ความเชื่อเรื่องเกี่ยวกับ บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ จากเทพเจ้านั้น ไม่ว่าจะไปที่ไหน เราจะเจอความเชื่อแบบนี้อยู่ในทุกๆ ที่ ไม่ว่าจะเป็นสมัยใด ชนชาติใด ก็ตาม โดยเฉาะเรื่องเกี่ยวกับ บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ที่ในทุกๆ ความเชื่อ บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ เหล่านี้ มักจะใช้สำหรับอาบเพื่อชำระล้างสิ่งไม่ดี ที่ติดตัวเรามา หรือแม้แต่บางพื้นที่ก็จะใช้ดื่ม ก็ตาม ความเชื่อเหล่านี้มีต้นตอมาจากความเชื่อ ความศรัทธาของคนในท้องถิ่น ผู้คนเหล่านี้จะให้การการเคารพ และอาศัยอยู่กับธรรมชาติอย่างเกื้อกูลกัน และปลูกฝังความคิดเรื่องการอนุรักษ์ธรรมชาติไว้อย่างแนบเนียน ครั้งนี้เราจะพาไปรู้จักกับ บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ จากที่ต่างๆ รอบโลกที่น่าสนใจกัน
1. โอะชิโนะ ฮักไก (Oshino Hakkai)
Oshino Hakkai
ในสมัยก่อนชาวญี่ปุ่นจะมีธรรมเนียมในการบูชาภูเขาไฟฟูจิ ด้วยการเดินเท้าขึ้นสู่ยอดภูเขา แล้วจึงกลับลงมาแสวงบุญตามจุดสำคัญต่างๆ ที่อยู่รอบภูเขา โดยหนึ่งในสถานที่สำคัญก่อนขึ้นยอดเขาก็คือการมาชำระล้างร่างกาย และจิตใจให้บริสุทธิ์ที่ หมู่บ้านน้ำใส Oshino Hakkai แห่งนี้
หมู่บ้าน โอะชิโนะฮักไก หรือที่คนไทยเรียกกันว่าหมู่บ้านน้ำใส ซึ่งก็ตามที่นักท่องเที่ยวกล่าวขานกันว่าน้ำที่นี่นั้นใสสมชื่อจริงๆ เพราะถึงแม้ว่าบ่อจะลึกมาก แต่เราก็ยังมองเห็นก้นบ่อได้ ผู้คนบูชาบ่อน้ำแห่งนี้ในฐานะบ่อน้ำของเทพเจ้ามาตั้งแต่สมัยโบราณ เป็นหนึ่งในจุดแวะพักชำระล้างจิตใจ ก่อนจะเดินขึ้นภูเขาฟูจิ แล้วจึงกลับลงมาแสวงบุญตามจุดสำคัญต่างๆ ที่อยู่รอบภูเขา ตามธรรมเนียมปฎิบัติดั้งเดิมในการบูชาภูเขาไฟฟูจินั่นเอง
ที่ตั้งของหมู่บ้านนี้อยู่ในเขตจังหวัดยามานาชิ ระหว่างทะเลสาบคาวากุจิโกะ และทะเลสาบยามานาคาโกะ บ่อน้ำที่มีเกิดขึ้นมาจากหิมะที่ละลายช่วงหน้าร้อน ผ่านหินภูเขาไฟที่มีรูพรุนมากมาย เป็นเหมือนเครื่องกรองน้ำชั้นเยี่ยมตามธรรมชาติ ทำให้น้ำใสสะอาดเป็นพิเศษอย่างที่เห็น
2. วิหารฮินดูศักดิ์สิทธิ์ วัดเทมปักสิริงค์ (Tempaksiring Temple)
Tempaksiring Temple
วิหารฮินดูที่สร้างในศตวรรษที่ 13 ใช้ในการประกอบพิธีทางศาสนาพราหมณ์เท่านั้น ในส่วนของบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์นั้นเป็นน้ำที่ได้มาจากน้ำผุดตามธรรมชาติ ไหลไม่หยุดนิ่งมาเป็นระยะเวลาอย่างยาวนาน มีต้นน้ำมาจากภูเขาไฟ ซึ่งชาวบาหลีก็ยังมีความเชื่อว่า เมื่อใครได้อาบน้ำจากบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้จะช่วยรักษาโรคภัยไข้เจ็บ และผิวพรรณเปล่งปลั่ง
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ : แพ็คกระเป๋าขึ้นเครื่อง พาลูกเที่ยวต่างประเทศ ของใช้จำเป็นมีอะไรบ้าง?
