พ่อแม่ควรรู้ วิธีพูดคุยกับเด็ก ๆ เนื่องจากการพูดคุยถือเป็นสิ่งสำคัญ เมื่อข่าวการรุกรานยูเครนของรัสเซียเพิ่มมากขึ้น ความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ก็เริ่มเพิ่มเช่นกัน ชาวยูเครนหลายร้อนคนกลัวที่จะต้องเสียชีวิต บอริส จอห์นสัน พูดถึง คลื่นแห่งความรุนแรง ได้เตือนผู้นำโลกคนอื่น ๆ ว่า พวกเขาจะต้องเผชิญกับผลที่ตามมามากกว่าที่อื่น ๆ ในประวัติศาสตร์ หากพวกเขาทำไม่สำเร็จ
วิธีพูดคุยกับเด็ก ๆ เกี่ยวกับการรุกรานยูเครนของรัสเซีย
สำหรับผู้ที่อยู่กับความรุนแรงและการโจมตี และสำหรับผู้ที่มีความรู้สึกกลัวและไม่สามารถช่วยเหลือได้อาจเยอะมากขึ้น และสำหรับเด็ก ๆ ที่ต้องมารับรู้เรื่องราวพวกนี้ยิ่งน่ากลัวมากกว่าเดิม
การได้ยินคำพูด เช่น ระเบิด การบุกรุก และสงครามโลกครั้งที่สาม เป็นเรื่องน่าเป็นห่วงสำหรับพวกเราทุกคน และเด็ก ๆ พวกนี้ไม่สามารถเลี่ยงได้ เด็ก ๆ เป็นเหมือนฟองน้ำ และพวกเขากำลังซึมซับทุกอย่าง Tania Taylor นักสะกดจิตบำบัด นักจิตอายุรเวทและผู้ให้คำปรึกษาที่ได้รับรางวัลมากมาย อธิบายว่า ไม่ว่าจะเป็นข่าว มีคนคุยกับผู้หญิงที่จ่ายเงินในร้าน พ่อแม่คุยกันในสนามเด็กเล่น หรือวิดีโอที่ลง TikTok ล่าสุดสิ่งที่พวกเขาได้ยินส่วนใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออยู่ที่โรงเรียน อยู่เหนือการควบคุมจากผู้ใหญ่
รวมถึงปัจจัยภายนอก ที่สามารถกระตุ้นให้เกิดความกลัวเกี่ยวกับสงครามมากขึ้น เด็กจำนวนมากอยู่กับผู้ใหญ่ หรือพี่น้องที่นั่งเล่นคอมพิวเตอร์ และเห็นสงครามต่าง ๆ บนโลกออนไลน์ Tania กล่าว และเธอได้กล่าวต่อว่า คำว่า ระเบิด การบุกรุก อาจไม่คุ้นเคยกับลูกหลานอย่างที่เราคิด ดังนั้นควรระวังคำพูดให้มากขึ้นเมื่ออยู่กับเด็ก ๆ แต่สิ่งที่ดีที่สุด คือคุณสามารถอธิบายให้เด็ก ๆ เข้าใจได้ว่า มีเรื่องราวอะไรเกิดขึ้น และคุณเองก็จะต้องสร้างความมั่นใจให้กับพวกเขา เพื่อที่พวกเขาจะได้รู้สึกอุ่นใจ
ในฐานะพ่อแม่และผู้ปกครอง เราสามารถให้ข้อมูลข้อเท็จจริงทั้งหมดและบอกให้เด็ก ๆ รู้ แต่วิธีนี้บางครั้งก็อาจจะทำให้เด็ก ๆ รู้สึกหนักใจ Tania กล่าว เด็ก ๆ มักจะเก่งเรื่องของการตั้งคำถามที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ถ้าพวกเขาต้องการรู้อะไรบางอย่าง พวกเขาก็จะถาม แต่ถ้าพวกเขาถาม คุณก็จะต้องตอบเขาด้วยความมั่นใจ
