เรียกได้ว่าข่าว แม่ลืมลูกไว้ในรถ จนเป็นเหตุให้เจอเรื่องสลด เป็นอีกหนึ่งข่าวที่เห็นได้บ่อย หลายครั้งที่มีการช่วยเหลือได้ทัน แต่ก็มีเหตุสลดเยอะเช่นกัน โดยเรื่องนี้เกิดขึ้นในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ ที่เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งข่าว มีเด็กติดภายในรถยนต์ จึงได้นำกำลังเข้าช่วยเหลือ
ที่เกิดเหตุเป็นร้านขายไก่ย่างส้มตำ ริมถนนสายบุรีรัมย์-นางรอง พื้นที่ จ.บุรีรัมย์ พบรถกระบะโตโยต้าสีดำ ทะเบียน บล-3618 บุรีรัมย์ จอดอยู่ข้างร้าน บริเวณโดยรอบพบชาวบ้านจำนวนมาก กำลังพยายามช่วยเหลือ น้องกันต์ อายุ 3 ขวบ ที่อยู่ในสภาพหมดสติ หลังได้รับแจ้งเหตุ แม่ลืมลูกไว้ในรถ เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าถึงพื้นที่ หน่วยกู้ชีพจึงเข้าไปปฐมพยาบาล แล้วรีบนำตัวส่งโรงพยาบาล แต่ไม่สามารถยื้อชีวิตเอาไว้ได้ เนื่องจากขาดอากาศหายใจเป็นเวลานานเกินไป
จากการสอบถามแม่เด็กวัย 33 ปี ได้เล่าว่า ตนเองจำได้แม่นว่าอุ้มลูกลงจากรถแล้ว หลังจากนั้นไปขายของตามปกติ หันไปเห็นลูกคนโตเล่นอยู่แถวนั้นคนเดียว จึงคิดไปว่าน้องกันต์อาจจะไปเล่นกับเพื่อน ที่เคยไปเล่นด้วยกันเป็นประจำ จึงไม่ได้เอะใจอะไรมากนั้น จนเวลาผ่านไป 2 ชม. ยังไม่เห็นลูก จึงเดินไปตามที่บ้านแต่ไม่เจอ จึงรีบออกตามหา ก่อนที่จะวนมาพบว่า ลูกหมดสติอยู่ในช่วงแคปของรถ จึงให้ญาติที่อยู่ใกล้เคียงมาช่วยเหลือ แม่เด็กได้เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาสอนตลอด โดยบอกลูกทุกคนเสมอว่า ถ้าติดอยู่ในรถ แล้วออกไม่ได้ หรือไม่มีใครเปิดให้ ให้บีบแตรหลายครั้ง ให้เสียงดังที่สุด แต่ไม่รู้ว่าครั้งนี้เกิดอะไรขึ้น ทำไมลูกถึงได้ไม่บีบแตรรถดัง ๆ ตามที่เคยสอนไว้
ด้าน ร.ต.อ.อนุเปรม ทุมนานอก รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.เมืองบุรีรัมย์ เข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่าด้านแคปของรถ มีร่องรอยการอาเจียนของเด็ก และร่องรอยคล้ายรอยนิ้วมือตามกระจกรถ คาดว่าน่าจะพยายามดิ้นรน เพื่อหาทางออกเอาชีวิตรอด จึงได้ถ่ายภาพเก็บไว้เป็นหลักฐาน และจะสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป
ด้านยายของน้องกันต์ ได้เปิดเผยว่า หลังจากแม่เด็กกลับมาถึงร้าน ก็เห็นเอานมลงจากรถ และเอาเข้าไปไว้ในบ้าน ตอนนั้นยังถามอยู่เลย ว่าหลานอีกคนไปไหน เพราะเห็นหลานแค่คนเดียว แม่เด็กได้ตอบกลับมาว่า หลานปั่นจักรยานเล่น จึงไม่ได้สนใจต่อมากนัก แต่มารู้อีกที หลานก็เสียชีวิตแล้ว
ลูกติดอยู่ในรถ ฝันร้ายที่ป้องกันได้
ข่าวการสูญเสียลูกจากการติดในรถ จนเกิดเป็นข่าวเศร้าของการจากไป เป็นอุบัติเหตุที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น แต่เป็นข่าวที่ได้รับรู้อยู่โดยเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการติดอยู่ในรถโรงเรียน หรือรถยนต์ของครอบครัว ต่างก็เป็นเหตุการณ์อันตราย ที่ไม่อยากให้เกิดเรื่องนี้ขึ้น หากต้องการให้ลูกปลอดภัยจากอันตรายนี้ พ่อแม่ ผู้ปกครองต้องหมั่นใส่ใจ ตรวจตราให้รอบคอบ พร้อมกับป้องกันอยู่เสมอ และสอนให้ลูกรู้จักเอาตัวรอด หากเกิดเหตุการณ์คับขัน
รถยนต์เป็นพื้นที่ปิดสนิท ที่ทำให้อากาศหายใจค่อย ๆ ลดลงไปเรื่อย ๆ หากเด็กติดอยู่ในรถคนเดียว ยิ่งใช้เวลานานเท่าไร ก็ยิ่งเป็นอันตรายมากขึ้นเท่านั้น โดยเฉพาะการจอดรถกลางอากาศร้อน ที่อยู่ในพื้นที่โล่ง อุณหภูมิภายในรถจะสูงขึ้น จนทำให้เด็กสามารถเสียชีวิตได้ ภายใน 30 นาทีเท่านั้น หากที่ติดอยู่ในรถ เป็นเด็กอายุน้อยกว่า 3 ขวบ และยังไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ หรือในเด็กที่โตขึ้นมากแล้ว แต่ไม่รู้วิธีเอาตัวรอด ก็เสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้ไม่ต่างกัน
บทความที่เกี่ยวข้อง : พ่อลืมลูกไว้ที่ปั๊ม จอดรถแวะเข้าห้องน้ำ ไม่รู้ลูกลงรถตามไปด้วย เด็กตอบพ่อรีบไปนอน !
