เมื่อวันที่ 17 กันยายนที่ผ่านมา นายพิชัย ชุณหวชิร รมว.คลัง แถลงภายหลังการประชุม ครม. ว่า ด้วยความจำเป็นเร่งด่วนจะมีการโอนเงินเข้าบัญชีประชาชนใน กลุ่มเปราะบาง หรือผู้ที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 12.40 ล้านคน และผู้พิการ 2.15 ล้านคน รวม 14.5 ล้านคน งบประมาณรวม 145,552.40 ล้านบาท โดยตั้งใจจะจ่ายให้เสร็จภายในสิ้นเดือนกันยายนนี้ เริ่มตั้งแต่วันที่ 25-30 กันยายนนี้
สำหรับกลุ่มคนที่ได้รับสิทธิในรอบนี้ คือ กลุ่มเปราะบาง คนพิการ เป็นกลุ่มคนที่มีความจำเป็นในการใช้จ่ายสูง คาดว่าเม็ดเงินที่ลงไปจะเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจได้เร็ว อีกทั้งเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ประชาชนกลุ่มนี้
สำหรับกลุ่มคนที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและยังไม่ได้ผูกพร้อมเพย์กับเลขบัตรประชาชน ต้องรีบดำเนินการก่อนวันที่ 25 กันยายนนี้ ส่วนกลุ่มคนพิการไม่ต้องทำอะไร เนื่องจากได้รับเงินสวัสดิการทุกเดือนอยู่แล้ว โดยจะมีเงิน 10,000 บาท เข้าบัญชีในวันที่ 25 กันยายนนี้
สำหรับช่องทางหลักในการตรวจสอบสิทธิและผลการได้รับเงินในโครงการ สามารถตรวจสอบสิทธิได้ตั้งแต่วันที่ 24 กันยายน 2567 เป็นต้นไป ผ่านเว็บไซต์ https://govwelfare.cgd.go.th เว็บไซต์ https://govwelfare.dep.go.th/check (เฉพาะคนพิการ) แอปพลิเคชัน “รัฐจ่าย” (โดยกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง) และศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ผ่านระบบตอบรับอัตโนมัติ โทร. 0 2109 2345 กด 1 กด 5 ทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการและวันนักขัตฤกษ์ 24 ชั่วโมง
ขอขอบคุณที่มา : thaipbs.or.th
กลุ่มเปราะบาง หมายถึงอะไร ?
กลุ่มเปราะบาง หมายถึงกลุ่มบุคคลที่มีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ต่างๆ มากกว่าคนทั่วไป เนื่องจากมีข้อจำกัดหรืออุปสรรคบางประการ เช่น สภาพทางกาย สภาพทางสังคม หรือสภาพทางเศรษฐกิจ ทำให้พวกเขาขาดความสามารถในการปกป้องตนเอง หรือปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงได้ยาก
ตัวอย่างของ กลุ่มเปราะบาง:
- เด็ก: เด็กเล็กอายุไม่เกิน 6 ปี ผู้ด้อยโอกาส เด็กกำพร้า เด็กที่ถูกทารุณกรรม
- ผู้สูงอายุ: ผู้สูงอายุที่อยู่คนเดียว ผู้สูงอายุที่เจ็บป่วยเรื้อรัง
- ผู้พิการ: ผู้พิการทางกาย ผู้พิการทางสติปัญญา
- ผู้ป่วยเรื้อรัง: ผู้ป่วยโรคเบาหวาน โรคหัวใจ
- หญิงตั้งครรภ์: หญิงตั้งครรภ์วัยรุ่น หญิงตั้งครรภ์ที่ไม่มีคู่ชีวิต
- คนไร้บ้าน: คนไร้ที่พึ่ง คนเร่ร่อน
- ผู้เข้าเมือง: แรงงานต่างด้าว ผู้ลี้ภัย
- ชนกลุ่มน้อย: ชนเผ่าดั้งเดิม ชาวเขา
เหตุผลที่กลุ่มเปราะบางมีความเสี่ยงสูง:
- ขาดทรัพยากร: เช่น เงินทุน การศึกษา สุขภาพ
- ขาดโอกาส: เช่น โอกาสในการทำงาน การศึกษา
- ถูกเลือกปฏิบัติ: เช่น การเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติ เพศ หรือความพิการ
- ขาดความรู้: เช่น ขาดความรู้ในการดูแลสุขภาพ หรือการปกป้องสิทธิของตนเอง
- ขาดเครือข่ายสังคม: เช่น ไม่มีครอบครัวหรือเพื่อนฝูงคอยช่วยเหลือ
เงินช่วยเหลือฉุกเฉิน: บทบาทสำคัญในการดูแล และส่งเสริมคุณภาพชีวิตของแม่และเด็ก
