หมอเฉลย กินสับปะรดแล้วลิ้นเลือดออก เกิดจากอะไร? แพ้สับปะรดใช่ไหม?

undefined

ผู้ปกครองโพสต์อุทาหรณ์ เด็กกินสับปะรดแล้วลิ้นเลือดออก หมอเฉลยสิ่งที่หลายคนอาจไม่รู้ กินสับปะรดแล้วลิ้นเลือดออก เกิดจากอะไร และควรทำอย่างไร

Advertisement

ผู้ปกครองท่านหนึ่งได้โพสต์ในกลุ่มพวกเราคือผู้บริโภค เล่าว่าเด็ก กินสับปะรดแล้วลิ้นเลือดออก เพื่อเป็นอุทาหรณ์แก่สมาชิกท่านอื่นว่า อย่าปล่อยให้เด็กกินเองหลายชิ้น ซึ่งก็มีสมาชิกเข้ามาแสดงความคิดเห็นมากมาย เช่น อยู่ที่สายพันธุ์ด้วยหรือเปล่า, ตอนเด็กๆ กินนิดเดียวแล้วคันลิ้น จนฝังใจไม่กล้ากินสับปะรดไปนานเลย, สับปะรดมีฤทธิ์เป็นกรด ขนาดผู้ใหญ่กินเยอะยังเป็นเลย, ทางนี้เคยกินทั้งลูก แต่ลูกเล็กๆ นะคะ ใหญ่กว่าฝ่ามือนิดหน่อย กินเพลินๆ เลือดกลบปากเลยค่ะ

ต่อมาเพจหมอม็อดหมอเด็กขอเล่า ได้โพสต์อธิบายเกี่ยวกับประเด็นนี้ กินสับปะรดแล้วลิ้นเลือดออก หรือบางคนกินสับปะรดแล้วคันลิ้น แสบลิ้น เจ็บลิ้น เกิดจากอะไร? แบบนี้เรียกแพ้สับปะรดหรือเปล่า? และควรทำยังไง? 

 

กินสับปะรดแล้วลิ้นเลือดออก – ปากแสบ เกิดจากอะไร? ต้องดูแลยังไง?

เมื่อคืนมีคนโพสต์ในกลุ่มพวกเราคือผู้บริโภค เล่าว่า “เด็กกินสับปะรดเยอะ แล้วลิ้นมีเลือดออก” หลายคนตกใจ คิดว่าอาจ “แพ้สับปะรด” บางคนก็บอกว่า เกิดมาเพิ่งเคยเห็น โพสต์นี้จะเล่าให้ฟังว่าเกิดจากอะไร? และควรดูแลยังไง?

  1. กินสับปะรดแล้วลิ้นเลือดออก ได้ยังไง?

ไม่ได้เกิดจากการแพ้สับปะรด แต่เกิดจาก 2 กลไกหลักที่ทำให้ผิวลิ้นถลอกจนมีเลือดซึมเล็กๆ ออกมาได้

  • กลไกที่ 1: เอนไซม์ bromelain

เป็นเอนไซม์ย่อยโปรตีนที่อยู่ในสับปะรด พอเรากินเข้าไป มันสามารถย่อย “โปรตีนบนเยื่อบุลิ้น” ได้ด้วย เซลล์ผิวบางๆ ที่ลิ้นก็เลยถูกกัด เหมือนแผลเล็กๆ ยิ่งกินเยอะ กินนาน ยิ่งกัดมาก ยิ่งมีแผลมาก

  • กลไกที่ 2: ความเป็นกรดของสับปะรด

สับปะรดมีความเป็นกรดสูง (ค่า pH ประมาณ 3–4) ผิวลิ้นที่โดนเอนไซม์กัดอยู่แล้ว ยิ่งไวต่อกรด แสบ บวม บางคนถึงขั้นมีเลือดซึมออกมาได้ ในเด็กลิ้นจะบอบบางกว่าผู้ใหญ่ การเลือดออกจึงเกิดได้ง่ายกว่านั่นเอง

  1. ส่วนใหญ่จะไม่ถึงขั้นเลือดออก แต่แสบเพดานปาก

ก็เกิดจากกลไกเดียวกันนี่เอง ซึ่งไม่ใช่แค่ลิ้น เพดานปาก แก้มด้านใน เหงือก ก็ระคายเคืองได้โดยเฉพาะถ้ามีแผลอยู่ก่อน (เช่น แปรงฟันแรง เคี้ยวปากตัวเอง) ก็จะยิ่งรู้สึกแสบมากขึ้น

  1. ถ้าลิ้นเลือดออกแล้ว… ทำยังไงดี?