ทาเนียแนะนำว่า ก่อนอื่นคุณจะต้องพิจารณาสภาพจิตใจของตัวเองเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น สิ่งนี้เป็นสิ่งสำคัญแม้ว่าจะโดนเด็ก ๆ ถาม แต่อย่างน้อยคุณก็ต้องเริ่มต้นด้วยการตระหนักรู้ว่าตัวคุณเองกำลังรู้สึกอย่างไร และจะต้องการไปที่ไหน หากคุณกำลังกังวลเกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดเป็นพิเศษ อาจเป็นเพราะคุณเลือกที่จะรอจนกว่าถึงเวลาที่คุณรู้สึกกังวลน้อยลงที่จะพูดถึงเรื่องนี้ หรืออาจจะมีการพูดคุยกับผู้ใหญ่คนอื่น ๆ ทาเนียแนะนำอีกว่า คุณจะต้องเริ่มต้นด้วยคำถามที่ไม่เจาะจงจนเกินไป เช่น ลูกได้ยินเรื่องเกี่ยวกับสงครามในโรงเรียนบ้างไหม ? สิ่งที่คุณทำคือการเปิดโอกาสให้บุตรหลานที่กำลังพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้
ถ้าลูกของคุณสนใจ พวกเขาจะบอกคุณเอง และไม่จำเป็นต้องสนทนาต่อ หากเด็ก ๆ เคยได้ยินเรื่องราวพวกนี้ที่โรงเรียน พวกเขาจะรู้ว่าคุณเองก็รู้เรื่องราวพวกนี้ และมีแนวโน้มที่จะเข้าหาคุณเมื่อพวกเขามีคำถาม และเป็นความคิดที่ดีที่จะสอนให้เด็ก ๆ รู้ว่า หากพวกเขามีคำถาม พวกเขาก็สามารถถามพ่อแม่ได้เช่นกัน
พ่อแม่สามารถอธิบายได้ แต่อย่าทำท่าทีตกใจ !
การพูดเกี่ยวกับสงคราม มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามจุดต่าง ๆ ของทั่วโลก การรู้สิ่งนี้สามารถช่วยให้ลูก ๆ ของคุณมีโอกาสได้รับผลกระทบที่ค่อนข้างน้อย แม้ว่าพวกเขาอาจจะต้องพูดคุยกับคุณเกี่ยวกับคนที่ได้รับผลกระทบโดยตรง
การตั้งใจฟัง จะช่วยให้เด็ก ๆ สนใจข้อมูลมากขึ้น
ทาเนียนกล่าวว่า เทคนิคที่เรียกว่า การฟังอย่างกระตือรือร้น จะช่วยให้เด็ก ๆ สนใจและต้องการข้อมูลมากขึ้น สิ่งที่คุณทำก็คือการให้ความสนใจอย่างเต็มที่กับลูกตลอดการสนทนา ละเลยสิ่งรบกวนต่าง ๆ โฟกัสทั้งหมด ไปที่การพูดของเด็ก ๆ และถ้าคุณไม่รู้คำตอบทั้งหมด อย่ากลัวที่จะพูดคำว่าไม่รู้
วิธีพูดคุยกับลูกวัยต่าง ๆ
ทาเนียกล่าวต่อว่า ช่วงนี้อาจเป็นเรื่องน่ากลัวสำหรับเด็ก ๆ หากไม่ได้รับการจัดการอย่างถูกวิธี และมันจะแตกต่างกันไปตามวัย เนื่องจากเด็กทุกคนมีความแตกต่างกัน แต่สิ่งสำคัญคือต้องได้รับการปฏิบัติด้วยความอ่อนโยน และเข้าใจในสิ่งที่เด็กจำเป็นต้องรู้ เด็กวัยนี้จะรู้สึกวิตกกังวลเป็นอย่างมาก พ่อแม่ส่วนใหญ่คิดว่าไม่ควรพูดเรื่องเหล่านี้ เพราะจะยิ่งสร้างความกังวล และทำให้พวกเด็ก ๆ กลัวมากขึ้น
