ก่อนหน้านี้หลายท่านอาจเคยได้อ่านข่าวมีผู้หญิงที่คลอดลูก แต่กลับบอกว่า ไม่รู้ว่าท้อง ซึ่งพบทั้งในบ้านเราและในต่างประเทศ ทำเอาหลายคนเกิดความสงสัยว่าจะเป็นไปได้เหรอที่คนเราตั้งครรภ์ตั้ง 8-9 เดือนแล้วจะไม่รู้ว่าตัวเองท้อง
โดยกรณีล่าสุดนี้เกิดขึ้นที่ จังหวัด ชลบุรี กับสาววัย 31 ที่กลับจากการเที่ยวงานวัด แต่กลับคลอดลูกในห้องน้ำ โดยที่ไม่รู้ตัวว่าตัวเองตั้งท้อง คิดว่าตัวเองกินมาแล้วอ้วน เมื่อช่วง 05.20 น. เจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิไตรคุณธรรม ได้รับแจ้งมีหญิงคลอดลูกภายในบ้านเลขที่ 52/2 หมู่ 2 ต.หนองข้างคอก อ.เมือง จ.ชลบุรี จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมประสานทีมแพทย์กู้ชีพ รพ.ชลบุรี พบว่าเป็นบ้านเดี่ยวชั้นเดียว ในห้องน้ำพบร่าง น.ส.ชลิตา ภูสิมมา อายุ 31 ปี นั่งอยู่ที่หว่างขาพบทารกเพศชายร่างกายสมบูรณ์ครบ 32 ร้องเสียงดัง สายรกยังติดกับแม่อยู่ แพทย์ทำการตัดสายรก ปฐมพยาบาลเบื้องต้นแล้วรีบนำส่ง รพ.ชลบุรี
หลังสอบถามนายสุพจน์ พุ่มเถื่อน อายุ 43 ปี สามี น.ส.ชลิตา เผยว่า ตนและภรรยาต่างไม่รู้ว่าภรรยาท้อง คิดว่ากินมากแล้วอ้วน ก่อนคลอดภรรยากลับจากงานวัดอ่างศิลากลับมาจะอาบน้ำ พอเข้าห้องน้ำสักพักได้ยินเสียงร้องเรียก เปิดประตูดูเห็นลูกกำลังคลอดยังออกมาไม่หมดจึงรีบจุดธูปบอกเจ้าที่และจุดธูปบอกไอ้ไข่ แล้วก็คลอดออกมาอย่างปลอดภัยเป็นลูกชายคนที่ 2 คนแรกก็เป็นผู้ชาย แฟนเขาไม่รู้จริง ๆ ว่าท้องเพราะไม่มีอาการแพ้ท้องใด ๆ คิดว่าอ้วน ตอนนี้คิดว่าลูกมาให้โชคแน่ ๆ จะเสี่ยงโชคเลขซื้อที่บ้านในงวดวันที่ 16 พ.ย.นี้.
บทความที่เกี่ยวข้อง : เมียท้องไม่รู้ตัว สุดงงเซอร์ไพรส์คลอดลูกสาว ช็อกทั้งพ่อทั้งแม่ ไม่รู้ตัวว่าตั้งท้อง
อาการท้องไม่รู้ตัว สังเกตได้อย่างไร
หนึ่งในคำถามที่ผู้หญิงมักถามตัวเองและเกิดข้อสงสัย เมื่อประจำเดือนขาดคือ “ฉันท้องหรือเปล่า?” อาการท้องไม่รู้ตัว เป็นสิ่งที่พบเจอได้ในคุณแม่ท้องแรก คือ ไม่รู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์ตั้งแต่เมื่อไหร่ มารู้ตัวอีกทีก็ตั้งครรภ์ได้หลายเดือนแล้ว หรือบางคนอาจรู้ตัวตอนใกล้ถึงกำหนดคลอดแล้วก็เป็นได้
อาการนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ แต่พบได้ค่อนข้างบ่อย หากละเลย อาจทำให้ไม่สามารถดูแลครรภ์ และติดตามพัฒนาการของทารกในครรภ์ได้อย่างเหมาะสม อาจส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ตามมาได้ เช่น ภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์ การแท้งบุตร เป็นต้น
บทความที่เกี่ยวข้อง : มีคนท้องโดยไม่รู้ตัวไหม? อาการคนท้องไม่รู้ตัว ท้องไม่รู้ตัวเป็นอย่างไร?
