ทัลคัมในแป้งฝุ่น อันตราย เสี่ยงเป็นมะเร็งรังไข่ เตือนภัยคุณผู้หญิง

การทาแป้งฝุ่นหลังอาบน้ำคงเป็นเรื่องปกติสำหรับสาว ๆ และคนทั่วไป แต่ทราบไหมคะ หากทาแป้งฝุ่นที่จุดซ่อนเร้น แม้ว่าทาแล้วจะรู้สึกแห้งสบาย แต่การกระทำเช่นนั้นเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งรังไข่ได้นะคะ รู้ไว้!!!ทาแป้งฝุ่นให้น้องหนู (จิ๊มิ) เสี่ยงเป็นมะเร็งรังไข่ ติดตามอ่าน

ทัลคัมในแป้งฝุ่น อันตราย เสี่ยงเป็นมะเร็งรังไข่

สำหรับสาวๆ ที่ชอบทาแป้งฝุ่นในจุดซ้อนเร้นหลังอาบน้ำใหม่ๆ เพื่อความสบายตัว แต่หารู้ไม่ว่าแป้งที่ใช้ทาอยู่นั้นมีอาจส่วนผสมของ ทัลคัมในแป้งฝุ่น อันตราย ใกล้ตัวสุดๆ เพราะอาจทำให้เป็นมะเร็งรังไข่ไม่รู้ตัวเลยนะ  แล้วเจ้า “ทัลคัม” คืออะไร และควรเลือกแป้งฝุ่นประเภทไหน วันนี้มีคำตอบมาให้ค่ะ

เตือน หยุดใช้แป้งฝุ่นในจุดซ่อนเร้น เสี่ยงเป็นมะเร็งรังไข่

 

แป้งฝุ่นโรยตัว มีทัลคัมผสม

ในอุตสาหกรรมการผลิตแป้งส่วนใหญ่จะมีการใช้แร่ทัลคัม หรือ Talcum ซึ่งเป็นสารอนินทรีย์ มีลักษณะเป็นผงสีขาวและพบได้ทั่วไปตามธรรมชาติ ด้วยคุณสมบัติดูดซับความชื้นได้ดี จึงไม่น่าแปลกใจที่แร่ทัลคัมจะถูกนำมาใช้ในกระบวนการผลิตแป้งฝุ่น รวมไปถึงเครื่องสำอางด้วย

สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา จัดแป้งฝุ่นโรยตัว เป็นเครื่องสำอางควบคุม โดยถือว่าเป็นเครื่องสำอางที่อาจเป็นอันตรายต่อสวัสดิภาพอนามัยของผู้บริโภค แต่ไม่อยู่ในข่ายเสี่ยงต่ออันตรายรุนแรงจึงไม่ต้องขออนุญาตขึ้นทะเบียนเครื่องสำอาง แต่ฉลากต้องมีข้อความที่กฎหมายกำหนด เช่น ชื่อและที่ตั้งของผู้ผลิต หรือผู้นำเข้า วันเดือนปี ที่ผลิต วิธีใช้ และปริมาณสารสำคัญและสารควบคุม ซึ่งในแป้งฝุ่นโรยตัวสำหรับเด็กกฎหมายกำหนดห้ามมีส่วนผสมของ กรดบอริก โซเดียมบอเรต เมนทอล การบูรส่วนแป้งฝุ่นโรยตัวทั่วไป อนุญาตให้มีกรดบอริก หรือ โซเดียมบอเรต ได้ไม่เกิน 3 % มีเมนทอลไม่เกิน 1.0 % และมีการบูร ได้ไม่เกิน 1.5 %

เตือนภัยสาวๆ เสี่ยงเป็นมะเร็งรังไข่ ใช้แป้งฝุ่นทางน้องสาว

ทัลคัมในแป้งฝุ่น อันตราย เสี่ยงมะเร็งรังไข่!!!!

