เมื่อลูกเริ่มโตขึ้น การใช้เปลนอนอาจไม่เหมาะกับเด็กอีกต่อไป คุณพ่อคุณแม่อาจสงสัยว่าควร ย้ายลูกจากเปลไปใช้เตียง ได้ตอนไหน เพราะกลัวว่าลูกจะรู้สึกไม่ชิน จนเกิดอาการงอแง ร้องไห้ขึ้นมา ไม่ต้องกังวลใจไปนะคะ วันนี้ theAsianparent Thailand จะพาคุณพ่อคุณแม่มาดูกันว่า เด็กควรเปลี่ยนไปใช้เตียงเมื่อไหร่ และวิธีไหนที่จะช่วยย้ายลูกไปนอนเตียงได้บ้าง พร้อมแล้ว ไปดูกันเลยดีกว่า
ย้ายลูกจากเปลไปใช้เตียง ได้ตอนไหน
โดยทั่วไปแล้ว คุณพ่อคุณแม่สามารถย้ายลูกวัยหัดเดินไปนอนเตียงได้หลายช่วงอายุ เด็กบางคนอาจเปลี่ยนไปนอนเตียงได้ตั้งแต่ประมาณ 18 เดือน ในขณะที่เด็กบางคนอาจใช้เวลาเปลี่ยนไปใช้เตียงมากกว่า โดยอาจใช้เวลาถึง 2 ขวบ – 2 ขวบครึ่ง หรือแม้กระทั่ง 3 ขวบ – 3 ขวบครึ่งเลยก็ได้ แต่ก็ถือเป็นเรื่องปกติในการย้ายลูกมานอนเตียงค่ะ หากคุณพ่อคุณแม่รู้สึกว่าลูกพร้อมในการย้ายไปนอนเตียงแล้ว อาจเปลี่ยนไปใช้เตียงทันทีเลยก็ได้ แต่โดยทั่วไปนั้น เด็กส่วนใหญ่ก็พร้อมที่จะย้ายไปนอนเตียงได้ตั้งแต่ 2 ขวบค่ะ
สัญญาณที่ลูกพร้อมเปลี่ยนจากเปลไปใช้เตียง
บางครั้งการที่ลูกพร้อมย้ายไปนอนเตียง อาจไม่รอจนถึง 3 ขวบเลยก็ได้ เพราะอาจมีสัญญาณบางอย่างที่บ่งบอกว่าลูกพร้อมย้ายไปนอนเตียงแล้ว หากคุณพ่อคุณแม่พบว่าลูกมีพฤติกรรมใด ๆ ต่อไปนี้ อาจพิจารณาได้ว่าเขาพร้อมไปนอนเตียงได้แล้วค่ะ
-
ลูกปีนออกจากเปลเอง
หากลูกปีนออกจากเปลเองได้ ก็แสดงว่าเขาพร้อมที่จะย้ายไปนอนเตียงแล้ว แม้ว่าเปลเด็กจะสูงมาก แต่การที่ลูกสามารถปีนออกมาได้นั้น ก็แสดงว่าลูกโตพอที่จะเปลี่ยนมาใช้เตียงแล้ว อีกทั้งการที่ลูกปีนออกจากเปลเอง อาจเป็นอันตรายแก่ตัวเขาได้ ดังนั้นหากคุณพ่อคุณแม่พบว่าลูกปีนออกจากเปลเอง ควรย้ายลูกมานอนเตียงเลยนะคะ
-
ลูกนั่งกระโถนเป็นแล้ว
เมื่อลูกนั่งกระโถนเป็นแล้ว แน่นอนว่าคุณพ่อคุณแม่ก็อยากให้เขาเข้าห้องน้ำได้ง่าย ๆ ยิ่งโดยเฉพาะในตอนกลางคืน หากลูกตื่นขึ้นมากลางดึก ก็อยากที่จะปีนออกจากเปลนอน ดังนั้นเมื่อลูกนั่งกระโถนได้แล้ว ก็ถือเป็นสัญญาณที่เขาพร้อมย้ายไปนอนเตียงได้นั่นเองค่ะ
บทความที่เกี่ยวข้อง : ย้ายลูกไปห้องนอนตัวเอง วิธีแยกห้องนอนให้ลูกไม่งอแง ควรนอนคนเดียวเมื่อไหร่ ?