วิธีป้องกันเหตุเด็กติดในรถยนต์
การเริ่มต้นป้องกันที่ดี คือเริ่มจากผู้ใหญ่ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ ผู้ปกครอง ครู หรือผู้ดูแลเด็ก ต่างต้องใส่ใจและตรวจสอบให้ดี ในทุกครั้งที่มีการขึ้นลงรถ การตรวจสอบว่าเด็กลงรถหมดหรือยัง ก่อนดับเครื่องยนต์เป็นเรื่องสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นบนเบาะหรือใต้เบาะ ก็สำคัญทั้งสิ้น เพราะเด็กบางคนอาจจะตัวเล็กมาก จนอยู่ในมุมอับสายตา หรือเด็กอาจจะเผลอหลับไป ไม่ได้ตอบรับการขานชื่อ อาจกลายเป็นเหตุสลดได้ เพื่อความปลอดภัยของเด็ก คนที่คอยรับส่งเด็ก ไม่ควรเรียกเด็กแค่ชื่อ หรือชะโงกจากภายนอกอย่างเดียว แต่ควรปฏิบัติตามนี้
- เลี่ยงการให้เด็กอยู่บนรถตามลำพัง ไม่ว่าจะดับหรือติดเครื่อง หรือจะเป็นการไปทำธุระไม่นาน ก็ไม่สมควรปล่อยไว้คนเดียว เพราะมีโอกาสที่เด็กจะล็อกประตู ดับเครื่องเอง หรือเครื่องยนต์ดับ จนขาดอากาศหายใจได้
- เมื่อมีเด็กอยู่ในรถด้วย ควรระลึกไว้เสมอว่าต้องตรวจสอบให้ดี ก่อนลงจากรถทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นเหตุเร่งด่วน หรือฉุกเฉินแค่ไหน ก็ต้องตรวจตราก่อนลงรถเสมอ
- กรณีรถรับส่ง คนขับและผู้ดูแล ควรมีแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจน ตามมาตรฐานความปลอดภัย หมั่นเช็กชื่อและตรวจสอบก่อนดับรถ หรือถ่ายภาพเก็บเป็นหลักฐาน เพื่อการตรวจสอบย้อนหลังก็ได้
- หากพบว่าเด็กหายไปจากการขึ้นรถโรงเรียน ควรติดต่อสอบถามฝ่ายที่เกี่ยวข้องทันที เพื่อเป็นการตรวจสอบรายชื่อเด็กโดยสม่ำเสมอ
สอนลูกให้เอาตัวรอดจากเหตุติดในรถ
- สอนให้ลูกกดแตรรถขอความช่วยเหลือ เพื่อทำให้คนที่อยู่ใกล้เคียงได้ยิน และเข้ามาช่วยโดยเร็ว โดยสอนให้ลูกรู้จักตำแหน่งของแตร วิธีการกด และวิธีข้ามจากที่นั่งมายังที่นั่งคนขับ
- สอนให้ลูกรู้จักตำแหน่งไฟฉุกเฉิน ที่อยู่บริเวณส่วนหน้าของรถ เพราะการกดให้เกิดไฟกะพริบ พร้อมกับกดแตร จะช่วยให้สังเกตได้ง่ายขึ้น
- สอนวิธีเปิดล็อก และเปิดประตู-กระจกรถยนต์ แม้อาจไม่มีแรงผลักประตูให้เปิดกว้างได้ แต่อย่างน้อยก็พอจะแง้มมีอากาศหายใจ แล้วจึงกดแตรขอความช่วยเหลือ
- จำลองเหตุการณ์ ให้เด็กได้ลองทำตามวิธีเอาตัวรอด เพื่อให้เกิดความคุ้นเคย และไม่ตื่นตระหนกเมื่อเกิดเหตุการณ์จริง
- บอกเล่าอุบัติเหตุรอบตัวที่สามารถเกิดขึ้น และวิธีเอาตัวรอดผ่านนิทาน เพื่อให้เด็กค่อย ๆ ซึมซับความรู้ ผ่านความสนุกของนิทานโดยไม่รู้ตัว
เพราะการเพิ่มเกราะป้องกัน และการเตรียมความพร้อมให้ลูก รู้จักวิธีเอาตัวรอดด้วยตนเอง เป็นสิ่งที่สามารถทำได้จริง หากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น และเป็นการช่วยลดโอกาสในการสูญเสีย หากเกิดเหตุการณ์อันตรายขึ้นจริง ๆ การสอนวิธีขอความช่วยเหลือให้ลูกตั้งแต่เด็ก จะเป็นหนึ่งในนิสัยติดตัวไปจนเด็กโตขึ้น และสามารถเอาตัวรอดได้ หากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินอื่น ที่นอกจากการติดอยู่ในรถด้วยค่ะ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
แม่ลืมลูกไว้ที่บ้าน ตอนไปส่งโรงเรียน กลายเป็นที่พูดถึงทั่วโซเชียล
แม่ลูกอ่อนชอบลืมลูก แม่เป็นโรคลืมลูก Forgotten Baby Syndrome ทำไมแม่หลังคลอดขี้ลืม
สลด! แม่ลูกอ่อนทิ้งลูก 7 เดือนในรถ เปิดโรงแรมกับสามีเก่า กลับมาดูลูกดับ เพราะสูดดมก๊าซ!
ที่มา :