หลังจากอาบน้ำสดชื่นแล้ว  สาวๆ มักจะชอบใช้แป้งโรยตัวตามข้อพับ  ซอกมุมต่าง ๆ เพื่อดูดซับความชื้นทำให้รู้สึกสบายตัว  แม้แต่น้องหนูก็ไม่พลาดเพราะทาแล้วรู้สึกแห้งสบาย  โปรดฟังทางนี้ ทาแป้งฝุ่นให้น้องหนูเสี่ยงเป็นมะเร็งรังไข่ นะคะ

ทัลคัมในแป้งฝุ่น อันตราย

คำยืนยันจากแพทย์ถึงอันตรายของแป้งฝุ่น

นายแพทย์อภิชัย มงคล อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุขก็ได้เปิดเผยข้อมูลที่น่าสนใจว่า  จริง ๆ แล้วแร่ทัลคัมหรือ Talcum จะไม่ก่อให้เกิดอันตราย หากเป็นแร่ทัลคัมบริสุทธิ์ ไม่มีการปนเปื้อนของใยหินหรือวัตถุแปลกปลอมในกระบวนการผลิต ซึ่งทางกระทรวงสาธารณสุขได้ให้ความสำคัญในเรื่องนี้พอสมควร จึงมีการตรวจสอบการผลิตอยู่สม่ำเสมอ ทำให้ผลิตภัณฑ์แป้งฝุ่นโรยตัวที่มีขายตามท้องตลาดค่อนข้างมีความปลอดภัย  โดยธรรมชาติแล้วแร่ทัลคัมที่พบจากแหล่งหินตามธรรมชาติย่อมมีการปนเปื้อนใยหินอยู่แล้ว จึงไม่สามารถบอกได้ว่าแร่ทัลคัมที่ผสมอยู่ในแป้งฝุ่นรวมถึงแป้งเด็ก จะปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์หรือไม่ แต่ที่สำคัญคือ แร่ทัลคัมเป็นสารอนินทรีย์ ไม่สามารถย่อยสลายเองได้ ผู้ที่ใช้แป้งฝุ่นโรยตัวยังคงมีความเสี่ยงต่อโรคทางเดินหายใจ ยิ่งไปกว่านั้นจากข้อมูลของกระทรวงวิทยาศาสตร์พบว่า การสูดดมผงแป้งในอากาศจะเพิ่มความเสี่ยงการเป็นภูมิแพ้และมะเร็งปอดในเด็ก ส่วนผู้หญิงที่ใช้แป้งฝุ่นทาจุดซ่อนเร้นเป็นเวลานาน เพราะมีงานวิจัยพบว่า ผู้หญิงที่ใช้แป้งลดความอับชื้นที่อวัยวะเพศ มีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งรังไข่เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า นั่นเพราะอาจเป็นไปได้ที่แป้งจะหลงเข้าไปในร่างกายผ่านช่องคลอด มดลูก และท่อนำไข่ จนเข้าไปสู่ช่องท้อง

รศ.ดร.ไสยวิชญ์ วรวินิต ผู้เชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยีแป้ง และนักเทคโนโลยีดีเด่นของมูลนิธิส่งเสริมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในพระบรมราชูปถัมภ์ ประจำปี 2549 ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสารทัลคัมว่า “เนื่องจาก ทัลค์ เป็นสารอนินทรีย์ จึงไม่ถูกย่อยสลายด้วยจุลินทรีย์ในธรรมชาติ ดังนั้นการทาแป้งโดยเฉพาะตอนโรยแป้ง ผงแป้งจะลอยในอากาศ หากสูดดมเข้าไปทางลมหายใจเป็นเวลานานจะเกิดการสะสมเป็นก้อนในปอด ทำให้เกิดโรคทางเดินหายใจ  ในผู้หญิงหากใช้โรยบริเวณจุดซ่อนเร้นเป็นเวลานานๆ อาจทำให้เกิดมะเร็งรังไข่ ดังนั้น  ผู้หญิงไม่ควรโรยแป้งบริเวณจุดซ่อนเร้น”

