ต้องแยกแยะ “สุภาพ” กับ “โกหก” สอนลูกพูดความจริง เมื่อการสร้างภาพและรักษาน้ำใจไม่ใช่ทางออก

undefined

สอนลูกพูดความจริง คือหนึ่งในทักษะสำคัญที่พ่อแม่ควรปลูกฝังลูกตั้งแต่เล็ก ในยุคที่การ“สร้างภาพ” หรือ“พูดเพื่อให้คนรู้สึกดี” กลายเป็นเรื่องปกติ

สอนลูกพูดความจริง คือหนึ่งในทักษะสำคัญที่สุดที่พ่อแม่ควรปลูกฝังให้ลูกตั้งแต่ยังเล็ก เพราะเป็นรากฐานของคุณธรรม ความไว้วางใจ และความสัมพันธ์ที่ดีในสังคม แต่ในยุคที่การ “สร้างภาพ” หรือ “พูดเพื่อให้คนรู้สึกดี” กลายเป็นเรื่องปกติในโลกออนไลน์และชีวิตจริง เด็กจำนวนไม่น้อยเติบโตมากับความเชื่อว่า การโกหกเล็กน้อยไม่เป็นไร หรือ ถ้าพูดความจริงจะทำให้คนอื่นเสียใจ

บทความนี้ชวนทำความเข้าใจว่า เหตุใดเด็กจึงโกหก ผลเสียระยะยาวของการโกหกมีอะไรบ้าง และพ่อแม่จะสามารถสอนลูกให้ซื่อสัตย์และกล้าพูดความจริงได้อย่างไร โดยอิงจากงานวิจัยทางจิตวิทยาและพัฒนาการของเด็ก

 

ทำไมเด็กจึงโกหก?

แม้การโกหกจะเป็นพฤติกรรมที่ผู้ใหญ่ไม่ต้องการให้เกิด แต่จากงานวิจัยพบว่า การโกหกเป็นพฤติกรรมที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในกระบวนการพัฒนาทางสมองของเด็ก โดยเฉพาะในช่วงอายุ 3-7 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่สมองเริ่มเรียนรู้ทักษะ “การคิดจากมุมมองของผู้อื่น” (Theory of Mind)

งานวิจัยของ Talwar & Lee (2002) พบว่าเด็กอายุประมาณ 3 ขวบเริ่มสามารถโกหกได้อย่างตั้งใจ และความสามารถในการโกหกอย่างแนบเนียนจะเพิ่มขึ้นตามอายุ ซึ่งสะท้อนถึงพัฒนาการทางสมอง

เด็กอายุ 6-7 ปีเริ่มเรียนรู้ว่า โกหกเพื่อไม่ให้คนอื่นเสียใจ หรือ โกหกเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกลงโทษ คือเรื่อง “ชาญฉลาด” ในมุมของพวกเขา

กล่าวคือ เด็กไม่ได้โกหกเพราะเป็นคนไม่ดี แต่เพราะกำลัง “เรียนรู้ว่าความจริงกับการอยู่รอดในสังคมควรสมดุลกันอย่างไร” ดังนั้น พ่อแม่จึงมีบทบาทสำคัญในการสร้างกรอบคิดและค่านิยมที่ถูกต้อง

 

ประเภทของการโกหกที่พบในเด็ก

  1. โกหกเพื่อหลีกเลี่ยงผลลัพธ์ เช่น ไม่ยอมรับว่าเป็นคนทำของเล่นพัง เพราะกลัวถูกดุ
  2. โกหกเพื่อสร้างภาพลักษณ์ เช่น โม้ว่าได้เกรดดี ทั้งที่จริงไม่ใช่ เพื่อให้เพื่อนยอมรับ
  3. โกหกเพื่อรักษาน้ำใจ เช่น บอกว่า “อร่อยค่ะ” ทั้งที่ไม่ชอบอาหารที่คุณครูทำ
  4. โกหกเพราะเลียนแบบผู้ใหญ่ เช่น เห็นพ่อแม่โกหกในชีวิตประจำวัน เช่น “บอกเขาไปว่าพ่อไม่อยู่”

แม้บางประเภทดูเหมือนไม่มีเจตนาร้าย แต่ถ้าไม่ได้รับคำอธิบายที่เหมาะสม เด็กอาจเรียนรู้ว่า การโกหกคือวิธีที่ใช้ได้ในชีวิตประจำวัน

 

โกหก

 

ผลเสียของการโกหกในระยะยาว

  1. ลดทอนความน่าเชื่อถือในสายตาผู้อื่น เมื่อเด็กชินกับการโกหก คนรอบข้างจะไม่เชื่อใจ ซึ่งอาจส่งผลต่อความสัมพันธ์กับครอบครัว เพื่อน และครู
  2. บิดเบือนคุณธรรม เด็กที่ได้รับการปล่อยปละให้โกหกได้ อาจไม่สามารถแยกแยะได้ว่าอะไรถูกอะไรผิด
  3. เสี่ยงต่อพฤติกรรมไม่เหมาะสมอื่นๆ งานวิจัยโดย Evans & Lee (2013) ชี้ว่า เด็กที่มีแนวโน้มโกหกมากในวัยก่อนเข้าโรงเรียน มีแนวโน้มจะมีปัญหาทางพฤติกรรมในวัยประถม เช่น โกงเกม ลอกการบ้าน
  4. ลดความสามารถในการเผชิญหน้ากับปัญหา การโกหกเป็นการเลี่ยงปัญหา ไม่ใช่แก้ไข เด็กที่ชินกับการโกหกอาจเติบโตมาโดยไม่สามารถรับมือกับความผิดหวังหรือความล้มเหลวได้

 

สอนลูกพูดความจริง : เริ่มต้นอย่างไร?