ไม่ต้องตกใจ ถ้าเลือดออกแค่เล็กน้อย มักเป็นแผลตื้นๆ และหายได้เอง ให้ดูแลดังนี้

  •  ล้างปากด้วยน้ำเปล่า เพื่อล้างเอนไซม์และกรด
  •  งดกินสับปะรดสักพัก ให้แผลได้พักตัว
  •  เลี่ยงอาหารร้อนจัด เปรี้ยวจัด เค็มจัด
  •  ดื่มน้ำเยอะขึ้น ให้เยื่อบุในปากชุ่มชื้น
  •  ถ้ามีเลือดซึม ให้ใช้ผ้าก๊อซสะอาดชุบน้ำเกลือกดเบาๆ ได้

ถ้าเลือดไม่หยุด บวมเยอะ หรือมีอาการผิดปกติ ควรพาไปพบแพทย์

ในตอนท้าย คุณหมอได้สรุปสั้นๆ เอาไว้ว่า สับปะรดมีทั้งเอนไซม์ย่อยโปรตีนและกรดสูง ถ้ากินเยอะ กินบ่อย หรือกินผลที่ยังไม่สุกดี เสี่ยงลิ้นถลอกและเลือดซึมได้ บางคนอาจแค่ แสบปาก ไม่มีเลือด ก็เกิดจากกลไกเดียวกัน โดยทั่วไป ไม่อันตรายและหายเองได้ค่ะ

ที่มา : พวกเราคือผู้บริโภค , หมอม็อด หมอเด็กขอเล่า

 

เคล็ดลับกินสับปะรดไม่ให้แสบลิ้น

เพื่อให้ลูกน้อยและคุณพ่อคุณแม่กินสับปะรดได้อย่างสบายใจขึ้น ลองใช้วิธีการเหล่านี้เพื่อลดผลกระทบจากเอนไซม์และกรดในสับปะรดค่ะ

  • เลือกสับปะรดที่สุกเต็มที่

สับปะรดที่สุกเต็มที่มักจะมีปริมาณเอนไซม์ Bromelain น้อยกว่าผลที่ยังดิบหรือไม่สุกดี การเลือกผลที่สุกจึงช่วยลดการระคายเคืองได้

กินสับปะรดแล้วลิ้นเลือดออก

  • ตัดแกนแข็งออก

บริเวณแกนกลางของสับปะรดมักจะมีเอนไซม์ Bromelain สะสมอยู่มากกว่าเนื้อส่วนอื่นๆ การตัดแกนแข็งออกก่อนรับประทานจะช่วยลดปริมาณเอนไซม์ที่เข้าสู่ปาก

  • ใช้วิธีความร้อน

เอนไซม์ Bromelain สามารถถูกทำลายได้ด้วยความร้อน การนำสับปะรดไปผ่านความร้อนเล็กน้อย เช่น การย่าง, การอบ, หรือการทำเป็นสับปะรดกวน จะช่วยลดฤทธิ์การย่อยโปรตีนของเอนไซม์ ทำให้ลดอาการแสบลิ้นลงได้

  • กินคู่กับอาหารอื่น

การไม่กินสับปะรดเปล่า ๆ แต่กินพร้อมกับอาหารอื่น (เช่น โยเกิร์ต, ข้าว) อาจช่วยเคลือบผิวลิ้นและเพดานปาก หรือช่วยเจือจางความเป็นกรดได้

  • ล้างด้วยน้ำเกลือ

บางครั้งมีการแนะนำให้ล้างชิ้นสับปะรดที่ปอกแล้วด้วยน้ำเกลือเล็กน้อยก่อนรับประทาน ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยลดฤทธิ์ของเอนไซม์ได้ แต่ควรล้างด้วยน้ำเปล่าตามอีกครั้งก่อนทาน

  • กินในปริมาณที่พอดี

ไม่ควรกินมากเกินไปในครั้งเดียว โดยเฉพาะในเด็ก ซึ่งมีเยื่อบุในช่องปากที่บอบบางกว่าผู้ใหญ่

ดังนั้น หากจะให้ลูกกินสับปะรด หรือผู้ใหญ่ทานเองก็ดี ควรผ่านกระบวนการลดเอนไซม์และกรดข้างต้นก่อน ที่สำคัญอย่ากินมากหรือบ่อยเกินไป และให้สังเกตอาการตัวเองเสมอ เพื่อความปลอดภัยค่ะ

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

คนท้องกินสับปะรดได้ไหม กินสับปะรดตอนท้องแล้วจะแท้งจริงหรือ?

หมอฉุกเฉินทำคลิปเตือนภัย จะเกิดอะไรขึ้นถ้า “ลูกกลืนถ่านกระดุม”

ฉีดวัคซีนไม่ครบ อันตรายกว่าที่คิด! หมอยกเคส เด็ก 8 ขวบป่วยบาดทะยักรุนแรง

ท้องผูกในเด็ก 4 ขวบปวดท้อง จนต้องนอน รพ. หมอเผยสาเหตุที่พ่อแม่มักมองข้าม

มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!