ภาวะสายสะดือไม่เกาะที่ตัวเนื้อรก ส่งผลต่อทารกในครรภ์ เสี่ยงคลอดก่อนกำหนด

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

การตั้งครรภ์มีหลายอย่างที่แม่ท้องต้องระวัง ภาวะอันตรายอย่างหนึ่งที่แม่ท้องควรรู้ คือ ภาวะสายสะดือไม่เกาะที่ตัวเนื้อรก ค่ะ วันนี้เราจะพาคุณแม่มาทำความรู้จักกับภาวะนี้ พร้อมวิธีการรับมือ และการรักษา รวมไปถึงจะพามาดูโอกาสที่คุณแม่จะเกิดภาวะนี้ได้ค่ะ

 

 

ภาวะสายสะดือไม่เกาะที่ตัวเนื้อรก คืออะไร

ภาวะสายสะดือไม่เกาะที่ตัวเนื้อรก จะมีลักษณะเหมือนในภาวะปกติ แต่จะไปเกาะที่เนื้อเยื่อหุ้มรกแทน เมื่อสายสะดือที่เชื่อมต่อคุณแม่กับทารกในครรภ์ไม่เกาะติดกับรกอย่างถูกต้อง ซึ่งเรียกภาวะผิดปกตินี้ว่า “Velamentous cord insertion” ที่อาจส่งผลต่อการเจริญเติบโตของทารก ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์ได้ สามารถทำให้เกิดทารกคลอดก่อนกำหนด หรือเกิดหลอดเลือดรกฉีกขาดขณะคลอด และส่งผลให้เกิดภาวะตกเลือดอย่างรุนแรงขณะคลอด จนอาจส่งผลต่อการเสียชีวิตของทารกหรือตัวคุณแม่เองได้

 

ทำความเข้าใจเกี่ยวกับรกและสายสะดือ

รกเป็นอวัยวะในมดลูก ที่เกิดขึ้นระหว่างตั้งครรภ์ มีหน้าที่ช่วยให้ร่างกายของคุณสามารถแบ่งปันสารอาหารกับทารกในครรภ์ได้ ส่วนสายสะดือเชื่อมต่อทารกในครรภ์กับรกเพื่อให้สามารถแบ่งปันกันได้

โดยปกติแล้ว สายสะดือจะเดินทางจากสะดือของทารกในครรภ์เข้าไปยังภายในรก ซึ่งสามารถเข้าถึงสารอาหารได้ง่าย สารคล้ายเจลที่เรียกว่า Wharton’s jelly จะช่วยปกป้องหลอดเลือดภายในสายสะดือไม่ให้บิด หรือแตก

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ในภาวะสายสะดือไม่เกาะที่ตัวเนื้อรก สายสะดือจะยึดติดกับเยื่อหุ้มนอกของรกแทน ซึ่งหมายความว่าเส้นเลือดจากสายสะดือต้องเดินทางไกลกว่ามากเพื่อรับสารอาหารจากรก และต้องเดินทางโดยปราศจากการปกป้องจาก Wharton’s jelly หากไม่สามารถเข้าถึงสารอาหารจากรกได้ง่าย ทารกในครรภ์อาจพัฒนาช้ากว่าปกติ และหากปราศจากการกันกระแทกจาก Wharton’s jelly หลอดเลือดที่สัมผัสจากสายสะดือจะมีโอกาสแตกและมีเลือดออกมากขึ้น

 

โอกาสที่จะเกิดภาวะสายสะดือไม่เกาะที่ตัวเนื้อรก

ภาวะสายสะดือไม่เกาะที่ตัวเนื้อรกนั้นหายาก มีเพียงประมาณ 1% ของการตั้งครรภ์ลูกคนเดียว และ 6% ของการตั้งครรภ์แฝด เท่านั้นที่เกี่ยวข้องกับการใส่สายสะดือ แต่อัตรานี้จะเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 15% สำหรับฝาแฝดที่มีรกเหมือนกัน (MCDA twins) ค่ะ

บทความที่เกี่ยวข้อง : ความเสี่ยงที่แม่ตั้งครรภ์แฝดควรระวัง เพื่อคลอดลูกแฝดอย่างปลอดภัย