มาตรการโอนเงิน 1 หมื่นบาทให้แก่กลุ่มเปราะบางและคนพิการ ซึ่งรวมถึงแม่และเด็กจำนวนมาก ถือเป็นนโยบายที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อคุณภาพชีวิตของกลุ่มคนเหล่านี้ เพราะเงินจำนวนนี้จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนและส่งผลดีต่อคุณภาพชีวิตของคนกลุ่มนี้ในหลาย ๆ ด้าน
ผลดีต่อแม่และเด็กในกลุ่มเปราะบาง
- เพิ่มคุณภาพชีวิต: เงินช่วยเหลือสามารถนำไปใช้จ่ายในค่าอาหารที่ครบถ้วน มีประโยชน์ต่อสุขภาพสำหรับทั้งแม่และลูก นอกจากนี้ ยังสามารถนำไปใช้จ่ายในค่าที่อยู่อาศัย ค่าน้ำค่าไฟ หรือค่ารักษาพยาบาลเบื้องต้น ทำให้ครอบครัวมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
- ส่งเสริมพัฒนาการของเด็ก: เงินส่วนหนึ่งสามารถนำไปซื้อของเล่น อุปกรณ์การเรียนรู้ หรือใช้จ่ายในการส่งเสริมพัฒนาการของเด็กในด้านต่าง ๆ เช่น การอ่าน การวาดภาพ หรือการเล่นดนตรี ซึ่งจะช่วยให้เด็ก ๆ ได้พัฒนาสมองและร่างกายอย่างเต็มที่
- ลดความเครียดของแม่: เมื่อมีรายได้เพิ่มขึ้น คุณแม่จะรู้สึกผ่อนคลายและมีเวลาให้กับลูกมากขึ้น ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันมากนัก ทำให้สามารถดูแลลูกได้อย่างเต็มที่และมีความสุข
- เข้าถึงบริการสาธารณะ: เงินช่วยเหลือสามารถนำไปใช้จ่ายในการเดินทางไปโรงพยาบาล หรือเข้าถึงบริการสาธารณะอื่น ๆ ที่จำเป็นสำหรับเด็ก เช่น การฉีดวัคซีน หรือการตรวจสุขภาพ
- สร้างโอกาสในอนาคต: สำหรับครอบครัวที่มีเด็กเล็ก เงินช่วยเหลือสามารถนำไปออมไว้เป็นทุนการศึกษาให้กับลูกในอนาคตได้
- สำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์หรือมีบุตรเล็ก การได้รับเงินช่วยเหลือในครั้งนี้ ถือเป็นกำลังใจและเป็นการสนับสนุนให้คุณแม่ได้ดูแลตนเองและลูกน้อยอย่างเต็มที่
มาตรการนี้จะส่งผลกระทบต่ออัตราการตั้งครรภ์อย่างไร
มาตรการโอนเงิน 1 หมื่นบาทจะส่งผลกระทบต่ออัตราการตั้งครรภ์อย่างไรนั้น มีปัจจัยหลายอย่างที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากพฤติกรรมของมนุษย์และปัจจัยทางสังคม เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเรื่องการมีบุตรอย่างหลากหลาย โดยผลกระทบหลัก ๆ อาจมีดังนี้
- การวางแผนครอบครัวที่ดีขึ้น: เงินช่วยเหลืออาจทำให้ครอบครัวมีฐานะทางการเงินที่ดีขึ้น ทำให้สามารถวางแผนครอบครัวได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น อาจเลือกที่จะมีบุตรเมื่อพร้อมทั้งด้านร่างกายและจิตใจ
- การดูแลสุขภาพแม่และเด็ก: เงินช่วยเหลือสามารถนำไปใช้ในการดูแลสุขภาพของแม่และเด็กก่อนและหลังการตั้งครรภ์ ทำให้เด็กมีสุขภาพที่ดีและมีโอกาสพัฒนาเติบโตอย่างเต็มที่
- การเพิ่มจำนวนประชากร: ในบางกรณี เงินช่วยเหลืออาจกระตุ้นให้ครอบครัวตัดสินใจมีบุตรมากขึ้น เนื่องจากเห็นว่ามีกำลังทรัพย์เพียงพอที่จะเลี้ยงดูบุตรได้
มาตรการโอนเงิน 1 หมื่นบาท เป็นนโยบายที่สำคัญที่ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของกลุ่มเปราะบางและผู้พิการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแม่และเด็ก เงินจำนวนนี้มีส่วนช่วยในการยกระดับคุณภาพชีวิตและส่งเสริมพัฒนาการของเด็ก
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
ข่าวดี! ชงปรับเบี้ยเด็กแรกเกิด ผู้สูงอายุ คนพิการ เป็นแบบถ้วนหน้า
พ่อแม่มีเฮ รัฐเตรียม แจกเงิน เด็ก ผู้พิการ ผู้สูงอายุ เพิ่มคนละ 1,000 บาท นาน 3 เดือน