เปิดปมเก็บกด อดีตทหารเกณฑ์คลั่ง ยิงตาย 2 ศพ

เปิดปมเก็บกด อดีตทหารเกณฑ์คลั่ง ยิงตาย 2 ศพ

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

จากกรณีคนร้าย อดีตทหารเกณฑ์คลั่ง ที่เข้าไปก่อเหตุโดยใช้อาวุธปืนเข้าสังหารพนักงานร้านสะดวกซื้อชื่อดัง ปากซอยลาดพร้าว 25 จากนั้นได้ไปก่อเหตุกราดยิงที่ โรงพยาบาลสนามปทุมธานี และยิงระยะประชิดผู้ป่วยโควิด-19 เสียชีวิตทันที แล้วจึงขับรถกระบะหลบหนีไป

ย้อนกลับไปสู่เหตุสะเทือนขวัญที่เกิดขึ้น เมื่อคืนวันที่ 24 มิ.ย. เวลาประมาณ 02:30 น. อดีตทหารเกณฑ์คลั่ง ได้เข้าไปบุกยิง พนักงานร้านสะดวกซื้อ ปากซอยลาดพร้าว 25 สาเหตุจากการมีปากเสียงกับพนักงานมาก่อนหน้านี้ เรื่องทำเบียร์ตกแตก แต่ไม่ต่ายค่าเสียหาย ก่อนย้อนกลับมาทำการอุกอาจ ยิงใส่พนักงานที่มีเรื่องกัน แล้วเหยียบลงที่หน้าอก ก่อนหลบหนีไป

ก่อเหตุยิงพนักงานร้านสะดวกซื้อ

ภายหลัง อดีตทหาเกณฑ์คนเดียวกัน ได้ขับรถกระบะไปยังโรงพยาบาลสนาม สถาบันธัญญารักษ์ ถนนพหลโยธินขาเข้า จ.ปทุมธานี เวลาประมาณ 03:30 น. ได้ใช้ปืนยิงผู้ป่วยโควิดชาย เสียชีวิต ขณะเดินกลับจากเข้าห้องน้ำ แล้วจึงทำการยิงกราดบริเวณโดยรอบ ทำลายทรัพย์สินของทางราชการเสียหาย ก่อนจะขึ้นรถกระบะหลบหนีไป

ภาพจากกล้องวงจรปิด เผยให้เห็นช่วงที่เข้าไปทำการอุกอาจยิงผู้ป่วยโควิด-19 เสียชีวิต

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ระดมกำลังตามไล่ล่า ผู้ก่อเหตุ จนพบรถกระบะสีขาว ทะเบียน 3 ฒข 6233 กรุงเทพมหานคร มุ่งหน้าไปทางภายใต้ เข้าสู่จ.ชุมพร และจ.ระนอง เพื่อไปยังบ้านย่าที่เป็นผู้ป่วยติดเตียง จึงได้รุดไปยังสถานที่ดังกล่าว และทำการปิดล้อม และเจรจา จนผู้ก่อเหตุยอมมอบตัวในที่สุด

ผู้ก่อเหตุยอมมอบตัว หลังจากได้พูดคุยกับพิธีกรชื่อดัง จนลดความกดดัน

เบื้องต้นรายงานว่า ผู้ก่อเหตุ ชื่อนายกวิน แสงนิลกุล อายุ 23 ปี ปลดประจำการทหารเกณฑ์ จากหน่วยทหารปฏิบัติการพิเศษ จ.ลพบุรี เมื่อปี 2564 และมีอาการป่วยทางจิตเวช เป็นโรคหลายบุคลิก โดยทางคุณพ่อของผู้ก่อเหตุ เชื่อว่า ความคับแค้นใจตอนไปเป็นทหารเกณฑ์ แล้วถูกครูฝึกซ้อม ทำร้ายร่างกาย ทำให้เป็นแรงกดดัน จนทำให้เกิดภาวะการใช้ความรุนแรงเกิดขึ้น

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ : รวบจับ!!! แท็กซี่มหาภัย ภัยร้ายใกล้ตัว พบเหยื่อเพียบเตือนให้ระวัง

 

3 ลักษณะ จากความเก็บกดของคนทั่วไป (ทฤษฎีอาชญาวิทยา)

ผศ.ดร.ฐนันดร์ศักดิ์ บวรนันทกุล ประธานหลักสูตรปริญญาเอกนานาชาติ ด้านอาชญาวิทยา และการบริหารงานยุติธรรม มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า “คนปกติทั่วไปมีความเก็บกดอยู่แล้ว ใน 3 ลักษณะ โดยลักษณะที่ 1 ความกดดันทั่วไป ซึ่งไม่สามารถระบายออกมาได้ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใด โดยเฉพาะการอยู่ภายใต้อำนาจที่ไม่สามารถตอบโต้ได้เป็นพื้นฐาน”