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

สาเหตุของภาวะสายสะดือไม่เกาะที่ตัวเนื้อรก

ตอนนี้เรายังไม่รู้แน่ชัดว่าอะไรเป็นสาเหตุของภาวะสายสะดือไม่เกาะที่ตัวเนื้อรก แต่มักจะปรากฏบ่อยขึ้นในการตั้งครรภ์บางประเภท การทำความเข้าใจว่าเมื่อใดที่มีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้น จะสามารถช่วยให้คุณแม่และคุณหมอ สามารถใช้มาตรการป้องกันที่จำเป็นทั้งหมดเพื่อให้คุณและทารกในครรภ์ปลอดภัยในระหว่างตั้งครรภ์ได้ง่ายขึ้น เรามาดูการตั้งครรภ์ที่แนวโน้มว่าจะเกิดภาวะสายสะดือไม่เกาะที่ตัวเนื้อรกกันค่ะ

  • การตั้งครรภ์ที่มีลูกแฝด โดยเฉพาะแฝดที่มีรกร่วมกัน
  • การตั้งครรภ์ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิสนธินอกร่างกาย (IVF)
  • การตั้งครรภ์ลูกคนแรก
  • การตั้งครรภ์ที่รกเกาะติดกับส่วนล่างของมดลูก ใกล้ปากมดลูก (รกเกาะต่ำ)
  • การตั้งครรภ์ที่มีภาวะที่หลอดเลือดของสายสะดือทอดบนเยื่อหุ้มทารกพาดผ่านปากมดลูก (vasa previa)

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ความเสี่ยงจากภาวะสายสะดือไม่เกาะที่ตัวเนื้อรก

ภาวะสายสะดือไม่เกาะที่ตัวเนื้อรกอาจทำให้พัฒนาการของทารกในครรภ์ช้าลง หากปราศจากการป้องกันของ Wharton’s jelly หลอดเลือดในสายสะดือจะแตกและมีเลือดออก ความเสี่ยงเหล่านี้อาจส่งผลต่อการตั้งครรภ์และลูกน้อยของคุณ

 

ผลกระทบต่อคุณแม่

  • คลอดก่อนกำหนด
  • การผ่าตัดคลอด (C-section) คุณหมออาจแนะนำให้ผ่าคลอดก่อนวันที่กำหนดไว้
  • หากเป็นการผ่าคลอดฉุกเฉิน ในระหว่างการคลอดอาจมีเลือดออกมาก
  • รกลอกตัวก่อนกำหนด
  • ภาวะครรภ์เป็นพิษ ความดันโลหิตของคุณอาจสูงขึ้นหลังจากตั้งครรภ์ได้ 20 สัปดาห์

 

ผลกระทบต่อลูกน้อย

  • ทารกมีน้ำหนักน้อยหรือดูตัวเล็กเมื่อเทียบกับเด็กแรกเกิดทั่วไป
  • ต้องการการดูแลเป็นพิเศษในห้องไอซียูทารกแรกเกิด
  • มีคะแนน Apgar ต่ำ ( Apgar คือผลการประเมินสภาพร่างกายทารกแรกเกิด) การทดสอบ Apgar จะเกิดขึ้นภายในห้านาทีแรกหลังจากที่ลูกของคุณเกิด คุณหมอจะตรวจสอบการหายใจ อัตราการเต้นของหัวใจ ความตึงตัวของกล้ามเนื้อ ปฏิกิริยาตอบสนอง และสีผิวของทารก เพื่อกำหนดคะแนนจาก 0 ถึง 10 คะแนน คะแนนที่ต่ำหมายความว่าลูกน้อยของคุณต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษจากคุณหมอ

 

 

ภาวะแทรกซ้อนของภาวะสายสะดือไม่เกาะที่ตัวเนื้อรก

ประมาณ 6% ของการตั้งครรภ์ที่มีภาวะสายสะดือไม่เกาะที่ตัวเนื้อรก และมีภาวะที่เรียกว่า vasa previa ร่วมด้วย โดยสายสะดือจะยึดติดกับเยื่อที่อยู่ใกล้กับปากมดลูกของคุณ ในระหว่างการคลอด มีความเสี่ยงสูงที่หลอดเลือดจะแตก ทั้งคุณแม่และทารกในครรภ์มีความเสี่ยงที่จะมีเลือดออกมาก ประมาณครึ่งหนึ่งของการตั้งครรภ์เหล่านี้มีโอกาสตายคลอด

ดังนั้นการได้รับการวินิจฉัยตั้งแต่เนิ่น ๆ สามารถป้องกันไม่ให้สิ่งนี้เกิดขึ้น หากคุณหมอตรวจพบเส้นเลือดที่โผล่ออกมาจากสายสะดือใกล้ปากมดลูก คุณหมอจะแนะนำให้ผ่าคลอด ผลลัพธ์ที่เกี่ยวข้องกับภาวะ vasa previa จะดีขึ้นมากด้วยการผ่าคลอด อัตราการรอดชีวิตของทารกในครรภ์สูงถึง 97% ถึง 99% เลยค่ะ