-
ตัวลูกใหญ่กว่าเปล
อีกหนึ่งวิธีสังเกตเมื่อลูกพร้อมย้ายไปนอนเปล คือ การที่ลูกตัวใหญ่กว่าเปลนอนแล้ว หากลูกของคุณตัวชิดกับหัวเตียงแล้ว คุณพ่อคุณแม่สามารถให้ลูกนอนเตียงได้เลยนะคะ เพราะไม่เช่นนั้น ลูกอาจรู้สึกอึดอัด และนอนได้อย่างไม่สบายตัว
-
คุณพ่อคุณแม่มีน้อง
อย่างที่รู้กันว่า เมื่อคุณแม่มีน้อง ก็อาจเป็นสัญญาณว่าลูกคนโต พร้อมสำหรับการย้ายไปนอนเตียงแล้ว อย่างไรก็ตาม คุณพ่อคุณแม่อาจต้องสอนลูกไม่ให้รู้สึกอิจฉาน้อง โดยอาจเริ่มให้ลูกย้ายไปนอนเตียงอย่างน้อยหนึ่งถึงสองเดือนก่อนการคลอดบุตร ก็จะช่วยให้ลูกไม่รู้สึกว่าโดนแย่งความรักค่ะ
วิธี ย้ายลูกจากเปลไปใช้เตียง
สำหรับวิธีการย้ายลูกจากเปลไปนอนเตียงนั้น คุณพ่อคุณแม่อาจต้องเข้าใจก่อนว่า เด็กบางคนอาจไม่รู้สึกคุ้นชินกับสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ จนอาจทำให้เขารู้สึกงอแงในช่วงแรก แต่อย่าพึ่งกังวลใจไปนะคะ เรามาดูวิธีย้ายลูกจากเปลไปใช้เตียงกันค่ะ
-
ให้ลูกนอนกับพื้นก่อน
คุณพ่อคุณแม่สามารถเปลี่ยนให้ลูกมานอนกับพื้นก่อน ซึ่งจะช่วยให้ลูกสามารถปรับตัวกับเตียงได้ แม้ว่าช่วงแรก ๆ นั้น ลูกอาจใช้เวลาในการนอนหลับมากกว่าปกติ แต่ในไม่ช้า เด็กก็จะเรียนรู้วิธีการนอนหลับบนที่นอนได้เอง ทางที่ดีคุณพ่อคุณแม่ให้หาฟูก หรือเอาเบาะที่นอนมาวางไว้ ก็จะช่วยประหยัดกว่าการซื้อชุดที่นอนใหม่ทั้งหมดค่ะ
-
ให้ลูกนอนบนเตียงบ่อย ๆ
แม้ว่าการย้ายลูกไปนอนบนเตียงอาจเป็นเรื่องที่อยาก แต่คุณแม่อาจให้ลูกลองนอนบนเตียงบ่อย ๆ สลับกับการนอนในเปล หรือบนพื้น ก็จะช่วยให้ลูกได้คุ้นชินกับพื้นที่ และสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ และยังช่วยให้เขาเริ่มอยากย้ายมานอนเตียงได้มากขึ้น
บทความที่เกี่ยวข้อง : จัดห้องนอนให้ถูกหลักฮวงจุ้ย เสริมมงคลในชีวิตคู่ ขาเตียงไม่หัก รักกันยาวนาน
-
ให้ลูกเลือกเตียงที่ชอบ
การให้ลูกเป็นคนเลือกเตียงเอง จะช่วยให้เขารู้สึกเป็นส่วนหนึ่งกับเตียงได้มากขึ้น คุณพ่อคุณแม่อาจพาลูกไปเลือกซื้อเองตามที่เขาชอบ รวมทั้งให้ลูกเป็นคนเลือกตุ๊กตา หรือหมอนข้างเอง ก็จะช่วยให้เขารู้สึกปลอดภัยมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ คุณพ่อคุณแม่อาจตกแต่งห้องนอนลูกให้มีบรรยากาศน่ารัก และอบอุ่น เพื่อส่งเสริมให้ลูกอยากนอนเตียงได้มากขึ้นค่ะ
-
สร้างความน่าตื่นเต้น
การย้ายลูกจากเปลไปนอนเตียง ไม่ใช่เรื่องที่ยากลำบากไปทั้งหมด คุณพ่อคุณแม่ควรทำให้การย้ายที่นอนนี้ เป็นเรื่องน่าตื่นเต้นสำหรับเขา โดยอาจเล่าให้ลูกฟังว่า “มีเตียงโต ๆ เหมือนของแม่อยู่ในห้องหนู หนูอยากนอนไหม” นอกจากนี้ คุณพ่อคุณแม่สามารถให้ลูกช่วยเลือกเครื่องนอนเอง ก็จะช่วยให้ลูกรู้สึกคุ้นเคยกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ได้ดีขึ้น