“ลักษณะที่ 2 ในคนที่มีอาการ “weapons effect” คือมีอาวุธในมือ เคยชินกับการใช้อาวุธ ไม่กลัวในการใช้อาวุธสู้รบ แต่มักจะกลัวเข็มฉีดยา คนกลุ่มนี้ จะชอบเรียนรู้ เชี่ยวชาญในการใช้อาวุธ และเมื่อมีความกดดันเกิดขึ้น ก็จะใช้อาวุธลงมือในกันที”

“ลักษณะที่ 3 เป็นพวกที่ถูกกระตุ้นจากพื้นฐานของตัวเอง เช่นเคยถูกฝึก ได้รับการถ่ายทอด แบบโหดจนทำให้เก็บกด เมื่อไม่ได้ปลดปล่อยออกมา ก็จะเกิดการระบายออกในลักษณะต่าง ๆ เช่นการเล่นกีฬาแบบหนัก ๆ อย่างไตรกีฬาเป็นต้น”

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

“คนพวกนี้หากไม่ออกไปรบ เหมือนมีอะไรตกค้างจากการฝึกโหดแบบทารุณ หากไม่มีการตอบโต้แบบความสะใจ ในการต่อต้านความหวาดกลัว จะทำให้คนพวกนี้มีความคิดฝังอยู่ในสมอง และคิดว่าเหตุอดีตทหารเกณฑ์ที่ก่อเหตุ น่าจะเข้าเงื่อนไขที่ 3 เพราะถูกฝึกทางจิตวิทยาทางทหาร เพราะหากเป็นเงื่อนไขที่ 1 อาจจะแค่ชกต่อย”

 

จรรยาบรรณ และจริยธรรมของสื่อต้องมี

นอกจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นอกจากเป็นบทเรียนที่ทำให้เรามองถึงสภาวะทางจิตใจ และการแสดงออกของพฤติกรรมอันโหดร้ายของผู้ก่อเหตุแล้ว ทางด้านสื่อ ก็ยังเกิดภาพสะท้อนให้เห็นได้อย่างชัดเจนเช่นกัน เนื่องจากก่อนหน้านี้ ได้เกิดเหตุโศกนาฎกรรมครั้งใหญ่ที่ โคราช และเชื่อว่า “สื่อ” ควรที่จะคำนึงถึงหลักของ จรรยาบรรณ และจริยธรรมของผู้สื่อข่าวอย่างเคร่งครัด

เหตุการณ์นี้ก็เช่นกัน ที่มีสื่อบางสำนัก เลือกที่จะเสนอข่าวทันที เพื่อเรียกยอดวิวจากคนดู โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบในการปฏิบัติหน้าที่ของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และความปลอดภัย ในขณะที่สื่ออีกฝั่งหนึ่งกลับยอมไม่ถ่ายทอดสด เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยเดิมที่เคยเกิดขึ้นที่ จ.นครราชสีมา

อีกทั้งมีการเรียกร้องทางสื่อออนไลน์ ให้ชาวเน็ต หยุดประณาม และแชทด่า หรือโพสต์ข้อความด่าทอผู้ก่อการร้าย เพราะเชื่อว่า สิ่งที่กระทำเหล่านั้น เป็นการเพิ่มแรงกดดันให้กับตัวผู้ก่อเหตุ และอาจจะส่งผลให้เกิดเหตุสลดเพิ่มขึ้นได้อีกเช่นกัน

ในยุคสมัยนี้ เนื่องจากเราทุกคนมีสื่ออยู่ในมือ ก็เสมือนว่าเรามีอำนาจทางการสื่อสารต่อสังคมภายนอกในระดับหนึ่ง ดังนั้น การจะพิมพ์อะไร หรือโพสต์ข้อความใด ๆ ก็แล้วแต่ เราจะต้องตระหนักเสมอว่า ข้อความเหล่านั้น จะไม่มีเพียงแค่เรา และเพื่อนของเราเท่านั้นที่ได้เห็น และได้อ่าน และทุกคำพูด ทุกการกระทำที่สื่อสารออกไป เราจะต้องรับผิดชอบต่อการกระทำนั้น ๆ ด้วยเช่นกัน

 

ที่มา : thairath

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :

เกิดเหตุสลด ! พบร่างเด็กชาย 2 ขวบ จมน้ำเสียชีวิต หลังหายไปนานข้ามวัน

1 โลง 2 ชีวิต สาวท้อง 8 เดือน ติดโควิดดับพร้อมลูกในครรภ์

หนุ่มน้อยจาก TikTok อวดพี่น้อง 150 คนเพราะพ่อมีเมีย 27 คน

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

บทความโดย

Arunsri Karnmana