โรคติดต่อ RSV เด็กไทยป่วยเพิ่มขึ้น ป่วยซ้ำเกือบทุกปี ควรป้องกันอย่างไร ?

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

เรียกได้ว่า โรคติดต่อ RSV เป็นอีกหนึ่งโรคในเด็กเล็กที่น่าห่วงเลยค่ะ เพราะเป็นอีกหนึ่งอาการที่ยังคงมีการติดเชื้อทุกปี แถมเด็กที่เคยป่วยไปแล้วมีโอกาสเป็นซ้ำได้อีกในทุกปี แถมในปัจจุบันการใช้วัคซีนกับโรคนี้ยังไม่ใช่เรื่องง่ายอีกด้วย

 

เรื่องนี้เป็นการพูดถึงโดย ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวYong Poovorawanโดยได้พูดถึงประเด็น RSV ในเด็กเล็กที่มีการติดเชื้อสูงขึ้นทุกปี ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการภูมิต้านทานที่ได้รับจากมารดาจะมีการลดลงอย่างรวดเร็วใน 6 เดือน โดยได้ระบุข้อความว่า

 

“RSV ในเด็กไทยมีอุบัติการณ์การติดเชื้อที่สูงเป็นแล้วเป็นซ้ำได้

งานวิจัย RSV ของศูนย์ ได้รับการเผยแพร่ในวารสาร International Journal of Infectious Disease จะเห็นได้ว่า ภูมิต้านทานส่งต่อจากมารดาและจะลดลงอย่างรวดเร็วภายใน 6 เดือน หลังจากนั้นก็จะมีการติดเชื้อขึ้นเป็นจำนวนมากในปีแรก และปีต่อ ๆ มา หรืออาจกล่าวได้ว่า เมื่อโตถึงอายุ 4 ขวบ เกือบทุกคนเคยติดเชื้อ RSV และมีบางคนมีการติดเชื้อซ้ำ หรือซ้ำแล้วซ้ำอีกเกือบทุกปี

บทความที่เกี่ยวข้อง : เช็กอาการไวรัส RSV โรคติดต่อที่ต้องระวังในช่วงปลายฝนต้นหนาว

 

การศึกษานี้เป็นการศึกษาระยะยาว ในเด็กตั้งแต่แรกเกิดจนถึงอายุ 4 ขวบ มีการตรวจหาภูมิต่อเชื้อ RSV โดยเห็นว่าภูมิจากมารดาจะส่งมาปกป้องลูกน้อยได้ในระยะเวลาค่อนข้างสั้น และเมื่อภูมิลดลง หรือหมดไป เด็กก็จะเริ่มมีการติดเชื้อจึงไม่แปลก การติดเชื้อเห็นได้บ่อย ไม่ว่าจะเป็นเด็กเล็ก และจะสูงขึ้นหลัง 6 เดือนขึ้นไป การติดเชื้อปีนี้แล้ว ปีหน้าก็อาจจะมีการติดเชื้อได้อีก และโดยทั่วไปการติดเชื้อในเด็กเล็กอาการจะรุนแรงมากกว่าเด็กโต 

 

และเมื่ออายุเกิน 3 ขวบไปแล้ว การติดเชื้อ RSV ส่วนใหญ่อาการจะไม่มากแล้ว และเมื่อเกิน 5 ขวบ ก็ยังมีการติดเชื้อได้ แม้กระทั่งในผู้ใหญ่ จะไปสร้างปัญหาอีกครั้งหนึ่งในผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่นเดียวกับโรคทางเดินหายใจอื่น ๆ และก็เช่นเดียวกับโควิด-19

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ขณะเดียวกัน การศึกษาระยะยาวในกลุ่มประชากรเด็ก ใช้เวลาทำการศึกษามากกว่า 5 ปี ได้เห็นข้อมูลของเด็กไทยชัดเจน โดยเฉพาะระดับการตรวจพบภูมิต้านทาน และการตรวจ พบว่ามีการเป็นซ้ำ ข้อมูลที่ได้จะเป็นประโยชน์ในอนาคตในกรณีที่มีวัคซีนในการป้องกัน ก็ควรจะให้ก่อน 6 เดือนแรก

 

การศึกษาที่กำลังทำอยู่ ดูสายพันธุ์ของไวรัสที่มีการติดเชื้อซ้ำ พบว่าถึงแม้จะเป็นไวรัสกลุ่มเดียวกัน RSV-A หรือ RSV-B ก็ยังสามารถเป็นซ้ำได้ แม้กระทั่งสายพันธุ์ย่อยเดียวกันเช่น ON1 ติดแล้วก็ยังเป็นซ้ำได้อีก รายละเอียดการศึกษาโครงจะมีการเผยแพร่ในวารสารนานาชาติต่อไป ซึ่งข้อมูลที่ทำมีความสำคัญมากเป็นองค์ความรู้ใหม่ โดยเฉพาะในเรื่องของการที่จะนำวัคซีนมาใช้ จึงไม่เป็นเรื่องง่ายในการป้องกันการติดเชื้อ RSV”

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

กลุ่มเสี่ยงต่อ RSV มากที่สุด

  • อายุน้อย มีอายุ ต่ำกว่า 12 สัปดาห์ลงไป
  • เด็กที่คลอดก่อนกำหนด เด็กที่อายุตอนคลอดต่ำกว่าเกณฑ์
  • มีอาการผิดปกติในปอดตั้งแต่เกิด
  • เด็กที่เกิดมาพร้อมโรคหัวใจ บางประเภท
  • เด็กที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ
  • เด็กที่มีอาการแพ้อาหารชนิดต่าง ๆ

บทความที่เกี่ยวข้อง : ผื่นคัน ภัยใกล้ตัวที่พ่อแม่มองข้าม แต่เป็นสาเหตุหลักที่อาจทำให้พัฒนาการลูกสะดุด!

