อาการเจ็บป่วยบางอย่าง ก็อาจถูกละเลยจนมองข้ามก็มีค่ะ โดยเฉพาะอาการติดเชื้อภายร่มผ้าหรือที่ลับตา มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น หากปล่อยไว้นานก็น่าห่วง โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคที่เกี่ยวกับอวัยวะเพศ ดังเช่นประสบการณ์ตรงของสาวคนนี้ ที่ออกมาแชร์ประสบการณ์ ต่อมบาร์โธลินอักเสบ จนต้องไปหาหมอต่อเนื่อง
โดยเรื่องนี้ถูกแชร์บนโซเชียลมีเดีย เมื่อมีหญิงสาวรายหนึ่ง ออกมาเตือนภัยถึงอาการ “ต่อมบาร์โธลินอักเสบ” อาการปวดแสบปวดร้อน มีก้อนตรงอวัยวะเพศที่ใหญ่กว่าปกติ โดยเธอระบุว่า ป่วยด้วยโรคนี้ครั้งแรกเมื่อ 6 ปีก่อน โดยไม่รู้ว่ามันคืออะไร ตอนนั้นจับใจความได้ว่า มีก้อนตรงอวัยวะเพศใหญ่มาก เหมือนไข่ผู้ชาย นอนฉี่ทั้งแบบนั้น ไม่กล้าบอกพ่อกับแม่ มีพี่ที่เพิ่งรู้จักกันได้ไม่กี่เดือนมาคอยเช็ดเยี่ยวให้ จนไปโรงพยาบาล
หลังจากที่ไปโรงพยาบาล วินาทีแรกที่พยาบาลเห็น ก็ได้รับคำถามว่า ทนได้ยังไงมาจนตอนนี้ มันใหญ่มาก จนแพทย์อินเทิร์นทำอะไรไม่ได้ จะต้องรอจนเช้าเพื่อรออาจารย์หมอมากรีด นอกจากนี้พยาบาลยังถามด้วยคำถามที่รุนแรงว่า xxx กันแรงมากจนเป็นแบบนี้ใช่มั้ย ?
เธอกล่าวว่าหลังจากที่พยาบาลถาม เธอรู้สึกช็อกกับคำถาม จึงได้บอกว่าแฟนที่มาด้วยเป็นทอม และไม่ได้มีเพศสัมพันธ์กันนานแล้ว จนสุดท้ายเขายอมตรวจปัสสาวะ ว่ามันเกิดจากอะไร ซึ่งครั้งแรกได้ผลว่า มีการติดเชื้อจากการเข้าห้องน้ำ และใส่กางเกงที่รัดจนเกินไป ซึ่งจริง ๆ ปัจจัยการเกิดมันมีเยอะมาก ๆ และผู้หญิงควรจะต้องระวัง
การรักษาในครั้งแรกของเธอ ด้วยการกรีดออก จำได้ว่ารู้สึกโล่งมาก ตอนฉีดยาชาไม่รู้สึกอะไรเลย และก็ได้คำตอบจากแพทย์มาว่า “อาการดังกล่าวสามารถเป็นได้อีกเรื่อย ๆ ไม่มีวันจบ”
หลังจากนั้นเธอยังได้บอกอีกว่า ตลอดเวลา 6 ปีที่ผ่านมา เป็นซ้ำมาโดยตลอด บางทีแค่ใส่กางเกงรัดก็เป็นแล้ว แต่ในครั้งหลัง ๆ เป็นไม่หนักมาก อาการไม่เยอะ เมื่อไปหาหมอ ก็ได้แค่ยากลับมาและตุ่มก็ยุบไป จนกระทั่งเมื่อ 2 ปีก่อน ตรงอวัยวะเพศเป็นก้อนใหญ่มาก เดินไปไหนไม่ได้ เรียกรถโรงพยาบาลรัฐไม่ได้ ได้คำตอบว่าให้มาเอง จนได้รถจากโรงพยาบาลเอกชน ครั้งนี้ซวยกว่าเดิมเป็นฝีตรงจุดนั้นเลย แต่ก็ดีที่หายไว
มาครั้งนี้มีตุ่มก้อนใหญ่ บวมได้ 2 วัน ไปหาหมอจึงได้รับการรักษาด้วยการดูดออก แบบไม่มียาชา หนองที่ไหลออกมามีสีเขียวและมีกลิ่น หมอแจ้งว่ามันคือสัญญาณบอกว่า นี่คือติดเชื้อ จึงส่งตรวจและดูดหนองออกมาได้ 20cc และตอนนี้ต้องนอนโรงพยาบาลต่อด้วยหัวใจเต้นสูงถึง 142
เจ้าของเรื่องดังกล่าวยังได้เตือนอีกว่า อาการนี้เป็นอาการส่วนน้อยมาก ที่ผู้หญิงจะรู้จักโรคและอาการ น้อยกว่าที่คนจะเข้าใจ ทั้งที่เป็นเรื่องใกล้ตัวมาก เธอจึงไม่อยากให้ใครเป็นเหมือนเธอ เพราะเมื่อเป็นแล้วมันทรมานมาก จึงออกมาแชร์เป็นอุทาหรณ์ ซ้ำยังบอกให้ทุกคนหมั่นดูแลตัวเอง
บทความที่เกี่ยวข้อง : โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ต่อมบาร์โธลิน อักเสบ เรื่องที่รู้เกี่ยวกับโรคนี้!