ไม่รู้ว่าท้อง เกิดจากอะไรได้บ้าง ?
1. ไม่รู้สึกถึงความผิดปกติของร่างกาย
ในช่วงแรกของการตั้งครรภ์ ร่างกายของคุณแม่ อาจไม่ได้เปลี่ยนแปลงชัดเจนจนคุณแม่สังเกตเห็นได้ หรือคุณแม่บางคนอาจไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดเลยก็ได้ในช่วงแรกของการตั้งครรภ์ โดยเฉพาะเมื่อเป็นคุณแม่มือใหม่ ที่ไม่มีประสบการณ์ในการตั้งครรภ์มาก่อน พอร่างกายเกิดความผิดปกติใด ๆ ขึ้น จึงมักคิดว่าเป็นเพราะสาเหตุอื่น ไม่ได้คิดว่าเกิดจากการตั้งครรภ์
เช่น พอเกิดอาการแพ้ท้อง อย่างอาการปวดศีรษะ เหนื่อยล้า คลื่นไส้อาเจียน ก็คิดว่าเป็นเพราะเครียด กระเพาะอาหารอักเสบ บางคนอาจหิวบ่อยก็คิดว่าแค่เพราะเหนื่อยล้าหรือใกล้เป็นประจำเดือน คุณแม่ตั้งครรภ์บางคน มีขนาดหน้าท้องเล็กมาก จนคิดว่าเป็นเพราะตัวเองอ้วน ไม่ใช่เพราะตั้งครรภ์
2. ประจำเดือนขาด แต่คิดว่าเกิดจากสาเหตุอื่น
หากจะถือว่า ภาวะประจำเดือนขาด เป็นสัญญาณแรกของการตั้งครรภ์ก็ไม่ผิด เพราะส่วนใหญ่แล้ว พอประจำเดือนขาด ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ หรือ ประจำเดือนมาไม่ตรงตามรอบเดือนปกติ ผู้หญิงที่มีความเสี่ยงในการตั้งครรภ์ ก็มักจะคิดว่าตัวเองตั้งครรภ์แล้วแน่ ๆ
แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังมีผู้หญิงส่วนหนึ่งที่ถึงแม้ตัวเองจะเสี่ยงตั้งครรภ์ แต่ก็ยังมองข้ามสัญญาณนี้ไป และคิดว่า ที่ประจำเดือนไม่ปกติ เป็นเพราะสาเหตุอื่น เช่น การเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักตัว การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ ความอ่อนเพลีย ความเครียด การรับประทานยาบางชนิดที่มีผลต่อประจำเดือน จนสุดท้ายกว่าจะรู้ตัว ก็ตั้งครรภ์หลายเดือนแล้ว และไม่ได้ดูแลครรภ์ตามอายุครรภ์อย่างเหมาะสม
3. ผลตรวจครรภ์ผิดพลาด
ผู้หญิงหลายคนอาจสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของร่างกาย และคิดว่าตัวเองอาจตั้งครรภ์ จึงซื้อที่ตรวจครรภ์ด้วยตัวเอง หรือชุดทดสอบการตั้งครรภ์ด้วยปัสสาวะ (Urine Pregnancy Test) มาตรวจเองที่บ้าน ข้อดีของอุปกรณ์ชนิดนี้ คือ หาซื้อง่าย ราคาถูก ใช้ได้ง่ายที่บ้าน และมีหลายแบบให้เลือกใช้ แต่ก็ยังมีข้อเสีย คือ ผลตรวจการตั้งครรภ์ที่ได้อาจไม่ตรงตามความเป็นจริงเสมอไป หรือที่เรียกว่า ผลตรวจครรภ์ผิดพลาด หรือผลตรวจครรภ์เป็นเท็จ เนื่องจากหลายสาเหตุ เช่น
- ตรวจครรภ์เร็วเกินไป จนทำให้ฮอร์โมนที่บ่งบอกถึงการตั้งครรภ์ อย่างฮอร์โมน HCG ในปัสสาวะมีปริมาณน้อยเกินไป จนชุดตรวจไม่สามารถตรวจวัดได้ และแสดงผลตรวจออกมาว่า ไม่ตั้งครรภ์ ทั้ง ๆ ที่คุณตั้งครรภ์อยู่