 

อาการของภาวะสายสะดือไม่เกาะที่ตัวเนื้อรก

จะมีอาการเลือดออกทางช่องคลอด โดยเฉพาะในไตรมาสที่สาม นี่อาจเป็นสัญญาณของภาวะสายสะดือไม่เกาะที่ตัวเนื้อรก หรือคุณอาจไม่สังเกตเห็นอาการใดๆ เลยก็ได้ คุณหมอจะสามารถวินิจฉัยภาวะสายสะดือไม่เกาะที่ตัวเนื้อรกผ่านการอัลตราซาวนด์และโดยการตรวจทารกในครรภ์ ทารกในครรภ์อาจมีอัตราการเต้นของหัวใจช้า และปริมาณเลือดลดลง

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

บทความที่เกี่ยวข้อง : สายสะดือพันคอ อันตรายไหม? จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อสายสะดือพันคอเด็ก?

 

การรักษาภาวะสายสะดือไม่เกาะที่ตัวเนื้อรก

ไม่มีวิธีใดที่จะรักษาภาวะสายสะดือไม่เกาะที่ตัวเนื้อรกได้ แต่คุณหมอจะใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษเพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ดังนี้

  • ติดตามการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ทุก 4 ถึง 6 สัปดาห์
  • ทำการทดสอบกับทารกในครรภ์เป็นประจำ ( การทดสอบประเภทนี้ปลอดภัยอย่างยิ่งสำหรับทั้งคุณแม่และทารกในครรภ์ )
    • ทดสอบอัตราการเต้นของหัวใจ
    • การเคลื่อนไหวของทารกในครรภ์
  • ให้นอนโรงพยาบาลเมื่อใกล้ถึงเวลาคลอด
  • กำหนดเวลาผ่าคลอดประมาณสัปดาห์ที่ 34 หากมีความกังวลว่าเส้นเลือดจะแตกและทำให้เลือดออกรุนแรง เช่นเดียวกับภาวะ vasa previa
  • กระตุ้นให้คลอดในสัปดาห์ที่ 40 ( หากคลอดลูกทางช่องคลอด )
  • ใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษในการตรวจสอบสัญญาณชีพของทารกระหว่างการคลอดเพื่อให้แน่ใจว่าคลอดอย่างปลอดภัย

 

ควรทำอย่างไรหากมีภาวะสายสะดือไม่เกาะที่ตัวเนื้อรก

ปรึกษาคุณหมอเพื่อทำความเข้าใจว่าภาวะสายสะดือไม่เกาะที่ตัวเนื้อรกหมายถึงอะไรสำหรับการตั้งครรภ์ของคุณ การรักษาที่คุณแม่ได้รับจะขึ้นอยู่กับกรณีเฉพาะของคุณ ให้ทำตามคำแนะนำของคุณหมอเพื่อดูแลตัวเองให้ดีที่สุดในแต่ละวัน  และนี่คือคำถามที่คุณแม่ควรเก็บไว้ถามเมื่อได้พบคุณหมอ

  • คุณหมอแนะนำให้ทำกิจกรรมประจำวันมากแค่ไหน?
  • ออกกำลังกายแบบไหนได้อย่างปลอดภัย?
  • มีกิจกรรมที่ควรหลีกเลี่ยงหรือไม่?
  • ควรกินอาหารประเภทใด?
  • ควรพักผ่อนเท่าไหร่ในแต่ละวัน?
  • ควรนอนกี่ชั่วโมงในแต่ละคืน?

 

การเรียนรู้เกี่ยวกับภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้จากการตั้งครรภ์อาจเป็นเรื่องน่ากลัว แต่ภาวะแทรกซ้อนนั้นหายาก มีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยมาก คุณแม่ที่ต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิด ทั้งในระหว่างตั้งครรภ์และระหว่างคลอด ให้ปรึกษาคุณหมอได้หากคุณแม่รู้สึกกังวลใจ

 

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :

ภาวะรกงอกติด คืออะไร อาการ รกงอกติด เป็นแบบไหน มีอะไรบ้าง ?

ภาวะแทรกซ้อนในครรภ์แฝด มีอะไรบ้าง จะดูแลครรภ์อย่างไรให้ปลอดภัย ?

ภาวะครรภ์เป็นพิษ อันตรายมากไหม อาการครรภ์เป็นพิษ ดูแลตัวเองอย่างไร

ที่มา : My.clevelandclinic

บทความโดย

Patteenan