อ่าน  อย.ชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีแป้งฝุ่นโรยตัว คลิก

อย.ชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีแป้งฝุ่นโรยตัว

อย.ประกาศเตือนเกี่ยวกับสารปนเปื้อนของแร่ใยหินในผลิตภัณฑ์แป้งทาตัว  ดังนี้

  • ประกาศกระทรวงสาธารณสุขกำหนดให้แร่ใยหินเป็นวัตถุห้ามใช้ในส่วนผสมของเครื่องสำอาง
  • พ.ศ.2552 – 2553 จากการสุ่มตัวอย่างเครื่องสำอาง  40 ตัวอย่าง ไม่พบสารปนเปื้อน
  • พ.ศ. 2557 – 2558 จากการสุ่มตัวอย่างเครื่องสำอาง  73 ตัวอย่าง  ไม่พบสารปนเปื้อน
  • นอกจากนี้ได้ออกบทลงโทษกรณีผู้ฝ่าฝืน คือ หากตรวจพบแร่ใยหินในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 5 แสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

เภสัชกรหญิงสุมาลี พรกิจประสาร ผู้อำนวยการสำนักควบคุมเครื่องสำอางและวัตถุอันตราย ภายใต้ อย. เปิดเผยว่า สูตรแป้งฝุ่นในประเทศไทยที่มีการจดทะเบียนกับ อย. กว่า 300 สูตร มีส่วนผสมของ ทัลค์ (Talc) ทั้งสิ้น จึงมีโอกาสบ้างที่จะมีการปนเปื้อนแร่ใยหินในกระบวนการผลิต ซึ่งจากการสุ่มตรวจสารปนเปื้อนแร่ใยหินหรือแอสเบสทอส ที่มากับแป้งฝุ่น จากข้อมูลปี 2553-2558 มีการสุ่มตรวจตัวอย่างแป้งจำนวน 73 ตัวอย่างในประเทศไทย ไม่พบสารปนเปื้อนที่ก่อให้เกิดอันตราย

เภสัชกรหญิงสุมาลี ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการใช้แป้งให้เหมาะสม คือ

1. ในเด็กทารกห้ามทาแป้งเยอะจนเกินไป ไม่ทำให้แป้งฟุ้งกระจายเข้าจมูก เพราะอาจก่อให้เกิดโรคมะเร็งปอด เยื่อหุ้มปอดอักเสบได้

2. ผู้หญิงไม่ควรทาแป้งในบริเวณจุดซ่อนเร้น ที่อาจเสี่ยงต่อการสะสม และเป็นส่วนกระตุ้นให้เป็นมะเร็งได้

อันตราย เสี่ยงเป็นมะเร็งรังไข่ ทาแป้งฝุ่นในน้องสาว

ใช้แป้งฝุ่นอย่างปลอดภัย

1. การเลือกซื้อผลิตภัณฑ์แป้งฝุ่นทาตัว ควรเลือกซื้อชนิดที่ภาชนะบรรจุอยู่ในสภาพเรียบร้อย ไม่มีรอยบุบ เพราะอาจทำให้เชื้อจุลินทรีย์หรือสารต่าง ๆ เข้าไปปะปนได้ ตรวจดูฉลาก ดูวัน เดือน ปี ที่ผลิต ชื่อและที่ตั้งผู้ผลิต หรือผู้นำเข้า วิธีใช้ ปริมาณสารสำคัญและสารควบคุมที่ชัดเจน มีแผ่นกระดาษกาวหรือแผ่นพลาสติกหุ้มบริเวณฝาที่ใช้เทแป้งว่าเรียบร้อยดีหรือไม่ ไม่ซื้อแป้งฝุ่นชนิดที่ตักแบ่ง  เพราะไม่ถูกสุขลักษณะอาจมีการปนเปื้อนของเชื้อจุลินทรีย์ เช่น เชื้อสตาฟิโลคอกคัส ออเรส ซึ่งทำให้เกิดฝี หนอง และสิวได้ เชื้อซาลโมเนลลา เป็นเชื้อที่มีอันตราย ทำให้เกิดอาการไข้และอาหารเป็นพิษ และเชื้อคลอสตริเดียม เชื้อนี้เป็นสาเหตุทำให้เนื้อเยื่อเกิดเน่าตาย และ ทำให้มีการติดเชื้อที่อวัยวะหลายแห่งได้ เป็นต้น