- แนะนำให้ตรวจหลังมีเพศสัมพันธ์แล้ว 8-14 วัน และตรวจในช่วงเช้าหลังตื่นนอน เพราะจะมีปริมาณฮอร์โมนนี้ในปัสสาวะสูงสุด หากไม่แน่ใจผลตรวจ ควรรอประมาณ 2-3 วันหรือ 1 สัปดาห์ แล้วค่อยตรวจใหม่อีกครั้ง
- ชุดทดสอบการตั้งครรภ์แต่ละยี่ห้อมีความไวต่อการตรวจหาฮอร์โมน HCG ต่างกัน หากชุดทดสอบนั้นมีความไวน้อย อาจทำให้ผลออกมาว่าไม่ตั้งครรภ์ได้
- ความเข้มข้นของปัสสาวะก็ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการตรวจตั้งครรภ์เช่นกัน หากน้ำปัสสาวะเจือจางจากการดื่มน้ำมากเกินไปก่อนตรวจ อาจทำให้ความเข้มข้นของฮอร์โมนในปัสสาวะน้อยลงจนไม่สามารถตรวจวัดได้
อาการคนท้องที่สามารถเช็กได้
สามารถลองตรวจอาการคนท้องระยะแรกที่พบได้บ่อย เช่น
- ประจำเดือนขาด
- น้ำหนักขึ้น
- อารมณ์แปรปรวน
- ปัสสาวะบ่อยขึ้น
- ปวดศีรษะ
- ปวดหลังส่วนล่าง
- เจ็บหน้าอก
- บริเวณปานนม หรือรอบหัวนมมีสีเข้มขึ้น
- คลื่นไส้ อาเจียน
ข้อแนะนำ การใช้ชุดตรวจตั้งครรภ์
- ควรเก็บชุดทดสอบการตั้งครรภ์ที่อุณหภูมิห้อง หลีกเลี่ยงความชื้น และอุณหภูมิร้อนจัด หากแกะชุดทดสอบการตั้งครรภ์ออกจากบรรจุภัณฑ์แล้ว ควรใช้งานทันที
- ควรตรวจสอบวันหมดอายุของชุดทดสอบการตั้งครรภ์ก่อนการใช้งาน ไม่ควรใช้ชุดทดสอบที่หมดอายุแล้ว
- อ่านวิธีใช้และคำแนะนำอย่างละเอียดทุกครั้งก่อนใช้ชุดทดสอบการตั้งครรภ์
- ควรตรวจการตั้งครรภ์เมื่อจะปัสสาวะครั้งแรกในตอนเช้า เพราะฮอร์โมน HCG ในปัสสาวะจะเข้มข้นกว่าช่วงอื่นของวัน หากตรวจช่วงเวลาอื่นอาจจะได้ผลที่ไม่ชัดเจน
- การใช้ชุดทดสอบการตั้งครรภ์เป็นเพียงการทดสอบเบื้องต้นเท่านั้น คุณควรรับการตรวจจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ได้ผลตรวจที่แม่นยำมากขึ้น
การท้องไม่รู้ตัว จึงเป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้ หากผู้หญิงคนนั้นไม่ใส่ใจการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย จึงอยากแนะนำให้หมั่นสังเกตร่างกายของตนเองอย่างสม่ำเสมอ และหากไม่มั่นใจว่าใช้ชุดตรวจครรภ์ แล้วอาจแสดงผลไม่ถูกต้อง ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจอย่างละเอียดดีกว่าค่ะ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
ท้องไม่รู้ตัว ทำหมันแล้วยังท้อง เป็นไปได้แค่ไหน วิทยาศาสตร์มีคำตอบ
พ่อลืมลูกไว้ที่ปั๊ม จอดรถแวะเข้าห้องน้ำ ไม่รู้ลูกลงรถตามไปด้วย เด็กตอบพ่อรีบไปนอน !
เด็กจมน้ำวันลอยกระทง คาดเป็นเพราะเก็บเงิน พลาดจมน้ำหมดสติ ช็อกทั้งงาน!