สลด! เด็ก 2 ขวบหัวติดราวเตียง ดิ้นรนนาน 26 นาที ก่อนดับกลางเนอสเซอรี่

lead image

เด็ก 2 ขวบหัวติดราวเตียง ขณะนอนกลางวันในเนอสเซอรี่ ดิ้นรนขอความช่วยเหลืออยู่นานถึง 26 นาที ก่อนเสียชีวิต บทเรียนราคาแพงที่สังคมไม่ควรมองข้าม

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

เหตุการณ์สลด เด็ก 2 ขวบหัวติดราวเตียง เสียชีวิตขณะนอนกลางวัน ไร้คนช่วย สะท้อนบทเรียนความปลอดภัยในเนอสเซอรี่ พร้อมข้อควรระวังที่พ่อแม่และสถานรับเลี้ยงเด็กต้องใส่ใจ

เด็ก 2 ขวบหัวติดราวเตียง

สลด! เด็ก 2 ขวบหัวติดราวเตียง ดับคาเนอสเซอรี่

กลายเป็นเหตุการณ์ที่สะเทือนใจคนทั้งประเทศ เมื่อเด็กชายวัยเพียง 2 ขวบ ในเนอสเซอรี่แห่งหนึ่ง ในประเทศทาจิกิสถาน เสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจ หลังศีรษะติดอยู่ในช่องราวของเตียงสองชั้นขณะนอนกลางวัน เหตุการณ์นี้ถูกบันทึกจากกล้องวงจรปิด เผยให้เห็นภาพของเด็กที่ดิ้นรน และโบกมือขอความช่วยเหลืออยู่นานถึง 26 นาที โดยไม่มีครู หรือเจ้าหน้าที่สักคนอยู่ในห้องเพื่อดูแล

จากรายงานของสื่อท้องถิ่น เหตุการณ์เกิดขึ้นในเวลา 13:02 น. เด็กชายพลิกตัวขณะหลับ จนขาขวาสอดลงไปในช่องว่างของราวเตียง เขาสะดุ้งตื่น และพยายามจะปีนกลับขึ้นไป แต่ศีรษะกลับติดอยู่ในช่องแคบ ร่างกายห้อยลงมาด้านล่าง เด็กน้อยดิ้นรนเต็มที่ แต่ความเงียบของช่วงนอนกลางวัน และการไร้คนดูแลอยู่ ทำให้ไม่มีใครเห็น กระทั่งเวลา 13:28 น. พนักงานหญิงคนหนึ่ง จึงเดินเข้ามาเห็นเหตุการณ์ และรีบนำตัวเด็กส่งโรงพยาบาล แต่ก็สายเกินไปแล้ว เด็กไม่มีสัญญาณชีพ และเสียชีวิตในที่สุด

ภาพจาก Weibo

ความประมาทที่ไม่ควรเกิดขึ้นในเนอสเซอรี่

เหตุการณ์นี้จุดชนวน ให้สังคมตั้งคำถาม ถึงระบบความปลอดภัยในเนอสเซอรี่ หลายฝ่ายเรียกร้อง ให้มีการตรวจสอบมาตรการดูแลเด็ก ในช่วงเวลานอนหลับ และดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องกับการละเลยหน้าที่ ซึ่งอาจมีโทษจำคุกสูงสุดถึง 5 ปี

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

วิธีการระวัง และป้องกันเหตุซ้ำรอย

เหตุการณ์นี้ไม่ใช่แค่ความโชคร้าย แต่เป็นบทเรียนสำคัญที่พ่อแม่ ครู และสถานศึกษาต้องใส่ใจ เราสามารถป้องกันไม่ให้เกิดโศกนาฏกรรมลักษณะนี้ซ้ำได้ ด้วยวิธีต่อไปนี้

1. เลือกเตียงที่มีมาตรฐานปลอดภัย

  • เตียงเด็กควรมีราวกั้น ที่เว้นระยะห่างไม่เกิน 6 ซม. เพื่อป้องกันศีรษะ หรือแขนขาติด
  • หลีกเลี่ยงเตียงสองชั้น ในเด็กที่อายุต่ำกว่า 6 ขวบ
  • เตียงควรมีวัสดุซับแรง และไม่มีขอบแหลมคม

2. ควบคุมการดูแลขณะนอนหลับ

  • ครูหรือเจ้าหน้าที่ ต้องเฝ้าอยู่ตลอดช่วงนอนกลางวัน
  • ไม่ควรปล่อยเด็กไว้ลำพัง แม้ช่วงสั้น ๆ
  • เด็กเล็กอายุต่ำกว่า 3 ขวบ ต้องมีผู้ดูแลอย่างน้อย 1 คนต่อเด็ก 5 คน
  • ติดตั้งกล้องวงจรปิด และต้องมีคนดูภาพเรียลไทม์ ไม่ใช่แค่เก็บหลักฐานย้อนหลัง