เด็กอายุต่ำกว่า 7 ปี
เคิร์สตี้กล่าวว่า ฉันคิดว่าไม่น่าเป็นไปได้ที่เด็ก ๆ กลุ่มนี้จะเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างถูกต้อง แต่พวกเขาได้ยินการพูดหรือเห็นข่าวต่าง ๆ สิ่งสำคัญคือ จะต้องทำให้เด็ก ๆ รู้สึกว่าพวกเขาปลอดภัย และสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้อยู่ในประเทศเรา อาจจะทำการโชว์พื้นที่ที่เกิดเหตุเพื่ออธิบายให้พวกเขาเข้าใจมากขึ้น
Jacqui O’Connell เป็นผู้นำเยาวชนและผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิ Spiritus ซึ่งสนับสนุนเด็กโฮมสคูลในลอนดอนตะวันตก สำหรับเด็กเล็ก แนะนำให้อ่านหนังสือเกี่ยวกับความกังวลทั่วไปและวิธีจัดการกับปัญหา เช่น Scared and Worried โดยจิตแพทย์ James J Crist, PhD. จากนั้นคุณพ่อคุณแม่ก็จะสามารถใช้สิ่งนี้กับความกังวลของเด็ก ๆ เกี่ยวกับสถานการณ์กับยูเครนและรัสเซีย
เด็กอายุ 8 – 2 ปี
เคิร์สตี้ กล่าวว่า เด็กเหล่านี้จะได้รับการเรียนรู้เกี่ยวกับสงครามและความขัดแย้งในบทเรียนประวัติศาสตร์ที่โรงเรียน ดังนั้นพวกเขามีความคิดเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น เธอจึงแนะนำให้ดูข่าวNewsround ที่มุ่งเป้าไปที่เด็กอายุ 6-12 ปี ซึ่งอธิบายสิ่งต่างๆ ในลักษณะที่เหมาะสม Newsround ที่มุ่งเป้าไปที่เด็กอายุ 6-12 ปี ซึ่งอธิบายสิ่งต่างๆ ในลักษณะที่เหมาะสม ‘ถ้าคุณกังวลว่าจะทำอย่างไรกับสิ่งต่าง ๆ ให้ดูกับลูกของคุณแล้วสนทนาเกี่ยวกับสิ่งที่คุณได้ดู
การพูดคุยกับเด็กอายุ 8 – 12 ปี อย่าถามว่าพวกเขากังวลอะไร เด็กมักจะพยายามทำความเข้าใจอารมณ์ของตัวเอง ซึ่งอาจทำให้เกิดความกังวลมากขึ้น ให้ถามคำถามเพื่อช่วยให้เด็ก ๆ ได้หาทางแก้ไขความกังวลแทนจะดีว่า นอกจากนี้สิ่งสำคัญเลยที่ผู้ปกครองควรทราบคือ เกี่ยวกับสถานการณ์ยูเครนและรัสเซียว่าเด็ก ๆ ได้ยินเรื่องรอบตัวมาว่าอย่างไร
เด็ก 12 ปีขึ้นไป
เคิร์สตี้แนะนำว่า ให้ถามพวกเขาเกี่ยวกับสิ่งที่รู้มา และให้ความมั่นใจว่าพวกเขาจะไม่เป็นอันตราย ไม่ต้องกังวล ให้เด็ก ๆ รับรู้ว่า คุณจะอยู่ที่นี่เพื่อพูดคุยเรื่องราวต่าง ๆ เพราะเด็กวัยนี้มักเห็นข่าวต่าง ๆ ผ่านสื่อโซเชียล และไม่ได้เป็นข่าวที่ถูกต้องทั้งหมด สำหรับวัยรุ่นนั้น การวิจัยปัญหาระหว่างรัสเซียและยูเครนเป็นสิ่งสำคัญในการศึกษาประวัติศาสตร์ของสงครามในยุโรป และอภิปรายว่าทำไมเราถึงมีสงคราม’ Gemma Eni Cherish ผู้สนับสนุนและผู้ก่อตั้งร่วมของ Spiritus กล่าว