 

เช็กอาการไวรัส RSV

  • ในช่วง 2-4 วันแรก มักมีอาการคล้ายไข้หวัดธรรมดา เช่น ไข้ ไอ จาม น้ำมูกไหล
  • เมื่อการดำเนินโรคมีมากขึ้น ส่งผลให้ทางเดินหายใจส่วนล่างมีการอักเสบตามมา ทำให้เกิดโรคหลอดลมอักเสบ กล่องเสียงอักเสบ และโรคปอดบวมหรือปอดอักเสบ
  • ในบางรายเกิดอาการรุนแรง เช่น ไข้สูง ไอแรง หอบเหนื่อย หายใจมีเสียงครืดคราด มีเสมหะในลำคอมาก ๆ

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

เมื่อไหร่ควรไปพบแพทย์

จำเป็นต้องโทรหาแพทย์ทันทีหรือขอรับการรักษาฉุกเฉินหากทารกมีอาการหายใจลำบาก เช่น

  • ความเหนื่อยล้า
  • หายใจเร็ว
  • ผนังหน้าอกดึงเข้าเมื่อหายใจออก
  • สีฟ้ารอบริมฝีปากหรือเล็บ

เหตุผลอื่น ๆ ที่ควรไปพบแพทย์ ได้แก่ หากทารก

  • กินหรือดื่มไม่เพียงพอ
  • กำลังอ่อนแรงหรือไม่กระฉับกระเฉงเหมือนเดิม
  • มีอาการหวัดรุนแรงหรือแย่ลงแทนที่จะดีขึ้น
  • มีอาการไอไม่หาย
  • การป้องกัน
  • RSV เป็นโรคติดต่อได้สูง หมายความว่ามันแพร่กระจายระหว่างผู้คนได้ง่ายมาก

มาตรการที่ตรงไปตรงมาบางอย่างสามารถช่วยให้ผู้คนหลีกเลี่ยงการติดโรคหรือแพร่กระจายไปยังผู้อื่นได้ บางส่วนของมาตรการเหล่านี้รวมถึง

  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่อาจจะป่วย การติดต่อรวมถึงการจูบ การกอด และการจับมือ
  • หลีกเลี่ยงการแบ่งปันสิ่งของที่ปนเปื้อนกับผู้อื่น ถ้วย ขวด และของเล่นล้วนเป็นพาหะของไวรัส ซึ่งสามารถอยู่รอดได้หลายชั่วโมง
  • ล้างมือบ่อยๆ
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้า ตา ปาก หรือจมูก

 

 

การป้องกัน โรคติดต่อ RSV

ในปัจจุบัน ยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรค RSV หรือยาที่สามารถป้องกัน RSV ได้อย่าง 100% เราจึงควรป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค

  • ทุกคนในบ้านควรหมั่นล้างมือบ่อย ๆ ทั้งมือตนเองและลูกน้อย เพราะการล้างมือนอกจากจะลดเชื้อ RSV แล้ว ยังสามารถลดเชื้ออื่น ๆ ที่ติดมากับมือ ของลูกและทุกคนในบ้านได้ทุกชนิด ทั้งเชื้อไวรัส และ แบคทีเรียได้ถึงร้อยละ 70
  • ควรใช้แอลกอฮอล์เจลในการล้างมือจะช่วยป้องกันโรคได้
  • หลีกเลี่ยงให้เด็กไม่ว่าจะสบายดี หรือ ป่วย ไปในชุมชนที่อึดอัด
  • ควรรับประทานอาหารให้ถูกสุขลักษณะ ดื่มน้ำเปล่าเยอะ ๆ และให้เด็กพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่อยู่ในห้องแอร์ตลอดเวลา
  • สำหรับคุณพ่อ และ คุณแม่ หากมีลูกที่ป่วยควรจะคัดแยกเด็กป่วยกับเด็กปกติออกจากกัน เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่เชื้อ

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

เพราะโรค RSV ยังเป็นโรคติดต่อที่ต้องระวังในช่วงปลายฝนต้นหนาว ซึ่งอย่างที่รู้กันว่าโรคนี้มีสาเหตุมาจากเชื้อไวรัส และในปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนที่ใช้ในการป้องกันได้อย่าง 100% โดยวิธีที่จะช่วยป้องกันได้ดีที่สุดคือการใส่หน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือด้วยน้ำสบู่ และหลีกเลี่ยงการสัมผัสกัน และนอกจากการป้องกันเด็กแล้วนั้น ก็อยากให้ระวังในผู้ใหญ่ด้วยเช่นกัน เพราะโรค RSV ก็สามารถติดต่อได้ในผู้ใหญ่และผู้สูงอายุเช่นกัน

 

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :

โรค RSV และ โรคมือเท้าปากในเด็ก โรคติดต่อที่ต้องระวังในช่วงปลายฝนต้นหนาว

RSV ในเด็กเล็ก พร้อมการเยียวยาด้วยวิธีธรรมชาติขั้นพื้นฐาน ทำได้ที่บ้าน

เช็คRSV อาการ เป็นอย่างไร ต่างกับหวัดอย่างไร? มาดูไปพร้อมกันนะคะ

ที่มา : 1, 2

บทความโดย

Kanthamanee Phisitbannakorn