3. วิหารคาร์นัค เมืองลักซอร์ (Karnak Temple)
Karnak Temple
มหาวิหารคาร์นัค เป็นวิหารใหญ่ที่สร้างถวายแด่เทพอะมุนราห์ (สุริยเทพ) องค์ฟาโรห์ใช้จัดพิธีกรรมอียิปต์โบราณสำคัญๆ มาแล้วมากมายจากรุ่นสู่รุ่น บริเวณด้านหลังของมหาวิหารนี้เองจะมีสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ซึ่งใช้สำหรับขอพร และอธิษฐานอีกด้วย
ทักซังตั้งเด่นเป็นสง่าท่ามกลางต้นไม้ใหญ่ และชะง่อนผาสูงชัน ด้านหน้าฝั่งตรงข้ามเราจะสามารถมองเห็น น้ำตกซึ่งชาวภูฏานถือว่าเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ หรือ Holy Water เราสามารถดื่มน้ำจากน้ำตกธรรมชาติตรงนี้ได้เลย รับรองว่าไม่มีสารพิษอะไรใดๆ เพราะเป็นน้ำบริสุทธิ์สะอาดจากภูเขาค่ะ ล้างหน้าล้างตาพอชื่นใจ เราก็เดินไปที่ทักซังต่อ บริเวณนี้ห้ามนำสิ่งของใดๆ เข้าไปภายใน อนุญาตแค่เงินสำหรับทำบุญเท่านั้น โทรศัพท์มือถือ หมวก แว่นตา กระเป๋าต่างๆ ที่เรานำขึ้นไปก็ต้องขอฝากไว้ที่คุณฟองเบียร์ ไกด์ของเราให้ช่วยดูแลให้ และเยชิ ไกด์ท้องถิ่นก็พาเราเข้าไปด้านในทักซังเพื่อกราบไหว้ท่านกูรูรินโปเซ ผู้สร้างที่นี่ตามตำนานของชาวภูฏาน
4. คุมาโนะ โคโดะ (Kumano Kodo)
Kumano Kodo
คุมาโนะ โคโดะ เป็นเส้นทางแสวงบุญ ซึ่งคนญี่ปุ่นเชื่อว่าที่นี่เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเทพเจ้า และเส้นทางนี้เองเป็นที่ตั้งของ นาจิ ไทฉะ 1 ใน 3 ศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์ของคุมาโนะ ใกล้เคียงกันคือน้ำตกที่สูงที่สุด และสวยงามที่สุดของญี่ปุ่น และยังเป็นที่ประกอบพิธีชำระล้างร่างกาย บำเพ็ญตนภายใต้น้ำตกศักดิ์สิทธิ์เพื่อความบริสุทธิ์
5. พาโร ทักซัง (Paro Taktsang)
Paro Taktsang
ทักซัง หรือ วัดถ้ำเสือ (The Tiger’s Nest) นี้ตั้งอยู่ที่เมืองพาโร ประเทศภูฏาน เป็นสถานที่แห่งความศรัทธา ที่สำคัญของประเทศ และยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก ด้วยความงดงาม และมนต์เสน่ห์แห่งโลกตะวันออกนั่นเอง
พาโร ทักซัง ตั้งเด่นเป็นสง่าท่ามกลางต้นไม้ใหญ่ และชะง่อนผาสูงชัน ฝั่งตรงข้ามมีน้ำตกซึ่งชาวภูฏานถือว่าเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ สามารถดื่มน้ำจากน้ำตกนี้ได้เลย เชื่อกันว่าสามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ : พาชม 15 ที่เที่ยวฮ่องกงสุดฮิต เที่ยวฮ่องกงด้วยตัวเองไม่ควรพลาด
6. บ่อน้ำราชินี รานี คี วาฟ (Rani ki vav)
Rani ki vav