ต่อมบาร์โธลินอักเสบ ถุงน้ำที่ยื่นจากปากช่องคลอด
โรคฝีต่อมบาร์โธลิน หรือ ต่อมบาร์โธลินอักเสบ (Bartholin’s Cyst) คือการที่ต่อมบาร์โธลินบวมขึ้นจนกลายเป็นถุงน้ำออกมาบริเวณปากช่องคลอดเนื่องจากเมือกไม่สามารถผ่านออกมาได้เกิดการอุดตันทำให้เมือกที่สร้างจากต่อมบาร์โธลินเกิดการสะสมมากขึ้นเรื่อย ๆ
ซึ่งต่อมบาร์โธลิน มีหน้าที่ผลิตสารหล่อลื่น เพื่อป้องกันเนื้อเยื่อช่องคลอด ในช่วงเวลามีเพศสัมพันธ์ ทั้งนี้ต่อมบาร์โธลินจะมีอยู่สองข้างและมักพบการอักเสบได้ทีละข้าง ในบางรายอาจเกิดการติดเชื้ออักเสบ เป็นฝีหนองตามมาทำให้เกิดอาการเจ็บปวดมากบริเวณที่เป็น
ฝีต่อมบาร์โธลิน และฝีธรรมดาบริเวณอวัยวะเพศหญิง
ฝีต่อมบาร์โธลิน เกิดจากการอักเสบของต่อมบาร์โธลิน ส่วนฝีธรรมดาบริเวณอวัยวะเพศหญิงนั้น เป็นฝีที่เกิดจากสิ่งสกปรก อุดตันรูขุมขน มีอาการอักเสบ เป็นหนอง บริเวณอวัยวะเพศหญิง
สาเหตุที่ต่อมบาร์โธลินอักเสบ
ในภาวะปกติของร่างกายต่อมบาร์โธลิน จะคลำหาไม่เจอแต่เมือกจะถูกสร้างออกมา และส่งไปตามท่อออกมายังปากช่องคลอด แต่หากมีความผิดปกติเกิดขึ้นกับต่อมบาร์โธลิน อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการอักเสบได้ ดังสาเหตุต่อไปนี้
1. ต่อมบาร์โธลินอุดตัน
ส่วนมากมักพบในสตรีวัยเจริญพันธุ์ มักเกิดการอุดตันที่ข้างใดข้างหนึ่ง อาจมีสาเหตุมาจากการสวมกางเกงในรัด กางเกงที่คับรัดรั้งเป้าเกินไป หรืออาจเกิดจากการปั่นจักรยานบ่อย ๆ เมื่อต่อมบาร์โธลินอุดตันเมือกที่สร้างขึ้น ก็จะสะสมและค้างอยู่ในท่อ จนเกิดเป็นลักษณะคล้ายถุงน้ำเป็นก้อน ๆ ที่สามารถคลำด้วยมือเปล่าเจอ
2. เป็นหนองจากการติดเชื้อ
เมื่อร่างกายเกิดภาวะต่อมบาร์โธลินอุดตัน จนกลายรูปร่างเป็นถุงน้ำ เชื้อโรคต่าง ๆ ก็อาจจะเข้าไปสะสมอยู่ในถุงน้ำ ก่อให้เกิดภาวะอักเสบ บวม และเป็นหนองขึ้นมาได้
3. อักเสบเพราะโรคติดต่อจากเพศสัมพันธ์
การติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หรือเชื้อโรคจากโรคดังกล่าว จำพวกหนองในแท้ และหนองในเทียม รวมไปถึงเชื้อแบคทีเรียต่าง ๆ ก็อาจเป็นสาเหตุสำคัญ ที่ทำให้ต่อมบาร์โธลินอุดตัน และติดเชื้อจนอักเสบขึ้นมาได้
นอกจากนี้อาการติดเชื้อหรือการอักเสบของต่อมบาร์โธลิน อาจจะเกิดได้จากสาเหตุอื่นเช่นกัน อาทิเช่น
- สิ่งสกปรก หมักหมมบริเวณปากช่องคลอด เช่น เหงื่อ เมือก หรือปัสสาวะ
- ติดเชื้อแบคทีเรียบริเวณอวัยวะเพศ
- สวมชุดชั้นในที่อับชื้น และรัดตึงเกินไป
บทความที่เกี่ยวข้อง : อวัยวะเพศหญิงมีกลิ่น ช่องคลอดมีกลิ่น กลิ่นแบบไหนถึงเรียกว่าผิดปกติ เช็กด่วน !
