่ดีสำหรับทุกบ้าน ควรจะมีเบอร์ฉุกเฉินติดไว้ เพื่อขอความช่วยเหลือด้วยนะคะ เพราะเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่า ในอนาคตอาจจะต้องเจอกับอะไรบ้าง ดังนั้นการเตรียมพร้อม เผื่อต้องรับมือ ย่อมเป็นเรื่องที่ดีกว่าอย่างแน่นอนค่ะ !
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
คลอดลูกในรถ ไม่ยากหากเตรียมพร้อม จึงไม่แปลกที่เราควรที่จะเตรียมพร้อมรับมือ
รอดตายเพราะนั่งคาร์ซีท ! อุบัติเหตุรถคว่ำมีเด็ก 6 เดือนในรถ แต่ไม่ได้รับบาดเจ็บ
อุทาหรณ์ ! แม่ลืมลูกไว้ในรถ รู้ตัวว่าลูกหายอีกที ก็หมดสติไปแล้ว สุดท้ายช่วยไม่ทัน !
ที่มา : sanook.com