เราได้มีการอภิปรายกลุ่มเพื่อให้ทุกคนมีโอกาสแบ่งปันข้อมูล หลังจากสำรวจสิ่งที่เกิดขึ้นจากสาเหตุซึ่งช่วยบรรเทาความกังวลของพวกเราได้ นอกจากนี้จะยิ่งเพิ่มความมั่นใจให้กับเด็ก ๆ ไม่รู้สึกวิตกกังวล และกล้าที่จะพูดคุยมากขึ้น
การสำรวจความคิดเห็นของเด็ก ๆ ที่มูลนิธิเพื่อการศึกษาที่บ้าน Spiritus
- เด็ก 11 ขวบ : ฉันไม่อยากรู้อะไรเกี่ยวกับมัน
- เด็กอายุ 14 ปี : ฉันสนใจด้านการเมือง ถ้ามันอยู่ใกล้บ้านฉันก็อยากจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
- เด็กชายอายุ 8 ปี : เขารู้แค่เกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่หนึ่งและครั้งที่สอง เขาพบว่ามันน่ากลัวมากที่จะคิดว่าสงครามจะเกิดขึ้นอีกครั้ง
- เด็กหญิงโปแลนด์วัย 14 ปี : รัสเซียเป็นเพื่อนบ้านของเราและต้องการเป็นที่หนึ่งมาโดยตลอด พวกเขาโลภที่ดิน และถ้าคุณเป็นศัตรู พวกเขาจะพยายามที่จะทำลายคุณ
- เด็กชายอายุ 12 ปี : นี่เป็นเรื่องที่น่ากลัวสำหรับทุกคน
- เด็กนักเรียนผู้ลี้ภัยชาวซีเรียวัย 14 ปี : ฉันต้องหนีออกจากประเทศเพราะความตายและสงคราม ฉันรู้สึกปลอดภัยในสหราชอาณาจักร แต่ตอนนี้ รัสเซียจะทำสงครามกับยูเครน ฉันไม่รู้ว่าที่ไหนจะปลอดภัยอีกต่อไป ฉันรู้สึกกลัวกับครอบครัวและฉัน
- เด็กหญิงอายุ 11 ขวบ : รัสเซียบุกยูเครนแล้ว แต่รัสเซียไม่ต้องการให้ยูเครนเข้าร่วม NATO เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น ยูเครนจะได้รับความช่วยเหลือจากส่วนที่เหลือของยุโรปและสหรัฐอเมริกา ทำให้ฉันรู้สึกกังวลในกรณีที่รัสเซียบุกสหราชอาณาจักร รัสเซียวางแผนที่จะทำลายฐานทัพทหารของยูเครนทั้งหมด’
- เด็กหญิงอายุ 13 ปี : ไม่ใช่เรื่องน่าหัวเราะ ฉันไม่เห็นว่าทำไมพวกเขาถึงต้องบุกประเทศในเมื่อพวกเขามีเป็นของตัวเอง
บทความอื่น ๆ ที่คุณอาจจะสนใจ :
5 วิธีปราบคนที่ชอบใช้ คำพูดทำร้ายจิตใจ จนความสัมพันธ์ย่ำแย่
20 คำปลอบลูก ทำอย่างไรให้ลูกหายโกรธ ง่าย ๆ ด้วยคำพูด
14 คำที่ไม่ควรพูดกับพ่อแม่ คำพูดเล็กน้อย แต่ทำร้ายจิตใจไปทั้งชีวิต
ที่มา : metro