อาการของโรคฝีต่อมบาร์โธลิน
- ต่อมบาร์โธลิน บวมจนเป็นก้อน จนเกิดอาการปวด
- มีอาการเจ็บระหว่างขา ขณะทำกิจกรรมในชีวิตประจำวัน
- การอักเสบจะทำให้ฝีแตก มีหนองออกมา เสี่ยงต่อการติดเชื้อมากขึ้น
- คลำพบก้อนที่ปากช่องคลอด
- ก้อนใหญ่จนระคายเคือง เจ็บที่ปากช่องคลอด
- ก้อนถุงน้ำบวม แดง มีหนอง ปวดแสบร้อน ร่วมกับอาการไข้ขึ้น หนาวสั่น เมื่ออาการรุนแรง
อย่างไรก็ตามในระยะแรกที่ต่อมบาร์โธลินมีความผิดปกติ อาจจะไม่แสดงอาการภายนอกมากนัก แต่หากคลำบริเวณอวัยวะเพศแล้วพบก้อนติ่งบริเวณปากช่องคลอด จากที่ไม่เคยคลำพบมาก่อน ก็ควรไปตรวจกับสูตินรีแพทย์เพื่อวินิจฉัย โดยเฉพาะหากในผู้ที่ฝีไม่ยุบ และมีขนาดก้อนใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ
การรักษาโรคฝีต่อมบาร์โธลิน
- เมื่อพบถุงน้ำจากการบวมของต่อมบาร์โธลิน และยังไม่มีอาการปวด ให้แช่น้ำอุ่น วันละ2-3 ครั้ง ครั้งละ 20 นาที จะทำให้ถุงน้ำยุบลงได้
- หากมีอาการปวดบวมของถุงน้ำ แพทย์จะให้ยาฆ่าเชื้อ และยาแก้อักเสบ หากอาการยังไม่ดีขึ้น จะต้องทำการกรีดระบายหนองออก
- หากมีอาการต่อมบาร์โธลินอักเสบซ้ำ เกิดฝีขึ้นอีกรอบ เคสนี้แพทย์อาจทำการผ่าตัดขูดหัวหนอง หรือถุงน้ำในต่อมบาร์โธลิน ซึ่งจะช่วยลดโอกาสเกิดการอักเสบซ้ำได้
การป้องกันโรคฝีต่อมบาร์โธลิน
- ทำความสะอาดอวัยวะเพศทุกวัน เวลาอาบน้ำ และหลังมีเพศสัมพันธ์ โดยใช้น้ำสะอาดล้างภายนอก บริเวณปากช่องคลอด
- ควรเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยครั้ง ในช่วงของการมีประจำเดือน ไม่ควรปล่อยให้อวัยวะเพศอับชื้นเป็นเวลานาน
- ไม่ควรบีบหนองออกเอง เมื่อพบถุงน้ำจากการบวมของต่อมบาร์โธลิน เพราะ จะทำให้เกิดการติดเชื้อได้
- ควรไปพบแพทย์ทันที หากมีอาการผิดปกติที่อวัยวะเพศ
วิธีปฏิบัติตัวหลังการทำการระบายหนอง
- งดมีเพศสัมพันธ์ 7 วันภายหลังการทำหัตถการ
- รักษาความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศให้สะอาดอยู่เสมอ และช่วงมีประจำเดือนควรเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อย ๆ
- ไม่ใส่กางเกงที่รัดแน่นเกินไป
- ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์และมาตรวจตามนัด
ไม่ว่าจะเป็นฝีต่อมบาร์โธลิน หรือฝีธรรมดาบริเวณอวัยวะเพศหญิง ไม่ควรที่จะกรีดหนอง และรักษาด้วยตนเอง เพราะจะทำให้เกิดการติดเชื้อ การอักเสบลุกลามขึ้น ไม่สามารถทำให้ฝีหายขาดได้
นอกจากนี้การไปตรวจภายใน เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ควรรู้และระวัง เมื่อเกิดอาการผิดปกติกับตัวเอง อย่าอายในการที่จะต้องตรวจภายใน เพราะหากพบความผิดปกติและรักษาได้ไว ย่อมดีกว่าปล่อยความผิดปกติไว้ จนกลายเป็นอันตรายที่เกินกว่าการรักษาค่ะ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
โรคพยาธิในช่องคลอด โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ มีอยู่จริง ๆ หากไม่ระวัง!
ทารกเป็นฝี มีสาเหตุจากอะไร พ่อแม่ควรดูแลลูกน้อยอย่างไรบ้าง?
อาการเจ็บฝีเย็บ การดูแลแผลฝีเย็บหลังคลอด แผลแห้งไว หายไว
ที่มา : sanook, bumrungrad