-
ให้ลูกอดทน
อย่าแปลกใจว่าทำไมลูกถึงงอแง เมื่อต้องเปลี่ยนไปนอนเตียง เพราะเขารู้สึกไม่คุ้นชินกับสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ นั่นเองค่ะ คุณพ่อคุณแม่อาจต้องให้ลูกอดทนไปก่อนในช่วงนี้ แม้ว่าเขาจะงอแงก็ตาม ลูกก็จะรู้สึกคุ้นชินไปเองเมื่อผ่านไป 2-3 สัปดาห์ค่ะ
บทความที่เกี่ยวข้อง : ลูกตกเตียง ลูกตกเตียงทำยังไง วิธีรับมือเมื่อลูกน้อยตกเตียง
เคล็ดลับการให้ลูกนอนเตียงอย่างปลอดภัย
สำหรับเตียงนอนของเด็ก อาจมีความแตกต่างจากผู้ใหญ่อยู่หลายส่วน คุณพ่อคุณแม่จึงต้องใส่ใจในการเลือกเตียงเป็นพิเศษ เพื่อความปลอดภัย และความสะดวกสบายของลูกน้อย โดยเคล็ดลับการให้ลูกนอนเตียงอย่างปลอดภัยนั้น มีดังนี้
- เลือกเตียงนอนที่สัมผัสพอดี : คุณพ่อคุณแม่ควรเลือกเตียงนอนที่มีความแน่น ไม่แข็งหรือนิ่มจนเกินไป เพราะเมื่อเวลาลูกนอนคว่ำ ก็อาจทำให้จมไปกับที่นอน จนทำให้ขาดอากาศหายใจได้ อีกทั้งการใช้ที่นอนที่แข็งเกินไป ก็อาจส่งผลให้ลูกไม่สบายตัวอีกด้วย
- ไม่ใช้ที่นอนเก่า : ควรซื้อที่นอนใหม่ให้แก่ลูก เพราะที่นอนเก่านั้น จะมีรอยบุ๋ม หรือรอยยุบตัวที่อาจส่งผลแก่พัฒนาการของลูกได้ รวมทั้งการให้ลูกนอนบนที่นอนเก่า ยังอาจส่งผลต่อสุขภาพของลูก โดยเฉพาะเรื่องของความสะอาด
- เลือกเตียงที่มีราวกั้น : คุณพ่อคุณแม่อาจต้องเลือกซื้อเตียงที่มีราวกั้น เพื่อป้องกันลูกนอนดิ้นในเวลากลางคืน หากลูกของคุณนอนดิ้นบ่อย ๆ ก็อาจเสี่ยงให้ลูกตกเตียงได้ ดังนั้นการเลือกซื้อเตียงที่มีราวกั้นนั้น จะช่วยป้องกันลูกนอนดิ้น และตกเตียงได้เป็นอย่างดี
ย้ายลูกจากเปลไปใช้เตียง อาจไม่มีช่วงเวลาที่ตายตัว ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่จึงต้องสังเกตพฤติกรรมของลูกว่าลูกพร้อมที่จะย้ายไปนอนเตียงแล้วหรือยัง หากลูกพร้อมแล้ว คุณพ่อคุณแม่ก็สามารถย้ายเขาไปนอนบนเตียงได้ นอกจากนี้ คุณพ่อคุณแม่อาจให้ลูกเป็นคนเลือกเตียงเอง ก็จะช่วยให้เขารู้สึกคุ้นเคย และรู้สึกอยากย้ายไปนอนเตียงที่ตัวเองเป็นคนเลือกค่ะ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
100 สิ่งที่คุณแม่หลังคลอดต้องรู้ ตอนที่ 8 จัดเตียงนอนเจ้าตัวเล็ก
นอนกับลูกดีอย่างไร พ่อแม่ที่นอนเตียงเดียวกับลูกต้องระวังอะไรบ้าง
10 เตียงเด็กสุดน่ารัก ซื้อไปใช้ลูกชอบแน่นอน นอนหลับ ยิ้มได้ สบายใจ
ที่มา : healthline , bangkokbiznews