  1. สร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย

เด็กจะกล้าพูดความจริงได้ ก็ต่อเมื่อเขารู้ว่า “พูดแล้วไม่โดนทำร้าย” ไม่ว่าจะเป็นคำพูดหรือการลงโทษที่รุนแรง

ตัวอย่าง: ถ้าลูกทำแจกันตกและยอมรับ คุณแม่อาจพูดว่า “ขอบคุณลูกที่กล้าพูดความจริง แม้มันจะเป็นเรื่องผิดพลาด” มากกว่าการตะคอกว่า “ทำไมถึงซุ่มซ่ามแบบนี้!”

 

  1. สอนว่า ‘พูดความจริง’ ไม่ใช่แค่การบอกความผิด

บางครั้งเด็กจะเข้าใจผิดว่าพูดความจริง = โดนดุ เพราะถูกสอนให้สารภาพตอนทำผิด

คำแนะนำ: ใช้สถานการณ์อื่นๆ เช่น การเล่าความรู้สึก การบอกความต้องการ เช่น “ถ้าไม่อยากกินก็พูดตรงๆ ได้เลยนะลูก แม่จะหาทางเลือกอื่นให้”

 

  1. เน้นที่ความกล้าหาญและความภาคภูมิใจ

ให้ลูกรู้สึกว่า การพูดความจริงคือความกล้าหาญ และควรได้รับการชื่นชม งานวิจัยของ Lee et al. (2014) พบว่า เด็กที่ได้รับการชื่นชมเมื่อตอบตามความจริง แม้ผลลัพธ์จะไม่ดี มีแนวโน้มที่จะซื่อสัตย์ต่อไปในอนาคต

 

  1. อธิบายผลกระทบของการโกหกอย่างเป็นรูปธรรม

เช่น “ถ้าลูกบอกว่าอ่านหนังสือแล้ว ทั้งที่ยังไม่ได้อ่าน แล้วพรุ่งนี้ตอบครูไม่ได้ จะทำให้ครูไม่เชื่อใจลูกอีกนะ” เด็กจะเข้าใจมากขึ้นถ้าเห็นผลกระทบที่ชัดเจนและจับต้องได้

 

  1. ไม่ใช้คำโกหกในชีวิตประจำวันต่อหน้าลูก

เช่น อย่าบอกให้ลูก “บอกเขาไปว่าแม่ไม่อยู่” ในขณะที่แม่ยืนอยู่ตรงนั้น เพราะจะทำให้เด็กคิดว่าโกหกเล็กน้อยเป็นเรื่องปกติ

สอนลูกพูดความจริง

กรณี “โกหกรักษาน้ำใจ” จะสอนลูกอย่างไร?

นี่คือจุดที่ผู้ใหญ่หลายคนสับสน เพราะเราเองก็เคยพูดโกหกเล็กๆ เช่น “อร่อยมากเลยค่ะ” ทั้งที่ไม่ใช่ เพื่อไม่ให้คนอื่นเสียใจ

วิธีสอนที่เหมาะสมคือ

  • แยกแยะระหว่าง “พูดสุภาพ” กับ “โกหก” เช่น แทนที่จะบอกว่า “อาหารนี้ไม่อร่อยเลย” อาจใช้ว่า “หนูไม่ค่อยชินกับรสชาติแบบนี้ค่ะ”
  • สอนให้พูดความจริงอย่างมีเมตตา การพูดความจริงไม่จำเป็นต้องทำร้ายจิตใจเสมอไป แต่ต้องเลือกคำให้เหมาะสม

 

เด็กควรถูกลงโทษเมื่อโกหกหรือไม่?

นักจิตวิทยาเด็กส่วนใหญ่แนะนำว่า ไม่ควรใช้การลงโทษรุนแรงกับการโกหก เพราะจะทำให้เด็กยิ่งปกปิดความจริง และกลัวที่จะสารภาพในอนาคต ดร. Adele Faber และ Dr. Elaine Mazlish แนะนำในหนังสือ How to Talk So Kids Will Listen & Listen So Kids Will Talk ว่า การรับฟังด้วยความเข้าใจ และให้เด็กได้แก้ไขปัญหาด้วยตนเอง จะช่วยลดพฤติกรรมโกหกได้ดีกว่าการลงโทษ

 

ซื่อสัตย์ไม่ใช่แค่คุณธรรม แต่คือทักษะชีวิต

สอนลูกพูดความจริง ไม่ใช่เพียงเรื่อง “ผิดหรือถูก” แต่คือทักษะที่เด็กต้องเรียนรู้ ทั้งเรื่องความกล้าหาญ การเลือกใช้ถ้อยคำ และการเผชิญกับผลลัพธ์ของคำพูดของตนเอง พ่อแม่คือแบบอย่างสำคัญที่สุดในการปลูกฝังเรื่องนี้ อย่าคาดหวังให้ลูกซื่อสัตย์ หากยังเห็นผู้ใหญ่รอบตัวโกหกอยู่เสมอ

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

วิธีสอนลูก เรื่องการคบเพื่อน ป้องกันลูกเดินทางผิด เพราะกลัวเพื่อนไม่คบ

มั่นใจเกินร้อย จะถอยยังไง? 5 เคล็ดลับ สอนลูกให้กล้ายอมรับความผิดพลาด

ปักหมุด! 10 มารยาทที่พ่อแม่ต้องสอนลูก สร้างนิสัยที่ดีในการเข้าสังคม

มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!