2. หลังใช้แป้งฝุ่นทาตัวทุกครั้ง ควรปิดฝาให้เรียบร้อย เพื่อป้องกันการปนเปื้อนของฝุ่นละออง ที่พลัดตกลงในภาชนะบรรจุ และเก็บแป้งให้เรียบร้อย พ้นจากมือเด็ก เพื่อป้องกันเด็กนำแป้งไปเล่น หรือกินเข้าไปซึ่งอาจทำให้เกิดอันตรายได้

3. แพทย์แนะนำให้หลีกเลี่ยงการใช้แป้งทาตัวเด็กที่มีส่วนผสมของสารทัลคัม เพราะอาจก่อให้เกิดโรคของระบบทางเดินหายใจและมะเร็งรังไข่ตามที่ได้กล่าวมาแล้ว ควรเลือกใช้แป้งที่มีส่วนผสมของวัตถุดิบธรรมชาติ เช่น แป้งข้าวเจ้าสตาร์ช (rice starch) แป้งข้าวโพด (corn starch) หรือแป้งสำหรับเด็กแรกเกิด เพราะเป็นสารอินทรีย์ที่ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ ไม่เกิดการสะสมในปอดหรือเกิดอาการแพ้ และลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็งรังไข่ด้วย

4. ถ้าพบว่าแป้งฝุ่นทาตัวมีสีและกลิ่นเปลี่ยนไป ควรหยุดใช้ เพราะอาจมีการปนเปื้อนของเชื้อจุลินทรีย์

5. ถ้าจะใช้แป้งทาที่อื่น ๆ ในร่างกายก็เทแป้งครั้งละน้อย ๆ และพยายามอย่าให้ฟุ้งในอากาศ เพราะจะปนเปื้อนเข้าปอด

6. ทุกครั้งที่ทาแป้ง ก็ควรใช้ทีละน้อย ๆ และทาในบริเวณที่เหมาะสม  จะได้ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ

อย่าใช้แป้งฝุ่น ทาจุดซ่อนเร้น

เรื่องน่ารู้มาดูแลน้องหนู (จิ๊มิ)ให้ถูกสุขลักษณะ

1.การดูแลสุขลักษณะบริเวณอวัยวะเพศ และก้นไม่ให้อับชื้นก็คือ การล้างด้วยสบู่อ่อนแล้วล้างน้ำให้หมดสบู่ ตามด้วยการซับให้แห้งก่อนใส่ผ้าอนามัยชิ้นใหม่ และผ้าอนามัยบ่อย ๆ จะได้ไม่เหนอะตัว และไม่มีกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์

2.ถ้ารู้สึกว่ามีอาการแสบคันบริเวณก้นหรืออวัยวะเพศ ให้สังเกตและดูแลเรื่องของความชื้น หรือการแพ้ผ้าอนามัย หรือการใช้สบู่ที่มีความเป็นกรดหรือด่างมากเกินไป หรืออาจมีการติดเชื้อก็ได้ อย่านิ่งนอนใจควรไปปรึกษาแพทย์

3.หากผิวบริเวณจุดซ่อนเร้นแห้งหรือระคายเคืองอาจใช้วาสลีนทาผิวบริเวณนั้นบาง ๆ เพื่อลดการระคายเคือง

อ้างอิงข้อมูลจาก

https://www.thaithesims3.com

https://www.matichon.co.th/

https://www.thairath.co.th

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

สวนล้างช่องคลอด : อนามัยหรืออันตราย

วิธีทำความสะอาดอวัยวะเพศหญิง (จิ๊มิลูกสาว)