3. ตรวจสอบสภาพอุปกรณ์เป็นประจำ

  • ตรวจสภาพเตียงทุกสัปดาห์ว่ามีส่วนที่ชำรุด แตกหัก หรือไม่ปลอดภัยหรือไม่

4. ฝึกครูพี่เลี้ยง ให้มีความรู้ด้านปฐมพยาบาล

  • ฝึกอบรม CPR หรือปฐมพยาบาลเบื้องต้น
  • เนอสเซอรี่ควรมีแผนรับมือภาวะฉุกเฉิน และซ้อมทุกไตรมาส

5. พ่อแม่ควรตรวจสอบเนอสเซอรี่ หรือสถานรับเลี้ยงเด็ก ก่อนฝากลูก

  • พ่อแม่มีสิทธิ์ขอดูสถานที่ ระบบความปลอดภัย และจำนวนครูต่อนักเรียน ก่อนตัดสินใจให้ลูกเข้าเรียน

เนอสเซอรี่และครู ควรปรับปรุงอะไร?

เหตุการณ์ในทาจิกิสถาน เป็นสัญญาณเตือนให้เนอสเซอรี่ทั่วโลก ทบทวนระบบดูแลเด็ก ในช่วงที่มักถูกมองว่า “ไม่เสี่ยง” อย่างเวลานอนกลางวัน โดยเฉพาะเมื่อเด็กเล็ก ยังไม่สามารถร้องขอความช่วยเหลือได้เต็มที่ การมีระบบดูแลที่รัดกุม การใช้เตียงที่ออกแบบตามมาตรฐานความปลอดภัย และการอบรมบุคลากรอย่างเข้มงวด คือสิ่งที่ต้องเร่งทำ

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

บทบาทของภาครัฐและนโยบายที่ควรมี

แม้การดูแลความปลอดภัยของเด็ก จะเป็นหน้าที่หลักของพ่อแม่ และสถานรับเลี้ยงเด็กก็ตาม แต่ภาครัฐก็มีบทบาทสำคัญ ในการสร้างมาตรฐาน และควบคุมคุณภาพของสถานรับเลี้ยงเด็กทั่วประเทศ เพื่อให้แน่ใจว่าเด็ก ๆ จะได้รับการดูแล ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยสูงสุด

สิ่งที่ภาครัฐควรดำเนินการ:

1. กำหนดมาตรฐานความปลอดภัยสำหรับสถานรับเลี้ยงเด็ก

  • เช่น ขนาดของราวกั้นเตียง, จำนวนครูต่อนักเรียน, ความสูงของเตียงที่อนุญาตใช้ในเด็กเล็ก

2. ตรวจสอบและอนุญาตให้เปิดกิจการตามมาตรฐาน

  • ทุกสถานที่รับเลี้ยงเด็ก ควรผ่านการตรวจสอบ โดยเจ้าหน้าที่รัฐ ก่อนเปิดดำเนินการ
  • หากพบว่าไม่มีการปฏิบัติตามมาตรการ อาจมีบทลงโทษ เช่น ปรับ ปิดกิจการชั่วคราว หรือถอนใบอนุญาต

3. มีช่องทางร้องเรียนที่เข้าถึงง่าย

  • เปิดช่องทางให้ผู้ปกครอง สามารถร้องเรียนได้ทันที หากพบความเสี่ยง หรือพฤติกรรมที่น่าสงสัย
  • ควรมีการติดตามผลอย่างโปร่งใส และแจ้งให้สาธารณชนรับรู้

4. จัดอบรมและออกใบรับรองให้กับบุคลากรดูแลเด็ก

  • ผู้ดูแลเด็กทุกคน ควรผ่านการอบรมความรู้ ด้านการปฐมพยาบาล และความปลอดภัยในการดูแลเด็กเล็ก

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเด็กวัย 2 ขวบในครั้งนี้ จึงไม่ใช่เรื่องของ “ความโชคร้าย” อย่างเดียว แต่เป็นเรื่องของ “ระบบ” ที่จำเป็นต้องมีการปฏิรูปให้รัดกุมมากขึ้น เพื่อไม่ให้เหตุการณ์เศร้าแบบนี้ เกิดซ้ำอีกในอนาคต ชีวิตของเด็กเล็ก เปราะบางเกินกว่าจะฝากไว้กับระบบที่ขาดการควบคุม พ่อแม่เองก็ต้องมีบทบาทในการตรวจสอบความปลอดภัยของเนอสเซอรี่ ในขณะเดียวกันสถานรับเลี้ยงเด็กเอง ต้องยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยทุกจุด ไม่ใช่แค่ในห้องเรียน แต่รวมถึงเวลานอน เวลากิน เวลาวิ่งเล่น เหตุการณ์เศร้าแบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้นอีก และเราทุกคนคือส่วนหนึ่งในการป้องกันมัน

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ที่มา: ctwant

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

ครูปล่อยให้เด็กตาย ไม่ดูแล หลังปล่อยเด็กตาย 10 คน ในเหตุน้ำท่วม

เก๋กู๊ด! ดัดแปลงเตียงเด็กที่ไม่ใช้แล้วให้กลายเป็นเตียงเดี่ยวก็ได้

25 โรงเรียน เตรียมอนุบาล ที่ไหนดี ปี 2568 สร้างความพร้อมลูกน้อยก่อนวัยเรียน

บทความโดย

PP.