Rani ki vav (รานี คี วาฟ) หรือเรียกอีกชื่อว่า บ่อน้ำราชินี (The Queen’s Stepwell) ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกของอินเดีย เป็นสระน้ำแบบขั้นบันได ตั้งอยู่ใกล้แม่น้ำสุรัสวดีในรัฐคุชราต สร้างในช่วงปลายศตวรรษที่สิบเอ็ดโดยราชินีอุทัยมาตี เพื่อเป็นอนุสรณ์ถวายแด่กษัตริย์และพระสวามีผู้วายพระชนม์ของพระนาง
สระนี้มีขนาดความยาว 64 เมตร ความกว้าง 20 เมตร และลึก 27 เมตร ถูกค้นพบในช่วงทศวรรษที่ 1960 คาดว่าเดิมใช้เป็นที่กักเก็บน้ำจากตาน้ำใต้ดิน และถูกพัฒนามาเรื่อยๆ ตลอดระยะเวลากว่า 3,000 ปี จนกลายมาเป็นสถาปัตยกรรมแสนงดงามในที่สุด ภาพฝาผนังได้รับการแกะสลักอย่างวิจิตรเพื่อแสดงเรื่องราวต่างๆ เช่น ภาพอวตารเจ็ดปางของพระวิษณุ ภาพนางอัปสรต่างๆ และในบริเวณใกล้ก้นสระจะมีภาพสลักขนาดใหญ่ของพระตรีมูรติ อันได้แก่ พระพรหม พระศิวะ และพระวิษณุ เป็นต้น
7. บ่อน้ำเทพเจ้าธอร์ (Thor’s Well)
Thor’s Well
บางครั้งธรรมชาติก็สร้างสรรค์ภูมิทัศน์ที่มีทั้งความสวยงาม และความอันตรายอยู่ในที่เดียวกัน อย่างเช่นที่ “Thor’s Well” หรือบ่อน้ำเทพเจ้าธอร์ ที่แหลมเพอเพทัวร์ (Cape Perpetua) ชายฝั่งโอเรกอน รัฐโอเรกอน ประเทศสหรัฐอเมริกา
Thor’s Well เป็นบ่อน้ำเค็มที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เกิดจากการที่คลื่นทะเลของมหาสมุทรแปซิฟิคกัดเซาะตามกาลเวลา เกิดเป็นหลุมขนาดใหญ่คล้ายกับถูกค้อนของเทพเจ้าธอร์ฟาดตูมลงมาอย่างแรง รอบปากบ่อเต็มไปด้วยโขดหินแหลมจำนวนมาก เวลาที่จะมองเห็นบ่อได้ชัดที่สุดคือช่วงก่อนน้ำขึ้น 1 ชั่วโมง และ 1 ชั่วโมงหลังจากน้ำเริ่มลง
8. บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งอังกฤษ (Sancreed Well)
Sancreed Well
บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ Sancreed ซุกซ่อนตัวอยู่ลึกเข้าไปในป่าสนของแคว้น Cornwall ประเทศอังกฤษ คาดว่าน่าจะสร้างไว้ตั้งแต่สมัยก่อนคริสต์ศักราช จนกระทั่งผุพังไปตามกาลเวลา และถูกฝังอยู่ในพุ่มไม้หนาทึบอยู่นานหลายปี กระทั่งพระสังฆราชแห่ง Sancreed ได้ค้นพบบ่อน้ำนี้อีกครั้งในในปี พ.ศ. 2422 โดยบริเวณรอบบ่อจะมีผ้าขี้ริ้ว หรือเศษผ้าผูกติดอยู่กับต้นไม้มากมาย โดยผู้ป่วยจะฉีกผ้าออกจากส่วนของร่างกายที่มีอาการบาดเจ็บ เอาไปผูกไว้กับต้นไม้ใกล้กับบ่อน้ำ โดยมีความเชื่อว่าจะทำให้ความเจ็บปวดหายไป ถึงทุกวันนี้ผู้คนก็ยังนิยมนำผ้ามาแขวนอยู่ เพื่อขอพรให้โชคดีนั่นเอง
ที่มา : (trueid)
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ :
สัมผัสชีวิตชนบท การท่องเที่ยวเชิงเกษตร เทรนด์ใหม่กำลังมา
เที่ยวต่างประเทศ พร้อมฉีดวัคซีนฟรี เช็กเลยมีประเทศไหนบ้าง
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!